ฟางข้าวที่เป็นเศษเหลือจากการนวดข้าว เกษตรกรจะนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายหลายอย่าง เช่น เป็นอาหารให้กับโค กระบือ ใช้ในงานอุตสาหกรรมทำกระดาษ เป็นวัสดุคลุมดินในแปลงผัก ทำโครงพวงหรีดดอกไม้ แต่ประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้ ผู้ที่นำไปใช้ประโยชน์จริงๆ มีไม่มากเท่ากับการให้มันถูกเผาทำลาย ด้วยเหตุผลที่ว่าการเผาฟางจะช่วยทำลายวัชพืชและเมล็ดพืชที่ตกค้างอยู่ในนา และเพื่อความสะดวกในการทำนาหรือทำไร่ในฤดูต่อไป การที่เราเผาสิ่งที่ยู่ในผืนนานั้น ดินนาก็ย่อมจะเสื่อมลงอย่างแน่นอน ซึ่งมีความร้อนถึง 700 องศาเซลเซียส จะทำให้จุลินทรีย์ในดินตาย อินทรีย์วัตถุในนาก็จะลดลงทุกปีโดยไม่มีการเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้กับดิน แต่ใส่ปุ๋ยเคมีทดแทนลงไป ในนาข้าว ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวจะไปช่วยเร่งให้จุลินทรีย์ย่อยสลายอินทรีย์วัตถุในดินให้หมดเร็วยิ่งขึ้น สภาพการณ์ที่จะส่งเสริมให้ดินนาเกิดการแข็งตัว ทำให้ดินแน่น การระบายน้ำและอากาศในดินไม่ดี ทางแก้ไขที่ต้องทำต่อมาคือ ต้องใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับการไถกลบฟางข้าว เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตและเสียเวลามากยิ่งขึ้น แต่หากจะมีคำถามว่า หากเราไม่เผาฟางในนาข้าวมีประโยชน์อย่างไร ฟางช่วยทำให้ผืนนาที่ถูกฟางปกคลุมมีสภาพจุลนิเวศน์ เหนือผิวดิน มีความเหมาะสมต่อการที่สิ่งมีชีวิต เช่น จุลินทรีย์ ไส้เดือน กิ้งกือ มีชีวิตอยู่และขยายพันธุ์ออกไป ทำให้เกิดการย่อยดินให้ร่วนซุยสามารถระบายน้ำและอากาศได้ดี
ฟางข้าวจะช่วยควบคุมพืชที่เป็นวัชพืชในนาข้าวไม่ให้งอกเจริญเติบโต โดยฟางที่คลุมผืนนาจะบดบังแสงแดดไม่ให้ส่องถึงและยังจะช่วยรักษาความชื้นของดินในนาให้อยู่ได้นาน ซึ่งจะทำให้ต้นข้าวมีน้ำเพียงพอแม้จะมีสภาวะแห้งแล้งติดต่อกันก็ตาม ต้นข้าวก็สามารถเจริญงอกงามให้ผลผลิตสูงกว่าการเปิดดินโดยปราศจากฟางข้าวคลุมดิน ความชื้นในสภาพคลุมฟางในนาข้าวหลังเก็บเกี่ยวมีเพียงพอที่จะปลูกพืชตระกูลถั่วอายุสั้น โดย เฉพาะถั่วเขียว ซึ่งมีอายุ 60 วัน หรือพืชหมุนเวียนอื่นๆ ที่จะช่วยในเรื่องการลดการระบาดของแมลงศัตรูพืชได้ค่ะ โดยปลูกหลังจากที่ได้ไถฟางกลบลงไปในดินแล้ว การปลูกพืชตระกูลถั่วหลังการทำนายังใช้น้ำน้อยและเพิ่มไนโตรเจน โดยเชื้อจุลินทรีย์ที่ปมรากถั่วจะตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาเป็นปุ๋ยในดิน