ชิโครี (Chicory) มีรสชาติออกขมนิด ๆ แอบมีรสเผ็ดร้อนหน่อย ๆ ด้วย เลยเหมาะที่จะนำไปกินเป็นผักสลัด อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ และวิตามินซีที่สูงมาก
ชิโครี่(Chicory: Cichorium intybus L.)
วงศ์ Asteracea ( Compositae )
มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น Witloof (ภาษาFlemish หมายถึงใบสีขาว ; Witloof chicory , Belgian endive , French endive , Italian dandelion , และ Barbe de-Capuchin และ Brussels chicory
มีถิ่นกำเนิดอยู่ในยุโรป มีผู้ค้นพบขณะที่เริ่มเจริญออกมาจากเนินดินในสวนพฤกษศาสตร์กรุงบรัสเชล เมื่อปี ค.ศ. 1845 และศึกษาวิธีการปลูกจนสามารถผลิต witloof ในปริมาณพอเพียงสำหรับป้อนตลาดและส่งออกไปยังประเทศฝรั่งเศสได้ในปี ค.ศ. 1875 จึงเป็นที่นิยมของตลาดยุโรปตั้งแต่นั้นมาBailey (1935) รายงานว่าการปลูกชิโครี่เพื่อผลิตรากส่งโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูปและบ่มเพื่อให้ใบใหม่เจริญเป็นปลีแน่นสีขาวอมเหลือง (chicons) ในสหรัฐอเมริกาได้รับความนิยมจากเกษตรกรสูง ในปี ค.ศ. 1899 แต่หลังจากนั้นเนื่องจากมีพืชอื่น ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าทำให้พื้นที่ปลูกลดลงไปอย่างมาก
ชิโครี่เป็นพืชอวบน้ำสองฤดู นิยมนำมาปลูกในปีแรกเพื่อผลิตราก และนำรากมาบ่มเพื่อผลิตใบใหม่ซึ่งจะเจริญเป็นปลีแน่นสีขาว หรือสีครีม หรือสีแดง (chicons) มีลำต้นสั้น ใบจะเจริญจากลำต้นซ้อนกันเป็นกลุ่มแน่น รากแก้วจะเจริญลึกลงไปในดิน และขยายใหญ่ขึ้น ทำหน้าที่สะสมอาหารดอกจะเจริญจากก้าน
ดอกเป็น ดอกสมบูรณ์เพศและเจริญเป็นกลุ่ม แต่ละดอกจะมีจำนวนดอกเล็กๆ 18 20 ดอกต่อ กลุ่ม ระยะที่ดอกบานจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 11/2 นิ้ว ดอกสีฟ้าอ่อน สีม่วง หรือ สีขาวดอกบานในตอนเช้าและบานอยู่หลายชั่วโมงและจะปิดตอนบ่าย การเจริญ ของดอกขึ้น อยู่ก ับ ช่วงแสงและอุณหภูมิ การปลูกในระยะที่มีช่วงแสงยาวและอุณหภูมิต่ำจะแทงช่อดอกเร็ว เมล็ด 1,000 เมล็ด มีน้ำหนัก 1.4 กรัม เนื่องจากเป็นพืชผสมข้าม การปลูกเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ ควรปลูกแต่ละสายพันธุ์ ให้ห่างกัน 1,000 เมตร
สายพันธุ์
ชิโครี่แบ่งตามลักษณะใบได้สองชนิดคือ ชนิดใบเรียบและมีเส้นกลางใบสีขาว เช่น พันธุ์ Magdebourg และชนิดที่มีขอบใบหยักมีเส้นกลางใบสีแดง เช่น พันธุ์ Brunswick นอกจากนี้ สามารถแบ่งตามการนำส่วนต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ เช่น
หลังจากเก็บเกี่ยวทําความสะอาดราก ปอกผิวหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม นําไปอบและป่นใช้ปรุงรสกาแฟหรือชงดื่มแทนกาแฟ เช่น พันธุ์ Lurox , Magdeburgh , Wixor , Rexor และ Italian Dandelion เป็นต้น
