หัวเชื้อจุลินทรีย์เบญจคุณ

15 เมษายน 2558 จุลินทรีย์ 0

ยึดหลัก แห้งชาม และ น้ำชาม ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนําเปรียบเทียบกับความรู้ที่ได้ให้ความหมายใหม่ว่า แห้งสาม น้ำสอง

แห้งสาม คือสิ่งที่มีชีวิตในดินเล็กๆที่เรียกว่าจุลินทรีย์ในดิน 3 ชนิดเป็นของ แห้ง คือ

  1. ดินรากข้าว หรือรากผักตบชวา
  2. ดินบริเวณกอไผ่ หรือใต้ใบไผ่
  3. ดินบริเวณจอมปลวก

น้ำสอง คือสิ่งที่มีชีวิตเล็กเล็กๆที่เรียกว่าจลุ ินทรีย์ที่อยู่ในของเหลว คือ

  1. น้ำหมัก หรือนมเปรี้ยว
  2. น้ำตาลหมัก หรือน้ำข้าวหมาก

ความหมายทางวิทยาศาสตร์ แห้งสาม ได้แก่

  1. แบคทีเรียสังเคราะห์แสง (Photosynthesis Bacteria) มีอยู่มากบริเวณรากข้าวและรากผักตบชวา เป็นบักเตรีที่ใช้แสงอาทิตย์เป็นพลังงาน ดึง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ กับ แก๊สไข่เน่า(ไฮโดรเจนซัลไฟด: H2S) มาปรุงเป็นอาหารได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยใช้สีเป็นเครื่องจําแนก คือ กลุ่มสีเขียว (Chlorobiales) กลุ่มสีกุหลาบม่วงอมแดง(Rhodospirillales)
  2. แบคทีเรียที่มีเส้นใย (Actinomycetes) เป็นบักเตรีที่มีเส้นใยคล้ายราที่อยู่ในลําไส้ปลวก ดนบร ิ ิเวณจอมปลวก
  3. เชื้อราขาว (Mycorrhyzal fungi) เป็นราที่อยู่คู่กับรากพืชมาตั้งแต่ยุคดึกดําบรรพ์ เป็นราที่พืชอุปการะไว้ โดยให้อาหารและให้อาศัยอยู่ในรากอ่อน เพื่อทําหน้าที่หาน้ำและแร่ธาตุในดินมาป้อนให้พืช และคุ้มครองป้องกันรากอ่อน มีมากอยู่บริเวณกอไผ่ หรือกอกล้วย

ความหมายทางวิทยาศาสตร์ น้ำสอง ได้แก่

  1. แบคทเรียย่อยน้ำนม (Lactobacillus Bacteria) เป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นท่อนๆ ซึ่งมนุษยชาติรู้จักดีและนํามาใช้หมักน้ำนม นมส้มเพื่อบริโภคบํารุงสุขภาพ มีมากในอาหารประเภทหมัก ดอง
  2. ราประเภทยีสต์ (Yeast) เป็นราเซลล์เดี่ยว ที่มนุษยชาติรู้จักสรรพคณและนำมาใช้หมักแป้งทําขนมอบ ขนมทอด, เบียร์, ไวน์, น้ำส้มสายชู และอื่นๆ ยีสต์ชํานาญการหมักย่อยแป้ง ให้เป็น น้ำตาล จากน้ำตาลเป็น น้ำเมาหรือแอลกอฮอล์ และจากแอลกอฮอล์เป็นกรด หรือ น้ำส้ม

วิธีทำ

  1. นำดินรากข้าว ดินกอไผ่ และดินจอมปลวก อัตราส่วนเท่ากันโดยน้ำหนัก คลุกเค้าให้เข้ากัน นำไปผสมกับ นมเปรี้ยวและข้าวหมาก พอหมาดๆ
  2. เติมอาหารสัตว์เล็ก และมูลสัตว์แห้ง อัตราส่วน 1 : 1 คลุกเค้าให้เข้ากัน เติมน้ำสะอาดพอหมาดๆ
  3. ปั้นเป็นก้อนเท่ากำมือ วางเรียงไว้ ปิดด้วยกระสอบป่านหรือผ้า เก็บไว้ในที่ร่ม อุณหภูมิห้อง จนครบ 7 วัน จะเกิดเส้นใยจุลินทรีย์สีขาว สามารถนำไปใช้ได้

