ครูชำนาญการโรงเรียนสถาพรวิทยา อาจารย์ที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริมาใช้สอนนักเรียนที่สนใจการเกษตร ก็ภาคภูมิใจไม่น้อย เพราะถ่ายทอดแนวคิดให้กับนักเรียนของโรงเรียนสถาพรวิทยา มานานกว่า 27 ปี
โรงเรียนสถาพรวิทยา ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 11 ตำบลลำพญา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เปิดสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย มานานถึง 57 ปีแล้ว
นับตั้งแต่อาจารย์ชาตรีเข้ามาทำหน้าที่อาจารย์สอนวิชาเกษตร ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสอนให้เข้าถึงนักเรียนให้ง่ายขึ้น จากเดิมพื้นที่ฝึกปฏิบัติในวิชาเกษตรมีในโรงเรียน ก็ยกระดับออกมาใช้พื้นที่ด้านข้างโรงเรียน ซึ่งเป็นพื้นที่ของวัดเวฬุวนาราม เพียงเพื่อให้การปฏิบัติในภาคเกษตรของโรงเรียนเป็นสัดส่วนชัดเจน อีกทั้งกิจกรรมบางประเภทของการทำเกษตร เช่น การทำปุ๋ยหมัก ก็อาจส่งกลิ่นรบกวนการเรียนได้
อาจารย์ชาตรี กล่าวว่า วิชาเกษตรเป็นวิชาบังคับของแต่ละชั้นเรียนอยู่แล้ว ซึ่งนักเรียนที่เรียนเฉพาะในวิชาเกษตร อาจารย์จะสอนความรู้ทั่วไป เน้นที่การสร้างแนวคิด เพื่อให้นักเรียนนำไปต่อยอดในการทำการเกษตรเอง นอกจากนี้ ยังเปิดวิชาเลือกเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนที่มีความสนใจในการทำการเกษตรโดยเฉพาะ เช่น วิชาเพาะไส้เดือน วิชาเลี้ยงกบ วิชาเพาะกบ วิชาเพาะเห็ด เป็นต้น วิชาเพิ่มเติมกำหนดให้นักเรียนเรียนสัปดาห์ละ 2 คาบเรียน ซึ่งกำหนดจำนวนนักเรียนแต่ละวิชาไว้ด้วย หากมีนักเรียนสมัครมากกว่าจำนวนที่ต้องการ ก็จะคัดเลือกโดยเลือกจากเด็กนักเรียนที่มีใจรักจริงๆ
นอกจากนี้ ยังให้มีกลุ่มยุวเกษตร แต่เปิดรับสมาชิกเพียง 25 คน เท่านั้น และยุวเกษตรเป็นเด็กนักเรียนทุกระดับชั้นที่มีใจรักในงานเกษตรอย่างแท้จริง โดยอาจารย์ชาตรีจะเป็นผู้คัดเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่สนใจเข้ามาเติมแทนจำนวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่จบการศึกษาออกไปในแต่ละปี ซึ่งจำนวนเด็กนักเรียน 25 คน ที่เป็นยุวเกษตรของโรงเรียนนั้น อาจารย์ชาตรีจะจัดส่งไปฝึกอบรม เมื่อมีกิจกรรมร่วมกับอำเภอ จังหวัด และเครือข่ายทางด้านเกษตรอื่นๆ ทั้งนี้ ในการฝึกอบรมทุกครั้งจะจัดให้ผู้ปกครองของเด็กร่วมเดินทางไปด้วย โดยให้เหตุผลว่า ผู้ปกครองเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการส่งเสริมให้บุตรหลานมีความรักในเกษตรกรรม
“การสอนเกษตรของผม ใช้เงินเป็นตัวตั้ง เพื่อเป็นตัวกระตุ้น เป็นแรงจูงใจให้เด็กคิดและทำให้สำเร็จในสิ่งที่ลงมือทำ เด็กนักเรียนต้องมีรายได้ 1,000-1,999 บาท ต่อเทอม จะได้เกรด 1 หากมีรายได้ 2,000-2,999 บาท ต่อเทอม จะได้เกรด 2 หากมีรายได้ 3,000-3,999 บาท ต่อเทอม จะได้เกรด 3 และมีรายได้ 4,000-4,999 บาท ต่อเทอม จะได้เกรด 4”
อาจารย์ชาตรี ระบุว่า หลังจากสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนในการทำการเกษตรให้สำเร็จและได้มาเป็นรายได้แล้ว ต้องสอนวิธีการใช้เงิน โดยสอนให้นักเรียนรู้จักการระดมหุ้น การรวมกลุ่มจัดตั้งธนาคารเพื่อออมเงิน และการทำสหกรณ์
