บานชื่นนิยมปลูกเป็นไม้ประดับบ้านเรือนและปลูกเป็นกระถาง เนื่องจากบานชื่นเป็นไม้ดอกที่ปลูกง่ายเลี้ยงง่าย ไม่ต้องพิถีพิถันในการดูและรักษา มากมายแต่ให้ดอกที่สวยงาม สีสันสดชื่น เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมโดยไม่ต้องลงทุนมากมาย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Zinnia elegans
วงศ์ COMPOSITAE
ชื่อสามัญ Zinnia
ชื่ออื่นๆ บานชื่น , Poorhouse flower, Everybody flower
ถิ่นกำเนิด ประเทศเม็กซิโก
ชื่อ Zinnia ตั้งให้เป็นเกียรติแก่ Dr.Johann Gottfried Zinn ศาสตราจารย์ทางพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในศตวรรษที่ 18 ผู้นำเมล็ดบานชื่นจากอเมริกาไปยุโรปเป็นคนแรก
บานชื่นเป็นไม้พื้นเมืองของเม็กซิโก พันธุ์ป่าขึ้นอยู่ตามเชิงเขาในเม็กซิโกและอเมริกากลาง มีดอกเล็กๆ กลีบชั้นเดียวสีม่วงซีดๆ ชาวเม็กซิกันชอบเด็ดมาปักหมวก ปัจจุบันนี้นักผสมพันธุ์พืชได้ทำให้บานชื่นมีทุกสีเว้นสีฟ้า ดอกมีขนาดต่าง ๆ ตั้งแต่เล็กขนาดกระดุมเสื้อนอกจนถึงใหญ่ขนาดจานรองถ้วยนํ้าชา (1-7 นิ้ว) มีรูปร่างดอกแตกต่างกันไปมากมาย การปลูกก็ง่าย เมล็ดมีขนาดใหญ่ ต้นโตเร็วให้ดอกเร็วทันใจ เมื่อดอกบานสะพรั่งพร้อมกันแล้วสวยสะดุดตามาก พันธุ์เก่า ๆ มักให้ดอกที่เหี่ยวเร็วปนกันอยู่กับดอกที่บานใหม่จึงมีชื่อสามัญว่า Youth and Old Age แต่ลูกผสมพันธุ์ใหม่ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีปัญหาคือจะบานพร้อมกันในคราวเดียว
ต้นบานชื่นสามารถเกิดตาดอกและพัฒนาเป็นดอกได้เร็วในช่วงวันสั้น ลักษณะนี้เรียกว่าเป็น facultative short day plant ดังนั้น ถ้าปลูกบานชื่นในช่วงฤดูหนาวของเมืองไทย ถ้าไม่มีการให้แสงเพิ่ม ต้นจะเกิดตาดอกตั้งแต่ยังไม่ทันเติบโตทางต้นและใบเต็มที่ ทำให้ได้ต้นเล็กไม่สมบูรณ์พอจะรับขนาดและจำนวนดอกได้ การแก้ไขคือ ให้แสงเพิ่มเป็นวันละ 14 ชั่วโมงสัก 20 25 วันเป็นอย่างน้อย หลังจากย้ายปลูกจะได้ดอกที่มีก้านแข็งแรง ดอกใหญ่มีกลีบดอกมาก หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่าต้นที่ปลูกในสภาพที่ให้แสงเป็น 14 ชั่วโมงต่อวันจะมีความสูง ขนาดใบ ขนาดดอกและจำนวนข้อมากกว่า และออกดอกช้ากว่าต้นที่ปลูกในสภาพวันสั้นด้วย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
บานชื่นเป็นไม้ดอกฤดูเดียว ลำต้นสูงประมาณ 2 ฟุต ลักษณะลำต้นมีขน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ใบติดกับลำต้น ดอกมีหลายสี เช่น แดง ชมพู ขาว ส้ม เหลือง ม่วงและแสด แล้วแต่ชนิดของพันธุ์ แต่ไม่มีกลิ่น
บานชื่นตามความสูงของต้นจะได้ 3 กลุ่มดังนี้
