น้ำมันรำข้าว

น้ำมันจมูกข้าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากจมูกข้าวดิบ ซึ่งเป็นส่วนที่ได้จากการขัดข้าวกล้องให้เป็นข้าวสาร จึงมีคุณค่าทางอาหารสูง นอกจากนี้ยังสามารถสกัดสารอาหารอื่นที่มีอยู่ในน้ำมันรำดิบ เพื่อใช้เป็นสารเสริมสุขภาพและเครื่องสำอางได้ น้ำมันจมูกข้าวเป็นน้ำมันที่ได้จาก กระบวนการพิเศษในการสกัดเอาสารสำคัญที่มีประโยชน์นานาชนิด ซึ่งมีอยู่ในส่วนเอมบริโอ (Embryo) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูงต่อร่างกาย

ส่วนประกอบหลักที่มีประโยชน์สูงสุดที่อยู่ในน้ำมันจมูกข้าว คือ สารแกมม่าโอไรซานอล ซึ่งผลิตภัณฑ์น้ำมันจมูกข้าวที่ดีควรจะมีปริมาณของสารแกมม่าโอไรซานอล ในปริมาณที่สูงต่อแคปซูล และต้องผ่านกระบวนการสกัดที่ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องบรรจุภายในแคปซูลแข็งที่เรียกกว่า Licap เพื่อป้องกันความชื้น เพื่อช่วยให้รักษาคุณสมบัติของสารประกอบหลักได้อย่างเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

น้ำมันรำข้าวจะมีปริมาณน้ำมันอยู่ประมาณ 12-25% หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 15%ของน้ำหนักรำข้าว เมื่อทำการสกัดออกมาจะมีปริมาณกรดไขมันอิสระอยู่ 4-6% ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้มีประโยชน์ในระบบการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบขับถ่าย ไขข้อ ปวดเมื่อย กระดูกพรุน เหน็บชา เพิ่มระดับการเผาผลาญสารอาหาร มีส่วนในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าน้ำมันตับปลาถึง 60เท่า ช่วยต้านมะเร็ง เพิ่มภูมิต้านทานร่างกาย ในขณะที่ระบบหลอดเลือดจะลดปริมาณคลอเรสเตอรอล ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ระบบฮอร์โมนจะลดภาวะปกติของวัยทอง ลดความเสี่ยงของสภาวะกระดูกพรุน ในระบบประสาทจะช่วยเสริมความจำ ลดความเสี่ยงต่อสภาวะอัลไซเมอร์ ลดความเครียด ช่วยให้หนอนหลับสบาย ป้องกันรังสีUV ลดรอยเหี่ยวย่นของผิวใบหน้า ในระบบผิวหนังจะช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ลดฝ้า รอยด่างดำ ช่วยลดการอักเสบหรือรักษาสิวอักเสบได้

nammanrams

คุณประโยชน์ของสารแกมม่าโอไรซานอล
– แกมม่าโอไรซานอล (Gamma-Oryzanol)
มีฤทธิ์ในการลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด และรักษาอาการผิดปกติของสตรีวัยทอง นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ และยังป้องกันแสงยูวีได้ ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นและต้านการอักเสบ สารชนิดนี้มีความปลอดภัยสูงมาก ซึ่งหากผลิตภัณฑ์น้ำมันจมูกข้าว แกมม่าโอไรซานอลเป็นส่วนผสมของกรดเฟอรูลิค, เอสเตอร์ของสเตอรอลและแอลกอฮอล์ สกัดได้จากน้ำมันจมูกข้าวและจมูกข้าว ซึ่งมีผลต่อร่างกายหลักๆ ดังนี้ คือ

1. ระดับไขมันในเลือดสูง
จากการศึกษาในคนการใช้แกมมาโอไรซานอลในการช่วยลดระดับไขมันในเลือดพบว่า กลุ่มคนไข้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูงเมื่อได้รับแกมม่าโอไรซานอล ทำให้ระดับคลอเลสเตอรอลรวม และระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลงและยังเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