และจะเติบโตได้ดีในสภาพที่ไถกลบฟางข้าวหมาดๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไนโตรเจนกับถั่วเลย ส่วนปุ๋ยฟอสเฟสจะได้จากปุ๋ยที่ตกค้างจากปีที่ผ่านมา ข้อดีของการปลูกพืชหมุนเวียนอีกประการหนึ่งก็คือ พืชจะมีทั้งรากตื้นและรากลึก ซึ่งจะช่วยตรึงอาหารที่อยู่ในดินชั้นล่างขึ้นมาชั้นบนซึ่งมีธาตุอาหารที่มีประโยชน์อยู่ รากต้นพืชก็พลอยได้รับประโยชน์ด้วยทำให้ดินได้อาศัยจุลินทรีย์ในธรรมชาติตอบสนอง คือ ทำให้อินทรีย์วัตถุกลายเป็นปุ๋ย ทำให้ปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆนอกจากนั้นธาตุซิลิกาที่มีอยู่ในฟางข้าวซึ่งเป็นประโยชน์ได้ดีกว่าซิลิกาในขี้เถ้าฟางก็จะช่วย ให้ต้นข้าวแข็งแรงสามารถชูต้นรับแสงได้อย่างทั่วถึง ทำให้ทนต่อการทำลายของโรคและแมลงในนาข้าวได้ด้วย
ฟางจะช่วยปรับโครงสร้างของดิน ที่เป็นกรดหรือเป็นด่าง ให้เกิดความสมดุล รักษาความชื้นให้แก่ดิน สร้างดินให้มีชีวิตทำให้ประหยัดน้ำในการรดต้นพืช ดินที่คลุมด้วยฟาง
ฟางข้าวเป็นหัวปุ๋ยชั้นดี มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และไนโตรเจน ใช้คลุมดิน จะทำให้พืชผัก เจริญเติบโต แข็งแรง ทนต่อศัตรูพืช คุณประโยชน์จากฟาง 1 ส่วนจะเท่ากับมูลวัว 10 ส่วน ฟางจะช่วยปรับโครงสร้างของดิน ที่เป็นกรดหรือเป็นด่าง ให้เกิดความสมดุล รักษาความชื้นให้แก่ดิน สร้างดินให้มีชีวิตทำให้ประหยัดน้ำในการรดต้นพืช ดินที่คลุมด้วยฟาง จะเป็นอาณาจักรของสัตว์ ที่เป็นมิตรกับต้นพืช อาทิ ไส้เดือน จิ้งหรีด เป็นต้น และการระบาดของแมลงศัตรูพืช จะค่อย ๆ หายไป โดยไม่ต้องใช้สารเคมี หากมีการใช้ประโยชน์ จากฟางข้าวกับแปลงปลูกพืช
และที่สำคัญนอกเหนือจากที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ฟางข้าวช่วยทำให้ปริมาณอินทรีย์วัตถุในดินนามีมากขึ้น ดินมีความชื้นพอเหมาะ การย่อยสลายจะเร็ว และไม่เกิดสารพิษ จุลินทรีย์จะช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุในนา ไม่ว่าจะเป็นฟางข้าวหรือวัชพืชให้เน่าเปื่อยกลายเป็นปุ๋ยคลุกเคล้าลงไปในดิน เป็นแหล่งอาหารและพลังงานให้จุลินทรีย์ตรึงธาตุไนโตรเจนมาเป็นปุ๋ยและให้ธาตุอาหารให้แก่ข้าว สร้างความเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูงขึ้น
ฟางข้าวยังเป็นอาหารของโค กระบือ โดยเฉพาะในช่วงที่ขาดแคลนหญ้าสด และเมื่อมันถ่ายมูลออกมาก็จะเป็นปุ๋ยคอกที่จะช่วยเพิ่มค่าให้แก่ดินในนาข้าวได้อย่างดี สำหรับผู้ที่มีอาชีพการเพาะเห็ด วัสดุในการเพาะเห็ดฟางที่เป็นฟางนี่หล่ะค่ะ สามารถนำไปใช้ได้ และยังนำไปใช้เป็นปุ๋ยหมักในนาข้าวได้อีกด้วย