การสอนให้นักเรียนทำการเกษตร อาจารย์ชาตรี มีวิธีการสอนที่แตกต่าง หากต้องการให้นักเรียนปลูกผัก อาจารย์ชาตรีจะให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม จากนั้นนักเรียนต้องเพาะเมล็ดผักเอง ปลูกผักเอง และหากเกิดปัญหาก็ต้องแก้ปัญหาเอง โดยไม่สอนในเชิงวิชาการมากนัก เพราะการแก้ปัญหาในสิ่งที่ประสบเองจะทำให้นักเรียนมีประสบการณ์และรู้จักพลิกแพลงจนผลิตผลนำไปจำหน่ายเป็นรายได้ อาจารย์ชาตรี ยกตัวอย่างให้ฟังว่า ปัญหาที่เกิดระหว่างการปลูกผัก เช่น ใบเหลือง นักเรียนต้องหาสาเหตุใบเหลืองของพืช หากขาดน้ำก็ต้องเติมน้ำ หรือขาดธาตุอาหารชนิดใด ก็นำปุ๋ยมาเติมให้กับพืช เพื่อให้พืชเจริญงอกงามได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นประสบการณ์ที่นักเรียนนำไปปฏิบัติได้ในชีวิตจริง
การทำการเกษตรแต่ละประเภท อาจารย์ชาตรี จะแยกการลงทุนทำการเกษตรของนักเรียนและการทำการเกษตรของโรงเรียนไว้ เพื่อง่ายต่อการคำนวณต้นทุนและกำไร ซึ่งหากเป็นงานเกษตรของโรงเรียน จะนำรายได้เข้าศูนย์เรียนรู้ชุมชนของโรงเรียน แต่ถ้าเป็นการลงทุนโดยนักเรียนเอง รายได้ก็จะให้กับนักเรียน 100 เปอร์เซ็นต์
“ถ้าผลผลิตจากการเกษตรพร้อมจำหน่าย เด็กจะช่วยกันแพ็กใส่ถุง นำไปขายยังตลาด โดยใส่ชุดนักเรียนเดินขาย เพราะชุดนักเรียนเป็นชุดที่สร้างความรู้สึกได้มากที่สุด หากเป็นผักจะแพ็กใส่ถุง แต่เป็นกบจะจ้างคนยำกบ แบ่งค่ายำให้ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนปลาดุกก็นำมาย่าง เป็นปลาดุกย่างแพ็กถุงขาย การแปรรูปลักษณะนี้จะช่วยให้การค้าขายคล่องตัวขึ้น และได้กำไรมากกว่าการขายโดยชั่งกิโลกรัม”
พื้นที่สอนวิชาเกษตรทั้งหมดราว 19 ไร่ ปัจจุบันเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน เป็นที่ทำการเครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ภาคตะวันออก และเป็นสถานที่สำหรับถ่ายทอดการทำการเกษตรให้กับชาวบ้านในชุมชนหรือผู้สนใจ ซึ่งอาจารย์ชาตรีขอให้กลุ่มที่สนใจเป็นกลุ่มเล็กๆ เพราะง่ายต่อสร้างความเข้าใจ
ด้านข้างของศูนย์เรียนรู้ชุมชนแห่งนี้ มีบ้านหลังเล็กชั้นเดียวยกพื้น นับจำนวนได้ราว 6 หลัง อาจารย์ชาตรี อธิบายว่า บ้านหลังเล็กที่เห็นเปิดเป็นโฮมสเตย์แต่ยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการทำโรงครัว เพราะโฮมสเตย์แห่งนี้ ให้ผู้สนใจมาพักทำอาหารรับประทานเอง หากต้องการกินปลาก็มีเบ็ดให้ตกปลา เมื่อได้ปลามาแล้วก็นำไปชั่งกิโล จ่ายเงินให้กับศูนย์ ตามน้ำหนักปลา จากนั้นก็ทำอาหารกินเอง โดยมีผักต่างๆ ภายในศูนย์ ให้เก็บมาทำอาหารรับประทานได้ ซึ่งโฮมสเตย์จะเปิดให้บริการได้ประมาณต้นปี 2558
ปุ๋ยหมักสูตรครูชาตรี
ปุ๋ยหมักโดยทั่วไปมักมีคุณสมบัติและปริมาณแร่ธาตุน้อยกว่าสารเคมี
เวลาใส่ให้แก่พืชจะตอบสนองช้ามาก(ไม่เหมาะกับคนใจร้อน) ต้องใส่ในปริมาณมาก (ไม่เหมาะกับคนไม่แข็งแรง) ต้องเตรียมการในการผลิตหลายขั้นตอน(ไม่เหมาะกับคนขี้เกียจ) ปุ๋ยเคมีมีเงินซื้อได้ทันที(คนมีเงินแต่คิดไม่เป็น)
1.ปุ๋ยหมักสูตร 16-16-16 และปุ๋ยหมักชีวภาพสูตร 15-15-15
วัตถุดิบต่อส่วนผสม
2. ปุ๋ยหมักสูตร 16-20-0
วัตถุดิบต่อส่วนผสม
ขั้นตอนและวิธีการทำปุ๋ยหมักสูตร
ข้อแนะนำและควรปฏิบัติ
การผลิตปุ๋ยหมักสูตรโคบาชิเทียบเคียงปุ๋ยเคมี46-0-0
วัสดุสำหรับการผลิตปุ๋ยสูตรเทียบเคียงปุ๋ย 46-0-0(โบโบชิ)
วิธีการทำ
ติดตาม / ติดต่อ
www.facebook.com/เรียนเกษตรง่ายๆกับครูชาตรี
ศูนย์เรียนรู้ชุมชน หรือพื้นที่ดำเนินโครงการเกษตรของโรงเรียนสถาพรวิทยา เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมและศึกษา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์ชาตรี ต่วนศรีแก้ว โทรศัพท์ (081) 944-8133
ป้ายคำ : ปราชญ์