การทำนาข้าวปลอดสารพิษ เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมการเกษตรทฤษฎีใหม่โดยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ข้าวสำหรับการบริโภคอย่างปลอดภัย ไร้สารพิษ รักษาสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากหรือมีโรคน้อยที่สุด
ขั้นตอนการทำนาข้าวอินทรีย์
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมพันธุ์ข้าว การคัดเลือกพันธุ์ข้าว
- คัดเลือกพันธุ์ข้าวให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น ข้าวพันธุ์ ก.ข.6 จะชอบพื้นที่ในลุ่มมีน้ำขังตลอด ตั้งแต่ปักดำจนถึงออกรวงและมีแป้ง จึงจะปล่อยน้ำออกจากคันนาได้และได้ผลผลิตดีแต่ถ้าเป็นข้าวหอมมะลิจะขึ้นได้ดีในทุกพื้นที่ แต่ต้องให้มีน้ำขัง เนื่องจากการทำนาสิ่งสำคัญ คือ ต้องมีน้ำ
- การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวคัดเลือกแปลงข้าวที่มีต้นข้าว รวงข้าว เมล็ดข้าวที่โตแข็งแรง เมล็ดข้าวแก่จัดเมล็ดข้าวมีความสมบูรณ์ ถอนออกเป็นรวง ๆ ที่สมบูรณ์ที่สุด เก็บไว้ต่างหาก แล้วนำมาแยกเมล็ดข้าวและฟางข้าวออกจากกัน จากนั้นนำเมล็ดมาฝัด เมื่อคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ออก แล้วนำเมล็ดข้าว ที่คัดเลือกว่าดีแล้วตากแห้ง แล้วเก็บไว้ ทำพันธุ์ในปีต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 การเตรียมพื้นที่ทำนา
- การเตรียมคูคันนา การทำนาจะต้องเตรียมคูคันนาให้มีความสูงประมาณ 50-70 เซนติเมตร ความหนา 60-80 เซนติเมตร เพื่อกักเก็บน้ำ เพราะข้าวจะขาดน้ำไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำขังจะเกิดวัชพืชในน้ำข้าว ทำให้ข้าวเจริญเติบโตช้าเสียเวลาในการกำจัดวัชพืช คันนาควรใส่ท่อระบายน้ำเพราะถ้าช่วงแรกในการปักดำไม่ควรให้ระดับน้ำสูงมากกว่า 10 เซนติเมตร เพราะต้นข้าวยังไม่แข็งแรงพอ ถ้ามีน้ำในแปลงนามาก จะทำให้ต้นข้าวเน่าได้ ควรมีท่อระบายน้ำออก
- ปรับพื้นที่ในคันนาให้มีระดับเท่ากัน อย่าให้มีน้ำเอียงด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อจะได้ขังน้ำอยู่ระดับเดียวกัน ถ้าหากพื้นที่นามีความลุ่ม มีระดับพื้นที่ในระดับเดียวกัน ก็ไม่มีความจำเป็นในการปรับพื้นที่
ขั้นตอนที่ 3 หลังจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวเสร็จ พื้นที่นายังมีฟางข้าว มีหญ้า ควรนำปุ๋ยหมัก จุลินทรีย์ หว่านทั่วไป โดยคิดเฉลี่ย 200 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ แล้วฉีดพ่นด้วยน้ำยาจุลินทรีย์ให้ทั่ว แล้วไถกลบฟางข้าว จุลินทรีย์จะช่วยย่อยสลายฟางข้าว ให้เน่าเปื่อย ทำให้ดินร่วนซุย เป็นอาหารของข้าวต่อไป สำหรับขั้นตอนนี้ควรทำในช่วงเดือนธันวาคม เพราะในช่วงนี้เป็นหน้าหนาว มีหมอกลงเหมาะในการขยายตัวของเชื้อจุลินทรีย์
ขั้นตอนที่ 4 นำน้ำจุลินทรีย์มาหมักเมล็ดข้าว โดยให้น้ำจุลินทรีย์ ท่วมเมล็ดข้าว หากมีเมล็ดข้าวฟูน้ำ ให้เก็บออกให้หมด ควรแช่เมล็ดข้าวประมาณ 2-3 วัน แล้วนำขึ้นจากน้ำมาพักไว้ สัก 1 วัน แล้วนำมาหว่านในแปลงที่เตรียมไว้
