ในอดีตขนุนสำปะลอจะเป็นที่รู้จักและนิยมปลูกและนิยมปลูกมากในแถบชนบทเกือบทุกภาคของประเทศไทย ทั้งนี้เพราะอาจจะเนื่องจากผล ของขนุนสำปะลอ เมื่อสุกแล้วจะมีกลิ่นหอมชื่นใจเนื้อในมีรสหวานรับประทานได้ ลักษณะต้นก็กะทัดรัดไม่ใหญ่โตจนเติบเกินไป ใบและดอกดูสวยงามแปลกตา
“ขนุนสำปะลอ” พบว่ามีปลูกกันมากมาย ตามบ้านเรือนราษฎรในแถบพื้นที่นอกอำเภอห่างไกลความเจริญ “ขนุนสำปะลอ” มีลักษณะของทรงต้น ใบ ดอก และผลสวยงามสะดุดตา หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญมองผาด ๆ ก็คิดว่าเป็นต้น “สาเก”
ชื่อวิทยาศาสตร์ Artocarpus altilis (Parkinson) Fosb.
ชื่อวงศ์ MORACEAE
ชื่ออื่น ขนุนสำปะลอ
ลักษณะ
ขนุนสำปะลอ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงได้เต็มที่ไม่เกิน 5-10 เมตร ลำต้นเดี่ยวเนื้อไม้แข็ง มีกิ่งแขนงแตกจากโคนต้น แผ่กระจายเป็นทรงกลม ทรงต้นโปร่งเปลือกต้นหนาผิวเปลือกต้นจะเรียบ มีสีน้ำตาลเทา กิ่งและก้านโต
ประโยชน์
ขนุนสำปะลอ จึงเหมาะที่จะปลูกประดับแบบลงดินกลางแจ้ง เพื่อชื่นชมความสวยงามแปลกตา และใช้ประโยชน์ ส่วนดินปลูกนั้นยิ่งไม่ต้องกังวล เพราะขนุนสำปะลอสามารถเจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด และเป็นไม้ชอบแดด เพียงคุณผู้ฟังและท่านเกษตรกรบำรุงต้นด้วยปุ๋ยมูลสัตว์ทุก 15 วันต่อครั้ง เมื่อถึงเวลาก็จะให้ดอกและผลสวยงาม
บริโภคส่วนเมล็ดโดยนำมาต้ม รสชาติคล้ายเมล็ดขนุนหรือเก๋าลัดจีนรวมกัน ส่วนใหญ่นิยมทำไส้ขนม
ดอกตากแห้งแล้วนำมาจุดไฟให้เกิดควันใช้ไล่ยุงได้
สายพันธุ์
ปัจจุบันมีพันธุ์พื้นเมืองเพียงพันธุ์เดียว
การขยายพันธุ์
ตอน (ดีที่สุด). แยกหน่อที่งอกขึ้นมาจากตาราก. เพาะเมล็ด (กลายพันธุ์).
ที่มา
งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
ป้ายคำ : ผลไม้