การุณ ศุขะพันธ์ เกษตรกรดีเด่นไร่นาสวนผสม

ในปี 2556 กรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศผลการคัดเลือกเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่น ระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2556 ซึ่งการพิจารณาตัดสินคัดเลือก ในสาขาอาชีพไร่นาสวนผสม ได้แก่ คุณการุณ ศุขะพันธ์ เกษตรกรจังหวัดลพบุรี

คุณการุณ ศุขะพันธ์ ปัจจุบัน จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนดรุณศิลป์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง อยู่บ้านเลขที่ 160 หมู่ที่ 7 บ้านหนองไผ่ล้อม ตำบลดอนดึง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี มีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 99 ไร่ เป็นพื้นที่ของตนเอง 55 ไร่ และพื้นที่เช่า 44 ไร่

เดิมคุณการุณ รับราชการครู แต่ทำได้เพียง 3 ปี ก็กลับมาช่วยพ่อแม่ทำการเกษตร ในระหว่างนั้นพื้นที่ถูกน้ำท่วม นาข้าวเสียหาย จึงจำเป็นต้องเช่าที่ดินเพื่อทำการเกษตร จำนวน 38 ไร่ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปลูกข้าวหอมมะลิ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความขยันและอดทน ทำให้คุณการุณมีที่ดินเป็นของตนเอง ผนวกกับส่วนที่เป็นมรดกของภรรยา ทำให้มีที่ดินทำกินเพิ่มเป็น 30 ไร่

พื้นที่ทั้งหมด ใช้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จึงปลูกข้าวฟ่างหรือทานตะวัน ตามแต่สภาพอากาศจะอำนวย และแบ่งพื้นที่ 2-3 ไร่ ไว้สำหรับปลูกข้าวเพื่อบริโภค ซึ่งพื้นที่ใกล้เคียงส่วนใหญ่ปลูกอ้อย แต่คุณการุณมองต่าง เห็นว่าการปลูกอ้อยใช้เวลานานกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิต จึงแก้ปัญหาโดยการขุดบ่อโพง บ่อบาดาล 2 บ่อ ใช้น้ำจากบ่อที่ขุดมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปลูกข้าว พืชผัก และนำต้นไม้ชนิดอื่นเข้ามาปลูกแซมทั้งพื้นที่ ได้แก่ มะม่วง ขนุน กระท้อน มะขามหวาน มะพร้าว กล้วย ผสมผสานกันในพื้นที่ 5 ไร่ เมื่อผลผลิตเริ่มมี รายได้ก็เข้ามา

ปี 2530 คุณการุณ เห็นว่าพริกพันธุ์จินดา เป็นพืชที่เหมาะกับสภาพพื้นที่และราคาดี จึงนำพริกเข้ามาทดลองปลูกในพื้นที่ 2 งาน มีรายได้จากการขายพริกถึง 2,500 บาท ต่อรอบการผลิต จึงขยายพื้นที่ปลูกเป็น 10 ไร่ และมีรายได้จากการปลูกพริกถึงปีละประมาณ 20,000 บาท

การปลูกพืชเพียงชนิดเดียว มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับพืชไร่ จึงลดพื้นที่ปลูกพริกลงเหลือ 6 ไร่ และปลูกผักเสริม เพื่อสร้างรายได้ เช่น ผัก มะเขือ หอม กระเทียม ฟักทอง แตงโม มันเหน็บ ปลูกผสมผสานกันลงในพื้นที่ 1 ไร่ พอผลผลิตเริ่มออกก็มีรายได้เข้ามา ครอบครัวก็มีอาหารบริโภค ไม่อดอยาก และมีรายได้ตลอดปี จึงขยายพื้นที่ปลูกเป็น 10 ไร่

ไม่นานนัก คุณการุณ ขุดบ่อสำหรับเลี้ยงปลาและเก็บกักน้ำไว้ใช้ นำดินจากการขุดบ่อไปทำถนนเข้าบ้าน พื้นที่ 3 ไร่ มีบ่อเก็บกักน้ำ 3 บ่อ สำหรับเก็บน้ำฝนธรรมชาติ ใช้รดน้ำพืชที่ปลูกและเลี้ยงปลา เช่น ปลานิล ปลาทับทิม ปลาบึก ปลาสลิด ปลาช่อน ปลาดุก ไว้บริโภค

karunsukapanmai

สำหรับ การปลูกพืช คุณการุณ พิจารณาจากพืชที่ใช้น้ำน้อย พืชยืนต้น หรือพืชอายุสั้น โดยปลูกผสมผสานกันหลายชนิด ระหว่างพืชต้นใหญ่และพืชล้มลุก เลี้ยงไก่พื้นเมืองอีก 200 ตัว นอกจากนี้ ยังปลูกไม้ยืนต้นผสมผสานกัน เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายจากศัตรูพืช เช่น กระท้อน มะม่วง ขนุน มะขามหวาน ทับทิมจีน ฝรั่ง มะละกอ องุ่น พืชผัก ไผ่หวาน ผักหวานป่า มะพร้าว กล้วย พริก มะเขือ ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะช่วยบังร่มเงาแล้ว ยังเป็นไม้ใช้สอยได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การปลูกพืชจะหมุนเวียนสลับกันไปตามความเหมาะสมของสภาพอากาศและสถานการณ์ของตลาด