เมื่อทราบสารสำคัญในน้ำมันจมูกข้าวแล้วเรามาทราบถึงข้อมูลของโคเลสเตอรอลบ้างโคเลสเตอรอล เป็นไขมันชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง และเป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์ในร่างกาย และเป็นสารตั้งต้นในการสร้างฮอร์โมนต่างๆนอกจากนี้ยังพบได้ในกระแสเลือด ถ้ามีแต่พอเพียงก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้ามีโคเลสเตอรอลมากผิดปกติก็จะมีโทษตามมา โดยโคเลสเตอรอลนี้จะไปพอกตามหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมองและหลอดเลือดส่วนปลาย ทั้งนี้ในระยะแรกจะไม่มีอาการใดๆให้เห็นเลย ถ้าไม่มีการตรวจวัดโดยการเจาะเลือดหรือตรวจสอบ แต่จะแสดงอาการให้เห็นชัดเจน เมื่อโคเลสเตอรอลพอกมากขึ้นจนอุดตันทางเดินของหลอดเลือด ก่อให้เกิดโรคต่างๆเช่น โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หัวใจวาย โรคหลอดเลือด สมองตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งถึงจุดนั้นก็ยากที่จะเยียวยาให้หายเป็นปกติ นอกจากนี้ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆเช่น เพศชาย อายุมากขึ้น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน ประวัติโรคหัวใจในครอบครัว หรือสูบบุหรี่ ก็จะเร่งให้เกิดโรคของหลอดเลือดเร็วกว่าปกติ

nammanramdee

2. กลุ่มอาการของหญิงวัยหมดประจำเดือน
การรายงานว่าเมื่อกลางปีค.ศ 1950 มีการแยก การสกัด การทำให้บริสุทธิ์ของแกมม่าโอไรซานอล ในประเทศญี่ปุ่นคนญี่ปุ่นใช้สารตัวนี้ในการักษาทางยาตั้งแต่ปีค.ศ1962 สารตัวนี้ถูกใช้ในการรักษาอาการวิตกกังวล ในปีค.ศ1970 ค้นพบว่า สารตัวนี้รักษากลุ่มอาการของหญิงวัยหมดประจำเดือน และปลายปี ค.ศ1980 ได้รับการยอมรับในการใช้รักษาระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์

แกมมาโอไรซานอลถูกพิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพในการรักษากลุ่มอาการของหญิงวัยหมดประจำเดือน เช่น อาการร้อนวูบวาบ และกลุ่มอาการชราภาพ มีรายงานฉบับหนึ่งพบว่าประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของคนไข้มีอาการของวัยหมดประจำเดือนลดลงถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งจะแกมมาโอไรซานอลจะมีกลไกในการออกฤทธิ์ คือ ลดการหลั่งฮอร์โมนลูติไนซิ่ง

จากต่อมพิทูอิทาลี และเพิ่มการปลดปล่อยฮอร์โมนเอนโดฟินจากสมองส่วน ไฮโปธาลามัสแต่ผลทั้งหมดนี้ไม่สำคัญมากเท่ากับผลที่ได้รับในการทดลองทางคลีนิคที่เราต้องการ

3. การเกิดกรดในลำไส้
แกมม่าโอไรซานอลถูกนำมาใช้ในการรักษาปัญหาโรคแผลในกระเพาะอาหาร โดยการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทควบคุมการหลั่งกรดให้ผิดไปจากเดิม ที่เคยหลั่งกรดออกมามากก็ทำให้มีการหลั่งน้อยลงในระบบย่อยอาหารปกติ

4. การเสริมสร้างร่างกาย
แกมม่าโอไรซานอลถูกใช้ในการช่วยเสริมสร้างร่างกายแต่จะถูกควบคุม ให้ดีขึ้นเล็กน้อยในการศึกษาในคนแต่ก็ยังคงเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีคุณประโยชน์ในเรื่องนี้

5. การใช้ในด้านอื่นๆ
แกมม่าโอไรซานอลมีผลต่อการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) และระบบต่อมไร้ท่อ (endocrine system) มีการรายงานในเรื่องเหล่านี้ประปราย ส่วนการศึกษาแกมม่าโอไรซานอลในสัตว์ทดลองมีผลเพิ่มการหลั่งนอร์อีพิเนฟรีน (norepinephrine) การศึกษาแกมม่าโอไรซานอลในคนมีผลยับยั้งการหลั่งระบบฮอร์โมน TSHในคนไข้ที่เป็นโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (hypothyroidism) มีผลโดยตรงต่อสมองส่วนไฮโปธาลามัส โดยรวมแล้วความสำคัญของผลการศึกษา เหล่านี้มีมากเลยในการทำการทดสอบในทางคลินิก