Witloof (Cicorium intybus L. var. folosum) มีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น เช่น French หรือ Belgian endive หรือ Brussels chicory หรือ White endiveและ Dutch chicory เป็นต้น เป็นพืชข้ามปี แต่ปลูกเป็นพืชฤดูเดียว ในฤดูแรก จะเจริญทางด้านรากสะสมอาหารซึ่งมีขนาดใหญ่ใบ เจริญเป็นกลุ่มซ้อนกันแน่น ใช้เวลาตั้งแต่หยอดเมล็ดจนกระทั้งถอนออกมาเพื่อผลิต chicons ประมาณ 12 16 อาทิตย์ใบจะมีความยาว 25 30 ซม. และ เมื่อนำมาบ่ม ใบอ่อนจะเจริญเข้าปลีแน่น เรียก chicons จะมีความยาว 12.5 22.5 ซม. และมีน้ำหนัก 125 กรัม เมื่อทิ้งต้น ไว้ในแปลง จะแทงช่อดอกในฤดูที่สอง เช่นพันธุ์ Toner F1 , Zoom F1 , Bea F1 , Terosa , Flash F1, Kwarosa , Carolus F1 , Navita , Conrad F1, Lubert, Trilof และ Tertio เป็นต้น
พันธุ์ Terosa และ Zoom F1 สามารถผลิต chicons ได้โดยใช้เฉพาะพลาสติกดำคลุม ไม่ต้องใช้วัสดุคลุมราก
สภาพอากาศที่เหมาะสม
เจริญได้ดีในอุณหภูม ิระหว่าง 15 18 ซ. อุณหภูม ิต่ำสุดที่จะเจริญได้ 7.0 ซ. และสูงสุด 24 ซ. ในสภาพช่วงแสงยาวและอุณหภูมิสูงจะแทงช่อดอกเร็ว
การเพาะปลูก
เป็นพืชผักเมืองหนาว ระยะเวลาตั้งแต่ปลูกจนถึงถอนราก ออกมาประมาณ 3 4 เดือน ระยะเวลาบ่มเพื่อผลิต chicons ประมาณ 1 เดือน หรือใช้เวลาตั้งแต่ปลูกจนกระทั่งตัดส่งตลาด 4 5 เดือน ดังนั้นฤดูปลูกขึ้นอยู่กับ สภาพพื้นที่และสภาพแวดล้อม ฤดูปลูกที่เหมาะสมในภาคเหนือ ตุลาคม-พฤศจิกายน
สภาพดินและการเตรียมดิน
พื้นที่ปลูกควรเป็นที่โ ล่ง ได้รับแสงแดดอย่างพอเพียง ดินปลูกควรเป็นดินที่ร่วนซุยมีหน้าดินลึกอย่างน้อ ย 60 ซม. มีอินทรีย์วัตถุสูง ระบายน้ำได้ดี
Witloof ใช้รากเพื่อผลิต chicons และคุณ ภาพของ chicons จะขึ้นอยู่กับขนาดของรากและอาหารสะสมในราก ไม่ค วรปลูก ในพื้น ที่ๆ มีหน้าดินตื้น มีกรวดหรือก้อนหินมากและระบายนํ้าไม่ดี สภาพความเป็นกรด ด่างของดินที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง PH 5.8-6.5
การเตรียมดินควรใส่ปุ๋ย หมักหรือปุ๋ย คอกที่ผุพังแล้ว จำนวน 50 กก./ไร่คลุกลงไปในดินก่อนหยอดเมล็ด ถ้าหากดินเป็นกรดจัดควรหว่านปูนขาวอย่างน้อย 2-3 อาทิตย์ก่อนปลูก ปริมาณปุ๋ย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โปแตสเซียมขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน
การเพาะปลูก
Radicchio ปลูกโดยการเพาะเมล็ดและย้ายกล้าปลูก Witloof ปลูกโดยการหยอดเมล็ด ควรระวังไม่ให้มีรากขนาดใหญ่เกินไป ถึงแม้รากขนาดใหญ่จะให้ chicons ขนาดใหญ่แต่ส่วนมากจะแทงช่อดอกเร็ว และมีตาข้างมาก เมื่อเจริญจะแย่งอาหารสะสมสำหรับการเจริญของ chicons
เมล็ดงอกได้ดีในอุณหภูมิกลางวัน 20-30 ซ. กลางคืน 20 ซ. หยอดเมล็ด ลึก 1.5 2.0 ซม. ระยะห่าง 15 30 x 25 35 ซม. ขึ้นอยู่กับพันธุ์ การใช้ระยะปลูกห่างจะทําให้มีรากขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งจะเป็นผลให้ได้ chicons ที่มีคุณภาพต่ำไม่ควรย้ายปลูก เนื่องจากจะทำให้ได้รากที่ไม่สมบูรณ์ การหยอดเมล็ดอาจจะใช้เมล็ด 3-5 เมล็ดต่อหลุม หลังงอกถอนเหลือ 1 ต้นต่อหลุม
witloof เป็นพืชที่ค่อนข้างทนทานและแข็งแรงตามธรรมชาติ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความสมบูรณ์ต่ำและมีความชื้นน้อย เนื่องจากมีระบบรากลึก และมีความสามารถในการดูดธาตุอาหารสูง ถ้าหากใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักอย่างพอเพียง อาจจะไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยอื่น ๆเพิ่มแต่ด ินปลูกในบางพื้นที่จะขาด แมกนีเซียม โบรอน แคลเซี่ยม และทองแดง ซึ่งเป็นผลให้พืชชะงักการเจริญ โดยเฉพาะการขาดแคลเซี่ยมจะทำให้เกิดอาการไส้เน่าสีน้ำตาล ควรให้ธาตุ