การนํา เบญจคุณ ไปใช้

  1. ใช้โดยตรง ด้วยการปั้นขยายปริมาณ 1 น้ำหนักให้มากขึ้น เมื่อหมักได้ 7 วันแล้วนําลงดิน และเติมปุ๋ยหมักธรรมดา หรือมูลสัตว์แห้ง เตรียมดินไว้ 1- 2อาทิตย์ล่วงหน้าเพื่อปลูกพืชผักในภาชนะบรรจุ หรอแปลงปล ื ูกในสวนหน้าบ้านหลังบ้านไว้บริโภคเองได้ เหลือก็ขายตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนําไว้
  2. ขยายเป็นเบญจคุณน้ำตามสูตรที่แนะนําไว้ในเอกสาร ใช้ทําเป็นปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง หรือทาเปํ ็นโรงงานเล็กๆ หรือใชหม้ ักขยะฟางข้าวและอินทรียวัตถุอื่นๆเพื่อเป็นแหล่งสร้างปุ๋ยอินทรีย์ธรรมชาติในดิน
  3. ใช้หมักกับผัก ผลไม้ทําเป็นเอ็นไซม์ (Enzyme) บํารุงพืช หรือผสมอาหารสัตว์ได้ทุกชนิด
  4. ใช้หมักสมุนไพรไล่แมลงได้

อัตราการใช้

  • ก้อนเบญจคุณ 1 ก้อน (0.2 กก.(2 ขีด) ราคาประมาณ 3 บาท) ใช้ได้กับพื้นที่ 1ตารางเมตร
  • น้ำหมักเบญจคุณ 200 ลิตร (ราคาประมาณลิตรละ 6.30 บาท) ใช้ได้หลายอย่างเช่น ผสมน้ำ 20 เท่า เพื่อใช้สลายอินทรียวัตถุธรรมชาติได้ทุกอย่าง และใช้น้ำหมักเบญจคุณ 200 ลิตรหมักปุ๋ยอินทรีย์เบญจคุณได้ 1 ตัน
  • น้ำหมักเบญจคุณนําไปทําปุ๋ยอินทรีย์เบญจคุณ (รายละเอียดของสูตรจะกล่าวในตอนต่อไป) จะได้ปุ๋ยไปใช้ในอัตรา 200 กิโลกรรมต่อไร่ ราคาไม่เกินตันละ7,000 บาท ปุ๋ย 1 ตัน ใช้ได้ 5 ไร่ และผสมมูลสัตว์ 100 กิโลกรรมต่อไร่

วิธีทําน้ำหมักชีวภาพเบญจคุณ
วัสดุ

  1. ก้อนหัวเชื้อเบญจคุณ 15 ก้อน
  2. รําอ่อน 10 กก.
  3. น้ำตาลทรายแดง 5 กก.
  4. นมเปรี้ยว หรือน้ำนมหมัก 1 ลิตร (ดูวิธีการทําน้ำหมักประกอบ)
  5. ถังหมักขนาด 200 ลิตร 1 ถัง

วิธีทํา

  1. เดิมน้ำธรรมดา 50 ลิตร
  2. เทน้ำ 50 ลิตรลงไปในถังขนาด 200 ลิตร แล้วนําส่วนผสมในข้อ 2. ข้อ 3. ข้อ 4. ใส่ลงไปกวนให้เข้ากัน
  3. เติมน้ำเพิ่มลงไปให้ได้ 180 ลิตร (ใส่ไปแล้ว 50 ลิตร) แล้วใส่ก้อนหัวเชื้อเบญจคุณ 15 ก้อน ในข้อ 1. ลงไปกวนให้เข้ากัน
  4. ปิดฝาให้สนิท และเจาะรูระบายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้ระเบิด หมักทิ้งไว้ 4 5 วัน จะมีกลิ่นหอมอมเปรี้ยว และมีฝ้าสีขาวอมเหลืองระเรื่อขึ้น (ถ้ามีกลิ่นเหม็นจะต้องแก้ไข เพราะอาจขาดอะไรบางอย่างให้ปรึกษาอาจารย์ผู้สอน)

วิธีใช้

  1. พ่นสลายอินทรียวัตถุ เชนเศษว่ ัชพืช ตอซัง ใช้ในอัตราส่วนผสมน้ำธรรมดา 1 : 20 ลิตร
  2. นําไปทําปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง โดยใช้อัตราส่วน น้ำหมัก 200 ลิตร ทําปุ๋ยอินทรีย์ได้ 1 ตัน