ขั้นตอนที่ 5 การเตรียมพื้นที่สำหรับเพาะข้าว
พอถึงฤดูการทำนา ถ้าหากปีไหนฝนดี คือ ฝนตกในช่วงเดือนมิถุนายน ควรเตรียมพื้นที่สำหรับกล้าพันธุ์ข้าว คือ เตรียมแปลงสำหรับเพาะพันธุ์ข้าว ซึ่งมีหลักพิจารณาดังนี้
- ที่ดินร่วนซุย
- อยู่ใกล้แหล่งน้ำ เช่น สระน้ำ หนองน้ำ ถ้าหากฝนทิ้งช่วง จะได้อาศัยน้ำจากแหล่งน้ำได้
วิธีเตรียมแปลงเพาะกล้าพันธุ์ข้าว
- ที่มีน้ำขังพอที่จะหว่านกล้า เราก็ไถและคราดดินให้ร่วนซุย และระดับพื้นเสมอกัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วนำเมล็ดข้าวที่เตรียมไว้มาหว่าน อย่าให้หนาหรือห่างจนเกินไป
- ประมาณ 10-15 วัน ต้นกล้าตั้งหน่อได้แข็ง นำน้ำจุลินทรีย์ ผสมน้ำพ่นต้นกล้าโดยผสมน้ำจุลินทรีย์ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วแปลงกล้า
- ขังน้ำใส่ต้นกล้า อย่าให้ขาดจากแปลงกล้า
- ก่อนจะถอนกล้า 5 วัน ให้น้ำจุลินทรีย์พ่นอีก เพื่อจะได้ถอนง่าย เพราะรากจะฟู
ขั้นตอนที่ 6 การปักดำ ในช่วงก่อนการปักดำ เราควรขังน้ำไว้ในนา เพื่อจะทำให้ดินนิ่ม ดินไม่แข็ง ง่ายในการไถดำ เราควรจะกักน้ำเอาไว้
- พอถึงเวลาดำนา เราควรปล่อยน้ำที่ขังออกจากคันนา ให้เหลือไว้ประมาณ 10-15 เซนติเมตร อย่าให้น้ำมากหรือน้อยจนเกินไป ถ้าน้ำมากจะทำให้ข้าวเปื่อย ถ้าน้ำน้อย หากฝนขาดช่วงจะทำให้ข้าวขาดน้ำ เพราะการทำนายังอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติจึ่งเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
- ไถน้ำและคราดที่นาให้ดินร่วนซุย และนำต้นกล้ามาปักดำ ซึ่งกำหนดความห่างระหว่างต้นให้ห่างประมาณ 40 เซนติเมตร เพื่อให้แตกกอได้ดีและใส่ต้นกล้า กอละประมาณ 2-3 ต้นกล้า
- เมื่อปักดำประมาณ 15 วัน นำจุลินทรีย์ไปผสมน้ำพ่นต้นข้าวในนา เพื่อกระตุ้นเชื้อจุลินทรีย์ที่หว่านตอนเตรียมดิน และจะทำให้ต้นข้าวแข็งแรงเติบโต และทนต่อศัตรูข้าว
- คอยหมั่นดูแลต้นข้าว และดูแลระดับน้ำอย่าให้ขาดในนาข้าว หมั่นรักษาไม่ให้วัชพืชขึ้นในนาข้าว และพ่นจุลินทรีย์ในทุก ๆ 20 วัน จนถึงข้าวตั้งท้องแล้วจึงงดการพ่นจุลินทรีย์ แต่ยังคงรักษาระดับน้ำในคันนาอย่าให้ขาด
- พอข้าวแก่พอสมควรก็ปล่อยน้ำจากคันนา และเตรียมเก็บเกี่ยวต่อไป
ประโยชน์การทำนาข้าวอินทรีย์
- ช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตมากขึ้น เพราะการให้ปุ๋ยจุลินทรีย์จะทำได้ผลผลิต 800 กิโลกรัมต่อไร่ โดยต้นทุนในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพียงแค่ประมาณ 200 บาท ต่อไร่ โดยอาจจะต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากในตอนแรก แต่จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อสภาพดินดีแล้ว ในขณะที่การใช้ปุ๋ยเคมีจะได้ผลผลิตประมาณ 400 กิโลกรัมต่อไร่ โดยต้นทุนการผลิตประมาณ 400 บาท ต่อไร่ และต้องเพิ่มปริมาณปุ๋ยให้มากขึ้นในทุก ๆ ปี