การศึกษาแกมม่าโอไรซานอลในผู้ฝึกออกกำลังกาย พบว่า ขนาดการกินที่เหมาะสมคือ 500 มิลลิกรัมต่อวัน การใช้แกมม่าโอไรซานอลยังไม่มีข้อห้ามใช้อย่างเด่นชัด ส่วนการใช้ในหญิงตั้งครรภ์มีความปลอดภัยการใช้ในระยะให้นมบุตรอาจทำให้น้ำนมหยุดไหลได้ แกมม่าโอไรซานอลไม่ทำให้เกิดกลายพันธุ์ ไม่ทำให้เกิดการยับยั้งสายโครโมโซม ไม่ทำให้เกิดมะเร็ง

nammanramsa

ประโยชน์ของน้ำมันจมูกข้าว

  • ลดโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในร่างกาย
    สารธรรมชาติในน้ำมันจมูกข้าวหลายชนิด ได้แก่ แกมม่าโอไรซานอล วิตามินอี-กลุ่มโทโคไตรอีนอล ไฟโตสเตอรอลและกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3-6-9 มีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) รวมทั้งไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) ในร่างกายนอกจากนั้นแกมม่า-โอไรซานอล ยังช่วยคงระดับหรือเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ในร่างกายอีกด้วย
  • ป้องกันโรคหัวใจและโรคร้ายที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตัน
    โคเลสเตอรอลเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัวและตีบตัน การลดโคเลสเตอรอลจึงช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดได้ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย โรคหลอดเลือดตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น
  • ป้องกันโรคมะเร็ง
    น้ำมันจมูกข้าว นับเป็นน้ำมันที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติสูงที่สุดชนิดหนึ่ง ได้แก่ วิตามินอี-กลุ่มโทโคฟีนอลและกลุ่มโทโคไตรอีนอล แกมม่า-โอไรซานอล และ ไฟโตสเตอรอล ซึ่งอนุมูลอิสระ (Free radicals) เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง
  • รักษาสมดุลระบบประสาท และบำรุงสมอง
    วิตามินอีคอมเพล็กซ์ในน้ำมันจมูกข้าวมีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลของระบบประสาท บำรุงสมอง เสริมความจำป้องกันโรคสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
  • ปรับสมดุลของระบบฮอร์โมนในสตรีวัยทอง
    มีงานวิจัย ยืนยันคุณค่าของแกมม่า-โอไรซานอล ที่ช่วยปรับสมดุลของระบบสตรีวัยทอง และช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) ได้
  • -บำรุงผิวพรรณ
    น้ำมันจมูกข้าวมีสารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณหลายชนิดเช่น วิตามินอีคอมเพล็กซ์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ลดเลือนริ้วรอย ต้านทานรังสี UV ช่วยป้องกันการเกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ที่สำคัญ สแควลีนเป็นสารไวท์เทนนิ่ง ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
  • -อุดมคุณค่าสารอาหารนานาชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกาย
    น้ำมันจมูกข้าว อุดมด้วยคุณค่าของสารนานาชนิดเช่น กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยบำรุงร่างกาย

nammanramd

กระบวนการผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว
เนื่องจากน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวมีคุณค่าอย่างมาก จึงได้รับความนิยมอย่างสูง กระบวนการผลิตน้ำมันรำข้าวจึงมีความสำคัญต่อคุณภาพของน้ำมันเป็นอย่างยิ่ง เริ่มตั้งแต่การเลือกโรงสีที่มีสถานที่เก็บรำข้าวที่สะอาดไม่มีความชื้น ที่จะเป็นแหล่งของเชื้อราในพื้นที่เก็บรำ การเลือกรำที่มีคุณภาพดี ไม่มีสิ่งปลอมปนจากโรงเก็บรำของโรงสี การขนส่งรำจากโรงสีข้าวถึงโรงงานบีบน้ำมัน จะต้องไม่ไกลเกินไป ที่ทำให้เสียเวลาในการขนส่งมาก และโรงงานบีบน้ำมันจะต้องบีบน้ำมันแบบสดๆ ใหม่ๆ ไม่เก็บรำไว้ค้างคืน ทั้งหมดมีความสำคัญต่อการผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เพราะคุณภาพของน้ำมันที่ดี จะต้องได้มาจากวัตถุดิบที่ดี การเตรียมวัตถุดิบที่ดีจึงถือว่ามีความสำคัญมาก