ในทุกๆ ปี คุณการุณ จะประเมินสภาพอากาศและสถานการณ์ของตลาด ก่อนลงมือปลูกพืช โดยปี 2551 ปลูกไผ่รวกหวาน ปลูกผักหวานป่า ต่อมาปี 2552 มะนาวราคาแพง จึงทดลองปลูก 50 ต้น และปลูกมะละกอฮอลแลนด์แซมระหว่างร่องมะนาว ในปี 2553 มีโอกาสไปดูการปลูกไม้ผล จึงนำความรู้มาขยายการปลูกมะนาวเพิ่มเป็น 500 ต้น ในพื้นที่ 5 ไร่ ปลูกองุ่น 2 งาน ปลูกฝรั่งกิมจู 1 ไร่ ปลูกดาวเรือง 1 ไร่

karunsukapansuan karunsukapankij

การทำไร่นาสวนผสมของคุณการุณ มีดังนี้

  1. การทำนา ทำนาปี พันธุ์ข้าวที่ใช้ คือ ข้าวหอมมะลิ เพื่อบริโภค เหลือจึงจำหน่าย พื้นที่ปลูกข้าว จำนวน 10 ไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 5,000 กิโลกรัม ส่วนบริเวณที่ดอนจะปลูกข้าวไร่ พื้นที่จำนวน 2 ไร่ ไว้บริโภค เหลือก็จำหน่าย ได้ผลผลิตประมาณ 500 กิโลกรัม การปลูกข้าวจะใช้ปุ๋ยคอกปรับปรุงบำรุงดินและปุ๋ยหมักที่ได้จากการนำเศษวัสดุเหลือใช้ในไร่นามาทำปุ๋ยหมักเพื่อปรับปรุงบำรุงดินด้วย รายได้จากการทำนาประมาณ ปีละ 95,000 บาท
  2. การปลูกพืชไร่ ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทานตะวัน ข้าวโพดข้าวเหนียว ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำนวน 58 ไร่ ในรอบแรก ได้ผลผลิตประมาณ 52,000 กิโลกรัม หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดจะปลูกทานตะวันเป็นรอบที่สอง พื้นที่ 50 ไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 4,000 กิโลกรัม และเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจะปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว พื้นที่เพียง 5 ไร่ ผลผลิตประมาณ 12,000 กิโลกรัม รายได้จากการจำหน่ายพืชไร่ปีละประมาณ 513,200 บาท โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จำหน่ายสร้างรายได้มากที่สุด ปีละประมาณ 313,200 บาท และข้าวโพดข้าวเหนียวเป็นอันดับรองลงมา จำหน่ายสร้างรายได้ ปีละประมาณ 120,000 บาท
  3. การปลูกไม้ผล เช่น ขนุน องุ่น มะม่วง มะพร้าว มะขามหวาน กระท้อน ฝรั่งกิมจู กล้วย ทับทิมจีน มะละกอ รายได้จากการจำหน่ายผลไม้ ปีละประมาณ 461,500 บาท โดยมะละกอจำหน่ายสร้างรายได้มากที่สุด ปีละประมาณ 200,000 บาท และองุ่นเป็นอันดับรองลงมาจำหน่ายสร้างรายได้ ปีละประมาณ 150,000 บาท
  4. การปลูกพืชผักต่างๆ ได้แก่ มะนาว พริกขี้หนู ไผ่หวาน ผักหวานป่า หอมแดง มันเหน็บ มะเขือเทศ ผักกาดขาว ผักกาดเขียว ผักชี ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือยาว หอมเมืองลับแล หอมโทน โดยจะปลูกไว้เพื่อบริโภคเอง ที่เหลือจำหน่าย มีรายได้จากพืชผักปีละประมาณ 239,500 บาท โดยพริกขี้หนูจำหน่ายสร้างรายได้มากที่สุด ปีละประมาณ 60,000 บาท และผักหวานป่า ปีละประมาณ 50,000 บาท
  5. การปลูกไม้ดอกไม้ประดับและพืชสมุนไพร ไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูก ได้แก่ ดาวเรือง ดอกสร้อยทอง ส่วนพืชสมุนไพรที่ปลูก ได้แก่ ยอ ขมิ้นชัน ไพล กระเจียว ย่านาง ฟักข้าว โดยจะปลูกแบบผสมผสานกัน พื้นที่ที่ว่างโดยรอบบริเวณบ้านพักและบริเวณรอบขอบบ่อน้ำ เป็นพืชที่สร้างรายได้
  6. พื้นที่บ่อเลี้ยงปลา จำนวน 3 บ่อ พื้นที่ 3 ไร่ ปลาที่เลี้ยง ได้แก่ ปลานิล ปลาสลิด ปลาบึก ปลานิลจิตรลดา ปลานวลจันทร์ ปลาหมอ ปลาดุก สร้างรายได้ปีละประมาณ 20,000 บาท
  7. เลี้ยงไก่พื้นเมือง จำนวน 200 ตัว สามารถทำรายได้ปีละประมาณ 5,000 บาท