อาหารดังกล่าวในรูปปุ๋ยน้ำใช้ฉีดพ่นทางใบ เพื่อให้ได้รากที่มีคุณภาพดีในสภาพแห้งแล้ง ควรให้น้ำเพื่อให้มีความชื้นเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต อาจจะให้น้ำน้อยแต่บ่อยครั้ง พืชต้องการนํ้าปริมาณ 12-14 นิ้ว ตลอดฤดูปลูกเพื่อให้การเจริญเติบโตสม่ำเสมอในระยะแรกของการเจริญอาจจะพรวนดินตื้น ๆ เพื่อกำจัดวัชพืชและคลุมแปลงด้วยวัสดุคลุมดิน ในกรณีที่พืชเจริญเติบโตเต็มที่ทรงพุ่มจะสามารถปกคลุมแปลงทำให้วัชพืชไม่สามารถเจริญได้
การเก็บเกี่ยว
ชิโครี่ใบ สามารถเก็บเกี่ยว 60-70 วันหลังย้ายปลูก การเก็บเกี่ยวช้าจะทำให้มีรสขม และมีเส้นใยมาก เหนียว กำจัดความร้อนแฝงโดยใช้ Vacuum cooling อุณหภูม ิ 1.1 ซ. และเก็บรักษาในอุณหภูมิ 0 oซ ความชื้นสัมพัทธ์ 98-100 % จะเก็บรักษาได้ 2-3 อาทิตย์ chicons สามารถตัดส่งตลาดได้ภายในเวลา1 เดือน ถึง 6 อาทิตย์ หรือมีความยาว 15 20 ซม. ในกรณีที่ใช้วัสดุค ลุม สูงและความยาว 12.5 ซม. สําหรับวิธีที่กลบวัสดุหนา2.5 ซม.
การผลิตโดยวิธีใช้วัสดุก ลบหนาระยะเวลาเก็บเกี่ยวจะสามารถสังเกตได้จากรอยนูนที่วัสดุคลุมซึ่งchicons ดันขึ้นมาเก็บเกี่ยวโดยการถอนต้นขึ้นมาและตัดให้ชิดโคน chicons และตัดแต่ง ใบนอกออก ขนาดความยาวที่ต้องการประมาณ 12-15 เซนติเมตรหนัก 56.6 84.9 กรัมต่อ chicons ถ้าหากต้อ งการchicons ขนาดเล็กอาจจะบ่มรากอีกครั้งหนึ่งซึ่งอาจจะมีราคาดีในช่วงที่ขาดแคลน
การเก็บรักษารากในอุณหภูมิต่ำก่อนบ่ม จะมีอิทธิพลต่อ ปริมาณน้ำตาล และรูปร่างของchicons โดยการเก็บรักษาในอุณหภูม ิตํ่าเป็นเวลานาน จะให้ chicons ที่มีรูปทรงยาวชิโครี่ใบ ควรตัดแต่งใบที่เสียออก พ่นน้ำบาง ๆ และใช้ vacuum cooling หรือใช้น้ำเย็นจัดไหลผ่าน เพื่อกำจัดความร้อนแฝง การเก็บรักษาในอุณหภูม ิ 0 ซ. จะสามารถยืดอายุพืชได้ 3 อาทิตย์ แต่ในอุณ หภูมิ 5 ซ. จะเก็บรักษาได้ 10 วัน chicons หลังจากเก็บเกี่ยวควรกำจัดความร้อนแฝงโดยใช้ลมเย็นเป่าผ่านหรือใช้น้ำเย็นหลังจากนั้น หุ้มด้วยพลาสติก และใช้กระดาษไขสีน้ำเงินห่อหุ้ม เพื่อป้องกันแสงและการสูญเสียความชื้น และเก็บรักษาในอุณหภูม ิ 0 ซ. ความชื้นสัมพัทธ์ 95% และควบคุมบรรยากาศให้มีออกซิเจน 3 4 % คาร์บอนไดออกไซด์ 4 5 % จะสามารถเก็บ รักษาได้น านและมีคุณภาพสูงที่สุด การเก็บรักษาในอุณหภูม ิ 2 ซ. จะสามารถยืดอายุได้ 2 4 อาทิตย์ หลังจากนั้นขอบใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ซึ่งอาการผิดปรกตินี้จะเกิดขึ้นได้เร็วในอุณหภูมิสูง
นอกจากนี้โรคที่สำคัญคือ โรคเน่าเละ เกิดจากเชื้อ Pseudomonas marginetis ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรีย เข้าทำลาย chicons ทางแผลที่เกิดจากการเก็บเกี่ยว หรือ การบรรจุ การรักษาอุณหภูมิในระหว่างขนส่ง 0 ซ. จะช่ว ยลดความเสียหายจากการทำลายของโรคนี้
ป้ายคำ : ผักสลัด