1. วัตถุดิบในการผลิต น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว

  • สายพันธ์ข้าว ที่ได้รับความนิยมมาก คือ ข้าวหอมมะลิ
  • นอกจากนั้น อายุของข้าวเปลือกที่จะนำมาสีก็มีความสำคัญมาก เพราะข้าวที่เก่า หรือเก็บไว้นานข้ามปี จะทำให้รำไม่มีคุณภาพ เนื่องจากข้าวเก่ามาก จมูกข้าวจะฝ่อ ไม่มีคุณค่าทางอาหาร จึงไม่เหมาะที่จะนำรำข้าวเก่ามาบีบน้ำมัน
  • โรงสีข้าวก็มีความสำคัญ เพราะโรงสีข้าวที่ดี จะต้องมีที่เก็บรำที่ไม่มีความชื้น เพราะรำข้าวจะดูดความชื้นได้ดี ทำให้รำเกิดเชื้อรา ก็เป็นรำที่ไม่เหมาะที่จะนำมาบีบน้ำมัน เพราะจะทำให้น้ำมันรำข้าวมีสีเข้ม และมีกลิ่นหืน
  • อายุของน้ำมันรำข้าวถือเป็นสิ่งสำคัญอีกขั้นหนึ่ง เพราะรำข้าวที่เกิน 24 ชั่วโมง ก็ไม่เหมาะที่จะนำมาบีบน้ำมันรำข้าว เพราะคุณภาพของรำจะลดลง ไม่เหมาะที่จะนำมาเข้าเครื่องบีบแบบบีบเย็น
  • การขนส่งรำข้าวจากโรงสี ถึงโรงงานบีบน้ำมันรำข้าว ถ้าไกลเกินไป ก็ทำให้รำข้าวไม่ใหม่ เพราะเวลาขนส่งที่นานมาก ก็จะทำให้คุณภาพของรำเปลี่ยนไป
  • การบีบน้ำมัน รำข้าวในโรงงานบีบเย็น จะต้องบีบรำให้หมดภายในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงตั้งแต่ได้รับรำข้าว ถ้าเก็บรำไว้นานกว่านั้นก็ไม่เหมาะที่จะนำมาบีบน้ำมัน หรือถ้าได้นำมาบีบก็จะได้น้ำมันที่ไม่มีคุณภาพดี
  • โรงงานบีบน้ำมันรำข้าวแบบบีบเย็น ก็จะต้องได้มาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรม

2. เอนไซม์ ไลเปส (Lipase) ในรำข้าว
เอนไซม์ ไลเปส คือ เอนไซม์ ที่ทำหน้าที่ย่อยไขมัน เอ็นไซม์ ไลเปส มีอยู่ในกากน้ำมันรำข้าว และเป็น เอนไซม์ไลเปส นี่เองที่เป็นตัวทำให้น้ำมันรำข้าวมีกลิ่นหืน กากรำในน้ำมันที่เกิดจากการกรองไม่หมด ยังมีเศษรำข้าวติดอยู่ในน้ำมัน จะทำให้ น้ำมันมีกลิ่นหืน ดังนั้น น้ำมันจะต้องผ่านการกรองที่สะอาด ไม่มีกากรำตกค้างอยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว การกรองที่มีประสิทธิ์ภาพ นอกจากจะได้น้ำมันที่ใส สะอาด ยังทำให้น้ำมันที่ไม่มีกลิ่นหืน

3. วิธีการการสกัดน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว
การผลิตน้ำมันรำข้าว ทำได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้