คุณการุณ นำผลผลิตในไร่นามาเพิ่มมูลค่าได้จำนวนมาก เช่น การทำพริกแห้งจากพริกขี้หนูสดช่วงราคาตกต่ำ การทำมะม่วงกวนในปีที่มะม่วงราคาถูก การเผาถ่านจากกิ่งไม้ที่ตัดแต่งจากต้นไม้ที่ปลูกในไร่นา ผลผลิตปีละ 100 กระสอบ นำมาใช้เองและจำหน่าย มีรายได้ปีละ 22,000 บาท ผลอ่อนจากองุ่นที่ได้จากการตัดแต่งทำเป็นองุ่นดอง มะนาวขนาดที่ไม่ต้องการนำไปแปรรูปเป็นมะนาวดอง ข้าวหอมมะลิบางส่วนคัดเลือกไว้เป็นเมล็ดพันธุ์จำหน่ายเป็นพันธุ์ หน่อไม้ที่ราคาตกต่ำบางส่วนนำมาแปรรูปเป็นหน่อไม้ดอง

karunsukapanbo

การทำไร่นาสวนผสมของคุณการุณ นอกจากจะเป็นต้นแบบการทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสมที่ยั่งยืนมานานกว่า 27 ปีแล้ว ยังเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรรูปแบบไร่นาสวนผสมให้กับผู้สนใจ โดยจัดทำเป็นฐานเรียนรู้ 10 ฐาน มีการนำพืชสมุนไพรมาทำน้ำหมักชีวภาพป้องกันศัตรูพืช ลดการใช้สารเคมี ติดตั้งระบบน้ำแบบพ่นฝอย ประหยัดแรงงาน เวลา และเงิน ทำให้ได้ผลผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน (GAP) จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ มะละกอฮอลแลนด์ องุ่น และฝรั่งกิมจู

คุณการุณ เป็นเกษตรกรคนแรกที่เป็นต้นแบบ การปลูกองุ่นในอำเภอบ้านหมี่ เป็นผู้นำการสร้างเครือข่ายไร่นาสวนผสม โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มีเครือข่ายจำนวนมากถึง 144 ราย ได้รับการยกย่องให้เป็นปราชญ์ของแผ่นดิน ทั้งยังใช้เวลาส่วนหนึ่งเป็นครูสอนพิเศษด้านการเกษตรแก่นักเรียนในชุมชนและท้องถิ่นใกล้เคียง

karunsukapankaset

ประการสำคัญของการทำการเกษตร สำหรับคุณการุณคือ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไป ดังนี้

  1. การขุดบ่อน้ำเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในยามที่ประสบภัยแล้งและเลี้ยงปลา เพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนไม่ขาดสารอาหาร
  2. ปลูกหญ้าแฝกบริเวณรอบขอบบ่อน้ำ เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และบริเวณที่ใกล้ต้นไม้เพื่อรักษาความชื้นให้แก่ดิน ต้นไม้ไม่ขาดน้ำ
  3. ใช้น้ำหมักชีวภาพในการบำรุงต้นไม้และป้องกันกำจัดศัตรูพืชเพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารเคมีตกค้างในผลผลิต
  4. ปลูกพืชตระกูลถั่ว เพื่อปรับปรุงบำรุงดินในพื้นที่ปลูกมะละกอที่จำหน่าย ทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ
  5. ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมักที่ผลิตจากเศษพืชในไร่นา และปุ๋ยคอกที่จัดหามา มาปรับปรุงบำรุงดินและให้ธาตุอาหารแก่พืชในไร่นาปีละประมาณ 1 ตัน และใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมี ช่วยลดปริมาณและลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมี ยังช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของดินให้ดีขึ้น เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช
  6. ปลูกต้นสักทอง เพื่อเป็นพืชกันลม ป้องกันไม่ให้พืชผลเสียหาย
  7. การติดตั้งระบบน้ำแบบพ่นฝอยในพื้นที่ไร่นาที่ใช้ปลูกพืช เพื่อให้มีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประหยัดแรงงานและเวลา
  8. ใช้พืชสมุนไพร เพื่อทำน้ำหมักชีวภาพฉีดพ่นต้นพืชป้องกันศัตรูพืชมารบกวนทำลาย ช่วยลดการใช้สารเคมี รวมทั้งใช้สารเคมีเท่าที่จำเป็นเมื่อมีศัตรูพืชมากและใช้ด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและตกค้างในผลผลิต และเพื่อสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ปลอดภัยต่อผู้มาพักและบริโภคผลผลิตในไร่นาที่จะดำเนินการในระยะต่อไป

ขยันแล้วไม่อดตาย เป็นหลักคิดที่ คุณการุณ ยึดถือมาโดยตลอด

เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม ประจำปี 2556” จึงเป็นรางวัลที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับ คุณการุณ ศุขะพันธ์ เกษตรกรแห่งอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี

ป้ายคำ : ,

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด ปราชญ์ของแผ่นดิน

แสดงความคิดเห็น