นอกจากนี้ มีพันธุ์ Envy ดอกสีเขียว ขนาดดอก 4 นิ้ว, Fruit Bowl สีคละ, Firecracker, Zenith ขนาดดอก 5 นิ้ว, Big Red, Big Top, Torch เป็นต้น นอกจากจัดตามความสูงของต้นแล้ว ดอกของบานชื่นยังมีหลายแบบ ทำให้จัดบานชื่นตามลักษณะ ดอกได้ดังนี้
พันธุ์ใหม่ที่ได้ AAS 1990 คือ Scarlet Splendor เจ้าของพันธุ์คือ Denis Flaschenreim ของบริษัทเบอร์พี ดอกใหญ่ 4 5 นิ้ว สีแดงสด ต้นสูง 2 ฟุต มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศ ได้ดีและทำเป็นไม้ตัดดอกได้ดีด้วย
บานชื่นมักมีโรครานํ้าค้าง (mildew) รบกวนในสภาพอากาศชื้น บริษิทเบอร์พีมีพันธุ์ Rose Pinwheel สีชมพู ดอกชั้นเดียว เกสรสีเหลืองสด ขนาดดอก 2.5 3 นิ้ว กลีบดอกบิดเล็กน้อย เมื่อดอกแก่จะเปลี่ยนสีเป็นสีเข้มขึ้น ต้นสูง 18 นิ้ว เป็นพันธุ์ที่ต้านทานโรคนี้ และจะเป็นที่มาของยีนส์ที่ต้านทานโรคนี้ต่อไป พันธุ์นี้ได้มาจากการผสม Zinnia elegans กับ Zinnia angustifolia
เมล็ดของบานชื่นมีขนาดใหญ่ เพาะง่าย ดินที่ปลูกควรระบายน้ำดี ที่ปลูกต้องมีแดดเต็มที่ มีการระบายอากาศดีด้วย การให้น้ำไม่ควรให้ถูกใบเพราะจะทำให้เกิดโรคและก้านดอกหักง่ายด้วย บานชื่นมีระบบรากค่อนข้างตื้น ควรเด็ดยอดให้แตกพุ่มจะช่วยยึดลำต้นได้ดี
นอกจากบานชื่นที่กล่าวมาแล้ว ยังมีพันธุ์ดั้งเดิม ดอกเล็ก มีกลีบชั้นเดียวหรือซ้อนน้อย ต้นเป็นพุ่มกว้างคือ Zinnia linearis หรือ Zinnia angustifolia ต้นสูง 8 10 นิ้ว ใบเรียวยาว ดอกขนาด 1.5 นิ้ว สีขาว สีเหลือง และสีส้ม เป็นพันธุ์ที่มีความต้านทานโรคสูง เช่นพันธุ์ Classic ที่เราเรียกกันว่า กระดุมเงิน กระดุมทอง
Zinnia Haageana เป็นบานชื่นจากเม็กซิโก ต้นสูง 14 นิ้ว ดอกสีนํ้าตาลอมแดง ปลายกลีบสีเหลืองสด ดอกซ้อนขนาด 2 3 นิ้ว เช่นพันธุ์ Old Mexico (AAS 1962)
ขยายพันธุ์
เพาะเมล็ด โดยกลบเมล็ดบาง ๆ เมล็ดงอกภายใน 10-20 วันเวลาเพาะ-ออกดอก 60-90 วัน
การปลูกและดูแลรักษา
บานชื่นเป็นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัด ต้องปลูกกลางแจ้งให้ได้รับแสงแดดโดยตรงอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด แต่ถ้าได้มีการเตรียมดินให้ดีมีธาตุอาหารครบครัน มีการระบายน้ำดี กักเก็บความชื้นไว้พอควร ก็จะได้บานชื่นที่มีพุ่มต้นสวยสมบูรณ์ ดอกดก คุณภาพดอกดี ควรรดน้ำประจำทุกเช้า เวลาจากเพาะเมล็ดจนให้ดอก 2-3 เดือน
บานชื่น เป็นไม้ดอกไม้ประดับชนิดล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีดอกสวยงาม ผู้ที่ได้พบเห็นดอกแล้วมักหลงใหลในเสน่ห์ของสีสันที่มีมากมายหลากสี เช่น สีเหลืองเข้ม สีบานเย็น สีแสด และสีขาว เป็นต้น
ป้ายคำ : ไม้ดอก