ปรงจัดเป็นไม้ประดับชนิดหนึ่งที่เติบโต และมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคสมัยไดโนเสาร์ ซึ่งเป็นพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่ยังเหลือพบให้เห็นอยู่ ทั้งนี้ ปรงนิยมนำมาปลูกสำหรับประดับตามสวนจัดแปลงหรือสวนสาธารณะต่างๆ เนื่องจาก ลำต้น และใบปรงมีความเป็นเอกลักษณะ ดูแปลกตา และมีความสวยงาม อีกทั้ง เป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย ไม่จำเป็นต้องให้น้ำหรือปุ๋ยมากเหมือนไม้ประดับอื่นๆ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cycas circinalis L.
วงศ์ Cycadaceae
ชื่ออื่น ๆ กา กาเดาะ กูดหลวา แข่ดู่ ทอคลิ บอกะ มะพร้าวเต่าดอย มะพร้าวเต่าหลวง มะพร้าวสีดา มุ่งมาง
ลักษณะ
ไม้ต้น เปลือกสีน้ำตาล มีรอยแผลใบที่ลำต้น มีเหง้าใต้ดิน ใบเป็นใบประกอบ รูปยาว แคบ ปลายใบแหลม ดอกเพศผู้และเพศเมียแยกต้นกันอยู่ ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีสปอร์จำนวนมากเรียงรอบแกนกลาง ดอกเพศเมียออกเป็นกาบระหว่างใบ มีไข่อ่อนติดทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 2-4 หน่วย เมล็ดกลมเมื่อแก่จัดสีแดงอมส้ม ประเทศไทยพบพืชสกุลปรง 5 ชนิดได้แก่
Cycas circinalis L ปรง
C. micholitzii Dyer var. simplicipinna Smitin มะพร้าวเต่า
C. pectinnata Thunb ปรงเขา
C. rumphii Miq ปรงทะเล มะพร้าวเต่าทะเล ปากู
C. siamensis Miq ปรงเหลี่ยม ปรงป่า ผักกูดบก ตาลปัตรฤาษี
การปลูก
เมล็ดของปรงจะงอกได้ช้ามาก ถึงแม้ว่าจะไม่มีการฟักตัวก็ตาม การทำให้เมล็ดปรงงอกได้เร็ว จึงต้องนำเมล็ดปรงมาปอก เอาเนื้อหุ้มเมล็ด ที่อยู่ชั้นนอกออกให้หมด แล้วจะพบเปลือกแข็งอีกชั้นหนึ่งที่เรียกว่า กะลาห่อหุ้มเมล็ดอยู่ จึงควรนำไปฝนจนกะลาทะลุหรือกะเทาะให้แตก เพื่อให้น้ำหรือความชื้นซึมเข้าไปในเมล็ด แล้วเมล็ดจะงอกได้เร็วขึ้น ถ้ามีการแกะกะลาออกให้หมดจะเหลือแต่ endosperm ก่อนนำไปเพาะ ควรนำไปแช่น้ำยาป้องกันเชื้อราเสียก่อน การเพาะโดยวิธีนี้จะได้ต้นอ่อน ที่มีเปอร์เซ็นต์การงอกสูงและต้นอ่อนมีขนาดสม่ำเสมอกัน
การดูแลรักษา: ต้องการดินปลูกที่ระบายน้ำดี ต้องการน้ำน้อย
การขยายพันธุ์: การแยกหน่อและการเพาะเมล็ด
แหล่งที่พบ: ขึ้นอยู่บนภูเขา ตามหน้าผาหรือเกาะอยู่กับโขดหิน
ประโยชน์ปรง
ทั้งนี้ การนำปรงไปประกอบอาหาร และใช้ทำยาสมุนไพรจะต้องระมัดระวัง เพราะปรงบางชนิดมีพิษ
ป้ายคำ : ไม้ประดับ