ดอกพุดตาน เมื่อดอกแรกบานจะมีสีขาว และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู และจะเปลี่ยนเป็นชมพูเข้ม และเมื่อดอกเหี่ยวจะมีสีม่วงชมพู พุดตาน เป็นไม้พุ่ม สูงได้ถึงประมาณ 5 เมตร ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน โดยมีการนำเข้ามาปลูกในไทยเราตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ลักษณะโดยทั่วไปของพุดตานนั้น จะเป็นไม้ที่มีพุ่มเตี้ย ต้นและกิ่งมีขนสีเทา ใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ออกสลับ ขอบใบหยัก โคนรูหัวใจปลายใบแหลม มีขนสาก ดอกคล้ายดอกชบาซ้อน ขนาดดอกใหญ่สวยงาม ออกดอกตามซอกใบและปลายกิ่งบานในตอนเช้า โดยเมื่อแรกบานจะมีสีขาว สาย ๆ จะเป็นสีชมพู และตอนบ่ายดอกจะกลายเป็นสีชมพูเข้มจนเกือบแดง ออกดอกดกตลอดทั้งปี ชอบแสดงแดดจัด ไม่ชอบที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขัง ดังนั้นจึงควรเลือกที่ปลูกในที่น้ำท่วมไม่ถึง ดินร่วนซุย แต่ก็ควรให้น้ำเพื่อให้คงรักษาระดับความชื้นไว้ที่ปานกลาง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus mutabilis L.
ชื่อวงศ์: Malvaceae
ชื่อสามัญ: Rose of Sharon, Cotton rose hibiscus,Changeable rose mallow, Confederate rose mallow
ชื่อพื้นเมือง: ดอกสามสี ดอกสามผิว
ลักษณะทั่วไป
ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกดกตลอดปี
การปลูก: ปลูกบังกำแพง หรือทิวทัศน์ที่ไม่น่าดู
การดูแลรักษา: ชอบอยู่ตามที่ดอนกลางแจ้ง แสงแดดจัด ไม่ชอบที่แฉะหรือมีน้ำขัง ปลูกได้ดีในดินร่วนซุย ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง
การขยายพันธุ์: ตอนกิ่ง ปักชำกิ่ง
สรรพคุณของพุดตาน
สรรพคุณดอกพุดตาน ดอกมีรสฉุนและสุขุม สรรพคุณช่วยแก้อาการไอ อาเจียนเป็นเลือด มีระดูขาว (ดอก)
สรรพคุณพุดตาน ใช้เป็นยารักษาแก้งูสวัด โดยใช้ใบสดล้างน้ำสะอาดประมาณ 4-5 ใบ นำมาตำให้ละเอียด แล้วเติมน้ำซาวข้าวลงไป แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นบ่อยๆ หรืออีกวิธีก็คือการใช้รากพุดตานสดนำมาตำแล้วพอก หรือจะนำรากแห้งมาบดให้เป็นผงผสมแล้วใช้พอกก็ได้ (ใบ,ราก)
สรรพคุณทางยาของพุดตาน ใบและดอกพุดตาน มีสรรพคุณใช้เป็นยาถอนพิษ แก้พิษบวม รักษาแผลมีหนอง แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดล้างน้ำสะอาดประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมเข้ากับน้ำมันพืช แล้วนำมาใช้ทาบริเวณแผล หรือจะใช้ใบแห้งผสมกับน้ำผึ้งแล้วใช้ทาแทนก็ได้ (ใบ,ดอก)
ประโยชน์ของพุดตาน
ประโยชน์พุดตาน ดอกพุดตานมีสารฟลาโวนอยด์ กลัยโคไซด์ (Flavonoid glycosides) ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีในร่างกายได้เป็นอย่างดี
ต้นพุดตานสามารถใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้ เนื่องจากมีดอกที่สวยงามมีทั้งดอกละและดอกซ้อน หรือใช้ปลูกบังกำแพง หรือในที่ที่มีทิวทัศน์ไม่สวยงาม หรือเหมาะสำหรับปลูกในสวนไทย ผงบดละเอียดของเปลือกและรากใช้เป็นแป้งผัดหน้าของคนตั้งแต่เหนือจรดใต้แหลมมลายรากและล้ำต้นมีเนื้อไม้สีเหลืองแข็ง ลายละเอียด สามารถใช้ตกแต่งทำเป็นด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ได้อย่างสวยงาม ส่วนก้านสามารถนำมาใช้ทำความสะอาดฟันได้
แหล่งอ้างอิง : ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, เว็บไซต์สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, มูลนิธิหมอชาวบ้าน (ดร.ปิยรัษฎ์ เจริญทรัพย์), นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 5
ป้ายคำ : ไม้ดอก