การทําปุ๋ยหมักอินทรีย์ 1 ตัน ประกอบด้วย

  1. มูลสัตว์แห้ง 700 กิโลกรัม
  2. รําอ่อน 300 กิโลกรัม
  3. น้ำหมักเบญจคุณ 200 ลิตร

หมักทิ้งไว้โดยใส่กระสอบปุ๋ยเก่า มัดปากถุงเก็บไว้ 15 วันเป็นอย่างน้อย จึงจะสามารถนําไปใช้ได้ถ้าจะหมักเป็นแบบกระจายกอง ให้หมกบนพั ื้นซีเมนต์ สูงประมาณ1 ศอก แล้วใช้กระสอบป่านชุบน้ำคลุมไว้ 15 วัน ไม่ต้องพลิกกลับ

การทํานมเปรี้ยว (น้ำหมักนม)
ส่วนผสม การทําน้ำหมักเชื้อตั้งต้น

  1. น้ำมะพร้าวออน่ หรือน้ำซาวข้าว 10 ลิตร
  2. น้ำตาลทรายแดง 1 กก.

นําน้ำตาลทรายเทใส่น้ำมะพร้าว คนให้เข้ากันหมักใส่ภาชนะพลาสติกปิดฝาให้สนิท (เป็นการจํากัดอากาศ) หมักทิ้งไว้ 7 15 วัน เป็นเอ็นไซม์ที่มีรสเปรี้ยวส่วนผสมการทํานมเปรี้ยว

  1. หัวเชื้อจากนามะพร้าว 1 ลิตร
  2. นมสด นมตกเกรด (นมผงผสมน้ำก็ได้) 10 ลิตรนํานมผสมกับน้ำเอ็นไซม์หัวเชื้อ แล้วใส่ถังหมักไว้ 21 วัน จะเกดการแยก ิชั้นไขมัน (ถ้าเป็นหางนมไขมันจะไม่ลอย แต่เนื้อนมจะตกตะกอน) ชั้นล่างจะเป็นน้ำสีเหลืองอ่อนใสคล้ายเซรุ่ม เรียกว่า นมเปรี้ยวเบญจคุณ
    สามารถนํา นมเปรี้ยวเบญจคุณไปใช้เป็นเอนไซม์ฮอร์โมน ฉีดพ่น ผักข้าว ผลไม้ โดยใช้ในอัตราส่วนผสมกับน้ำ 1 : 20 (น้ำ 20 ลิตร ต่อน้ำนมเปรี้ยวเบญจคุณ 1 ลิตร

การทําฮอร์โมนเบญจคุณ
ฮอร์โมนมีอยู่ 3 ประเภท คือ

  1. ฮอร์โมนผลไม้ ได้จากการหมักผลไม้ทุกชนิด
  2. ฮอร์โมนพืช ได้จากการหมักเศษผักต่างๆ
  3. ฮอร์โมนสัตว์ ได้จากการหมักเศษหอย ปู ปลาต่างๆ

ส่วนผสมการทําน้ำหมักเอนไซม็ ์ฮอร์โมนจากผลไม้ปริมาณ 200 ลิตร ดังนี้

  1. ผลไม้ 50 กก. (อยางน่ ้อย 5 ชนิด)
  2. น้ำตาลทรายแดง 5 กก.
  3. นมเปรี้ยวเบญจคุณ 1 ลิตร
  4. ก้อนจุลินทรีย์เบญจคุณ 15 ก้อน

วิธีการทํา หั่น หรือสับผลไม้ให้เป็นชิ้นเล็กๆแล้วนําส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้า
ให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำให้เตม็ (ประมาณ 160 ลิตร) ปิดฝาทิ้งไว้อย่างน้อย 45
วัน จึงนําไปใช้
วิธีการใช้ ใช้ฉีดพ่นทางใบเป็นอาหรเสริมให้พืช อัตราในการฉีดพ่น

  1. ข้าว พ่นเมื่อข้าวแตกกอ ฉีด 1 : 100 ลิตร ทุก 15 หรือ 30 วัน
  2. ผัก ผลไม้ 1 : 40 ลิตร (ถ้าเข้มเกินไปเริ่มจาก 1 : 80 ก่อน)

เอกสารประกอบ : จุลินทรีย์เบญจคุณ

ป้ายคำ :

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด จุลินทรีย์

แสดงความคิดเห็น

Niño Polla Xxx Folla Con Su Padre KetoSex - الفلم الخالد... اجمل نيك طيز عربي 1 -xnxx سكس مترجم - سكس العرب jav subthai phim sex vietsub xnxx hd Desi Indian Hot Bengali Couple Sex Scene