  • 3.1 วิธีการกลั่นด้วยระบบไอน้ำแรงดันสูง High Pressure Stream Refining System at 230 ~ 240 degree.
    การกลั่นน้ำมันรำข้าว ถือเป็นกระบวนการที่นิยมในการผลิตน้ำมันรำข้าวแบบอุตสาหกรรม เพราะจะทำให้ได้น้ำมันจำนวนมาก บีบได้เร็ว แต่ต้องใช้ความร้อนในการสกัดน้ำมันสูงถึง 230 ~ 240 องศาเซลเซียส ซึ่งความร้อนระดับนี้จะทำให้คุณสมบัติ และคุณภาพของสารสำคัญบางอย่างในน้ำมันรำข้าว ถูกทำลายไป เพราะความร้อน ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะนำมาผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
    ข้อดี-ข้อเสีย ของการกลั่นด้วยระบบไอน้ำแรงสูง
    ข้อดี: ผลิตได้จำนวนมาก ผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ ไม่ต้องใช้รำใหม่ในการผลิต รำที่มีสิ่งปลอมปนก็ สามารถนำมาผลิตได้ เหมาะแก่การผลิตน้ำมันเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร หรือน้ำมันใช้ในการ ปรุงอาหาร
    ข้อเสีย: การผ่านกระบวนการทางเคมี และความร้อนสูง ทำให้สูญเสียธาตุอาหารสำคัญบางอย่างไปกับ ความร้อน ทำให้คุณภาพและคุณค่าทางอาหารของน้ำมันน้อยมาก ไม่เหมาะที่จะนำมาเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • 3.2 วิธีการสกัดแบบบีบเย็น Screw Press Cold Process at 40 ~ 70 degree.
    การบีบเย็น จะมีความร้อนระหว่างการบีบอัดด้วยแรงดัน มากไม่เกิน 70 องศาเซลเซียส วิธีนี้จะช่วย รักษาคุณภาพของสารอาหาร และสารสำคัญในรำข้าวและจมูกข้าว อยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และจะได้ น้ำมันที่มีคุณภาพดีที่สุด จึงเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับการผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร และเนื่องจาก การผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ด้วยวิธีการบีบเย็น จะทำได้ช้า และจะได้ น้ำมันปริมาณน้อย ต่อปริมาณรำข้าว จึงไม่นิยมที่จะผลิตในระดับอุตสาหกรรมอาหาร
    ข้อดี-ข้อเสีย ของการสกัดแบบบีบเย็น
    ข้อดี: ไม่มีการเติมสารเคมี ไม่มีความร้อน จึงทำให้ได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ที่มีคุณภาพสูงมาก คุณค่าของอาหารในรำข้าวและจมูกข้าวยังมีอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เหมาะแก่การเป็นผลิต ภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพสูง
    ข้อเสีย: ผลิตได้ครั้งละน้อย ต้องใช้รำใหม่ ในกระบวนการผลิตต้องใช้รำในปริมาณมาก ละเสียเวลา ในการบีบมาก ไม่เหมาะที่จะใช้ในระดับอุตสาหกรรมอาหาร

4. การกรองน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว
น้ำมันรำข้าวที่ผ่านการบีบแล้วจะต้องผ่านกระบวนการกรองเอากากของรำข้าวออกจากน้ำมัน เพื่อให้ได้น้ำมันที่ใสสะอาด บริสุทธิ์ สามารถเก็บไว้ได้เป็นเวลานาน โดยไม่เกิดกลิ่นหืน และจังคงคุณภาพของน้ำมันรำข้าว ที่สมบูรณ์วิธีการกรอง สามารถทำให้ได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้