- ได้สภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์กลับคืนมา ดินร่วนซุย รากข้าวชอนไชหาอาหารง่าย กบ กุ้ง ปลา ชุกชุม มีสุขภาพชีวิตที่ดี มีอาหารปลอดสารพิษไว้บริโภค
การทำนาอินทรีย์
1.การเตรียมดินแปลงเพาะกล้า (หลังจากที่แช่น้ำเมล็ดพันธุ์ )
- นำเมล็ดพันธุ์ข้าวไปแช่ EM (EM + น้ำ 500เท่า)ไว้ 1 ชม. นำมาผึ่งแดด
- นำไปหว่านในแปลงเพาะกล้า
วิธีนี้จะทำให้ ต้นกล้าแข็งแรง ถอนง่าย
2.การเตรียมดิน
- อย่าใส่ปุ๋ยหมักก่อนไถหรือคราด เพราะจำทำให้รากลึกถอนยาก
- ควรใส่ปุ๋ยหมัก โบกาฉิ หลักจากเตรียมพื้นที่แล้ว โรยโบกาฉิให้ทั่ว แล้ใช้ไม้ยาว ๆ เกลี่ยปุ๋ยเข้าพื้นดินให้ทั่วก่อนทดอกล้า
- หว่านโบกาฉิ 1กำมือ ต่อ ตารางเมตร
- ฉีดพ่น EM หลังจากเตรียมดินเพาะกล้า
- อายุกล้าปักดำ ไม่ควรมากเกินไป ระยะที่เหมาะสม 15 – 20 วัน
3.แปลงนาดำ
- หว่านโบกาฉิ 100 กก./ไร่ (ใส่โบกาฉิก่อนไถคราด รากข้าวจะหยั่งได้ลึกไม่ล้มง่าย)
- ฉีด EM ขยาย ไร่ละ 20 -30 ลิตร ผสมน้ำ 500- 1,000 เท่า
- ควรใส่โบกาฉิก่อนไถคราด แล้วหมักไว้ 15 วัน ถ้ามีหญ้างอกให้ฉีดพ่น EM ขยาย และไถคราดอีกครั้ง เพื่อปราบหญ้า แล้วลงมือปรักดำ
- ไม่ควรใส่โบกาฉิอีก หากจำเป็นต้องใส่โบกาฉิ ต้องใส่หลังจากที่ปักดำเสร็จ 1 เดือน
การเพิ่มโบกาฉิบ่อย ๆ ข้าวจะงาม มีใบเอยะ หรือล้มง่าย และจะได้ผลผลิตน้อย
4.การบำรุงรักษา
- ฉีด EM ขยาย 15 วัน / ครั้ง (เป็นการบำรุง ต้นใบ)
- ฉีดเพื่อป้องกันศัตรูพืช สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ข้าวเมื่ออกรวงแล้ว ฉีดพ่น EM สด (EMที่ไม่ผสมกากนำตาล)
** หากใช้ EM ขยาย จำทำให้เมล็ดข้าวไม่สวย
- ฉีดพ่นสารสกัดพืชหมักเสมอ (สารสกัดพืชหมัก คือ สะเดา ตะใคร้ ) จำทำให้ได้ผลผลิตและต้นข้าวแข็งแรงดี เพราะปราศจากศัตรูพืช คือแมลง
ข้อควรคำนึง
- ใช้ฟางข้าวเป็นปุ๋ย / หญ้าสดไถกลบ ถือว่าเป็นการบำรุงดิน
- งดใช้ยาฆ่าแมลงเด็ดขาด เพราะถ้าหอยเชอร์รี่ไปกินจะทำให้หอยตาย
- หากอินทร์ทรีวัตถุน้อย ให้ใส่ปุ๋ยมูลสัตว์ด้วย
- ในปี แรก ๆ ให้ใส่โบกาฉิมาก ๆ ปีต่อ ๆ ไปก็ใส่ลดลง
หลังจากเก็บเกี่ยวข้าว
- ใส่โบกาฉิ
- ไถกลบฟางข้าว
- ฉีด EM หมักเอาไว้
สูตรปุ๋ยหมักใช้กับนาข้าว
- รำอ่อน 1 ถัง
- มูลสัตว์ 1 ถัง
- กากน้ำตาล 2 ฝา
- EM 1 ฝา
- น้ำเปล่า 2 ลิตร
- แกลบดิบ 1 ถัง
วิธีทำ
- นำกากน้ำตาล + EM มาพรมให้ชุ่ม
- นำผ้ายางมาคลุม 7 วัน แล้วผลิกกองปุ๋ย
- 15 วัน สามารถนำไปใช้ได้
อัตราการใช้
- นาข้าว 50 กก./ไร่
- ไม้ผล 3 กก / ต้น
สารสกัดพืชหมัก
น้ำหมักสะเดา / ข่า/ตะไคร้/ไหลแดง ใช้ไล่แมลงที่มารบกวนพืช และสร้างความเสียหายให้กับคุณลุง สาย ฉีดพ่นในอัตราส่วน 1ต่อ 20ลิตร
วิธีกำจัดเพลี้ยไฟในนาข้าว
เพลี้ยไฟระบาดในช่วงที่อายุข้าวได้ประมาณ 2สัปดาห์ และช่างข้าวเริ่มแตกกอจะพบการระบาด สำหรับวิธีการกำจัดเพลี้ยไฟของคุณลุง สาย วงศ์ละคร มี ดังนี้
- ปล่อยน้ำเข้าไปขังท่วมต้นในแปลงที่มีเพลี้ยไฟระบาด 1วัน
- ระบายน้ำออกให้หมด
- ใช้ปูนขาวหว่านให้ทั่วทั้งแปลง ปล่อยไว้ ให้แห้ง 1วัน
- จากนั้นปล่อยน้ำเข้าในแปลง