  • 4.1 การกรองแบบแรงด้น Filter Press การกรองด้วยวิธีบีบอัด เพื่อแยกน้ำมันออกจากกกากรำข้าว สามารถกรองได้อย่างรวดเร็ว แต่การ บีบอัดจะทำให้ได้น้ำมันที่มีกากของรำข้าวติดออกมาด้วย ทำให้นำมันไม่บริสุทธิ์ จะทำให้น้ำมันมีกลิ่น หืน จากกากที่ตกค้างอยู่ในน้ำมัน
  • 4.2 การกรองด้วยกระดาษกรอง Filter Paper การกรองด้วยกระดาษกรองคือการปล่อยให้น้ำมันไหลตามแรงโน้มถ่วง ผ่านกระดาษกรอง แม้ว่าจะ กรองได้ช้า แต่เป็นวิธีที่ทำให้ได้น้ำมันที่ใส สะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีกากติดมากับน้ำมัน ได้น้ำมันที่ มีคุณภาพสูงที่สุด
    ประเภทและคุณภาพของกระดาษกรอง ที่นำมาใช้ในการกรอง มีหลายระดับความถี่ ที่มีหน่วยเป็น ไมครอนตามประเภทของการใช้ เช่น
    – ความถี่ 17 ไมครอน: ใช้กรองกำจัดความขุ่นมาก มีความหนืดสูง สำหรับน้ำมันพืช สีทาบ้าน
    – ความถี่ 10 ไมครอน: ใช้กรองที่ความใสระดับหนึ่ง ความหนืดปานกลาง สำหรับกรอง ไวน์ สุรา น้ำเชื่อม น้ำมัน ยา สารเคมี
    – ความถี่ 1.2 ไมครอน: ใช้กรองความใส และการกำจัดยิสต์ สำหรับ ไวน์ สุราผลไม้ สุรากลั่น น้ำผลไม้ เครื่องสำอาง ยา
    – ความถี่ 0.3 ไมครอน: ใช้กรองกำจัดเชื้อ (Sterilizing) สำหรับไวน์ชนิดไม่หวาน แชมเปญ เครื่องสำอาง ยาที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง
    – ความถี่ 0.2 ไมครอน: ใช้กรองสิ่งที่ต้องการความบริสุทธิ์สูงสุด กำจัดแบคทีเรีย สำหรับยา ไวน์หวาน แชมเปญ
  • 4.3 การกรองด้วยแรงดู Vaccum Filter เป็นการกรองด้วยกระดาษกรอง และแรงดูด เพื่อทำให้ เร็วขึ้น โดยใช้แรงดูดของอากาศช่วย ทำให้การกรองได้รวดเร็วขึ้น โดยยังได้น้ำมันที่สะอาดเท่ากับการกรองด้วยกระดาษกรอง
  • 4.4 การกรองแบบแรงเหวี่ยง Centrifugal Filter การกรองแบบการหมุนเหวี่ยง เพื่อแยกน้ำออกจากกาก เป็นวิธีการอีกแบบหนึ่งที่ใช้ในการกรอง เพื่อความ รวดเร็ว แต่ไม่ค่อยนิยมในระดับอุตสาหกรรม เพราะไม่สามารถแยกน้ำมันออกจากกาก ได้หมด

5. สรุปการผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว

  • 5.1 กระบวนการผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ที่ดีที่สุด คือ วิธีการสกัดแบบบีบเย็น Cold Screw Press วัตถุดิบที่ใช้ คือ รำข้าว ต้องใหม่เสมอ การบีบทำได้ช้า ผลิตได้ครั้งละไม่มาก แต่ได้ น้ำมันที่มีคุณค่า ของรำและจมูกข้าวที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด
  • 5.2 กระบวนการกรองที่ดีที่สุด คือการกรองด้วยกระดาษกรอง ไห้ไหลตามแรงโน้มถ่วง กรองได้ช้า แต่จะทำให้ได้นำมันรำข้าวที่สะอาด ไม่มีกากรำเจือปน เก็บไว้นานไม่ตกตะกอน เพราะในกาก น้ำมันรำข้าวมี เอนไซม์ ไลเปส ที่ทำให้ย่อยน้ำมัน ก่อให้เกิดการหืน

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ผลิตด้วยวิธีบีบเย็น และใช้กรองด้วยกระดาษกรอง จึงทำให้ได้น้ำมัน
รำข้าวและจมูกข้าวที่ใส สะอาด ไม่มีตะกอนตกค้างในน้ำมัน ทำให้น้ำมันไม่มีกลิ่นหืน

nammanramkrs

การสกัดน้ำมันรำข้าวด้วยวิธีการหีบเย็น เป็นการสกัดน้ำมันด้วยวิธีธรรมชาติซึ่งสามารถนำน้ำมันที่สกัดได้มาใช้ประโยชน์ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ น้ำมันที่ได้จะมีคุณภาพดีและไม่มีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางเคมี ช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตของรำข้าวหอมมะลิอินทรีย์อินทรีย์จาก “กลุ่มเกษตรกรทำนาบากเรือ”
กลุ่มเกษตรกรทำนาบากเรือ ก่อตั้งกลุ่มขึ้นเทื่อวันที่ 8เมษายน 2519มีการขึ้นทะเบียนกลุ่มเลขที่ ยส.4/2519 มีสมาชิกปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 1,208คน ครอบคลุมอยู่ทั้งสิ้น 4อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอค้อวัง อำเภอมหาชนะชัย ในจังหวัดยโสธร ตลอดระยะเวลา 30กว่าปีทำให้กลุ่มเกษตรกรทำนาบากเรือได้พิสูจน์ตนเองให้หลายๆหน่วยงาน หลายองค์กรได้เข้ามาศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อพี่น้องชาวบ้าน ชาวนา เกษตรกรรายย่อยได้หลุดพ้นการเป็นชาวนาที่มีหัวใจการผลิตแต่ไม่มีสิทธิ์กำหนดราคา นอกจากนี้เกษตรกรทำนาบากเรือยังถูกยอมรับจากหน่วยงานราชการต่างๆ มีพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 5,493ไร่ ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) ,มาตรฐานกรมวิชาการเกษตร(Q) และมาตรฐานของต่างประเทศ เช่น มาตรฐาน BIOSSIW ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ,มาตรฐาน EU ของประเทศทางยุโรป และมาตรฐาน NOP ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการส่งออกข้าวโดยผ่านสหกรณ์กรีนเน็ท เพื่อต่อไปในอนาคตจะส่งไปจำหน่ายในอีกหลายประเทศในสหภาพยุโรป เช่น ประเทศอังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมันนี และฝรั่งเศส อีกด้วย…. ปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรทำนาบากเรือมีธุรกิจโรงสีกำลังการผลิต 45เกวียน/วัน มีตราชั่งคอมพิวเตอร์ขนาด 40ตัน เครื่องยิงสีซึ่งเป็นงบของ CEO เครื่องแพ็คสูญญากาศ รถตัก รถหกล้อ และมีศูนย์การฝึกอบรมเพื่อศึกษาดูงาน
นอกจากกลุ่มเกษตรกรทำนาบากเรือจะมีผลผลิตเป็นข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่สามารถจัดจำหน่ายไปยังคู่ค้าทั้งในและตลาดต่างประเทศปีละกว่า 1,000 ตันแล้ว ยังมีการสกัดน้ำมันรำข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่าจากรำข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่หลงเหลืออยู่ ดังนี้…

วัสดุ/อุปกรณ์

  1. เครื่องหีบเย็น
  2. ตะแกรงลวดแบบตาถี่
  3. โหลแก้ว หรือโหลพลาสติก ขนาดบรรจุ 2-4 ลิตร
  4. กาละมังพลาสติก(สำหรับรองกาก)
  5. รำข้าว
  6. ขวดสำหรับบรรจุ

ขั้นตอน

  • ขั้นตอนการนำรำข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่เข้าสู่กระบวนการหีบเย็น ซึ่งลักษณะการสกัดน้ำมันรำข้าวแบบหีบเย็นนั้นภายหลังจากใส่รำข้าวเข้าไปแล้วจะเกิดกระบวนการบีบอัดให้เหลือเพียงกากและน้ำมันรำข้าวที่แยกตัวออกมา
  • การหีบเย็น
    ในการหีบเย็นแต่ละครั้งจะต้องผ่านขั้นตอนการกรองอย่างน้อย 2ครั้ง โดยรอบแรกจะใช้ตะแกรงโลหะตาถี่ๆเพื่อกรองเอากากออก
  • กากของรำข้าว
    กากของรำข้าวที่ผ่านกระบวนการหีบเย็นแล้วสามารถนำไปผสมอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์หรือใช้เป็นอาหารปลาได้ โดยที่นี่จะจำหน่ายกิโลกรัมละ 4 บาท
  • กรองน้ำมันรำข้าว
    น้ำมันรำข้าวที่ผ่านขั้นตอนการกรองในรอบแรกแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนการกรอในรอบที่2โดยจะใช้ผ้าขาวบางกรองละเอียดอีกครั้งก่อนที่จะนำไปบรรจุภัณฑ์
  • น้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์
    รำข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่ผ่านกระบวนการกรองทุกขั้นตอนแล้วจะได้เป็นน้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์ที่สามารถนำไปบรรจุภัณฑ์ได้
    กลุ่มเกษตรกรทำนาบากเรือ มีกระบวนการสกัดน้ำมันรำข้าวแบบหีบเย็นโดยจะใช้รำข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 100 กิโลกรัม/วัน สามารถสกัดออกมาเป็นน้ำมันรำข้าวได้ประมาณ 5-7 ลิตร/วัน

nammanramkr nammanramkao

แหล่งที่มาของข้อมูล :
คุณอาลัย พันพิพัฒน์
ที่อยู่ : หมู่ที่4 ตำบลบากเรือ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร

ป้ายคำ :

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด อาหารเพื่อสุขภาพ

แสดงความคิดเห็น