ฟางข้าวน้ำหนัก 1,300 กิโลกรัม เมื่อไถกลบลงไปในดิน จะย่อยสลายให้ธาตุอาหารแก่ดิน ดังนี้
ประโยชน์จากฟางข้าว
๑. เป็นหัวปุ๋ยชั้นดี ฟางอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และไนโตรเจน ฯลฯ ถ้าหากเรานำฟาง ไปคลุมดิน จะทำให้พืชผัก เจริญเติบโต แข็งแรง ทนต่อศัตรูพืชได้เป็นอย่างดี ท่านที่ไม่ชอบฟาง อาจทำให้ระคายผิวบ้าง จึงหันไปใช้มูลวัว มูลควายแทน ท่านเคยสังเกตไหมครับว่า วัวควายกินอะไรพวกมันกินหญ้า กินฟาง ก็นำไปบำรุงร่างกาย ของมันทั้งหมด ส่วนที่เหลือ ก็ขับถ่ายออกมา ซึ่งเป็นกากเดนของฟาง ประโยชน์ก็มีน้อย จึงมีผู้เปรียบเทียบเอาไว้ว่า มูลวัวมูลควาย ๑๐ ส่วน จึงจะเท่าฟาง ๑ ส่วน หรือเปรียบเทียบ ให้ชัดเจนเข้าไปอีกว่า ฟางเปรียบเหมือนรถมือหนึ่ง หรือรถใหม่ มูลวัวมูลควาย เปรียบเสมือน รถมือสอง ท่านจะเลือกเอาอะไร ฟางเป็นส่วนหนึ่ง ของแม่โพสพ (ข้าว) นอกจากฟางแล้ว ยังมีแกลบ รำ ละอองข้าว (คายข้าว) ทั้งหมดคือผลผลิต ที่ออกมาจากข้าว เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อดิน และมนุษย์เป็นอย่างมาก ถ้าหากชาวไร่ชาวนา หันมาใช้วัตถุดิบเหล่านี้ แทนปุ๋ยเคมีแล้ว จะทำให้ ประเทศไทย ไม่ต้องสั่งซื้อปุ๋ยเคมี จากต่างประเทศ ซึ่งทำให้เราขาดดุลการค้า อย่างมากมายมหาศาล
๒. ฟางช่วยปรับโครงสร้างของดิน ที่เป็นกรดหรือเป็นด่าง ให้เกิดความสมดุล ในตัวของมันเอง ดินที่เป็นกรด (Acid Soils) หมายถึง ดินที่มีค่า PH ต่ำกว่า ๗.๐ ดินที่เป็นด่าง (Alkaline Soils) หมายถึง ดินที่มีค่า PH สูงกว่า ๗.๐ ไม่ว่าดินจะเป็นกรดหรือเป็นด่าง ถ้าหากท่านเอาฟาง ไปคลุมดินไว้ สิ่งเหล่านี้ จะค่อยๆ หายไปเองทันที ช่วยรักษา หน้าดิน ตามธรรมชาติของดิน ถ้าหากไม่มีอะไรปกคลุม หรือกั้นเอาไว้ หน้าของดิน จะเสื่อมสลาย และสูญเสีย ไปกับสายลม น้ำและแสงแดด ซึ่งจะทำให้ดิน เป็นดินด้าน อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากเรานำฟาง ไปคลุมดินเอาไว้ จะทำให้เกิด ชั้นหน้าดินอีกทีหนึ่ง ช่วยคลุมหญ้า และวัชพืชต่างๆ เมื่อเรานำฟาง ไปคลุมหญ้า และวัชพืชหนา พอสมควร โดยไม่ให้อากาศ หรือแสงแดด ส่องถึงพื้นดิน จะทำให้หญ้า และวัชพืชเน่า เป็นปุ๋ยหมัก ตามธรรมชาติ อย่างดี หลังจากนั้น เราก็จะสามารถแหวกฟาง ออกปลูกพืชผักต่างๆ ได้โดยไม่ต้องออกแรงมากนัก ฟางรักษาความชื้น ให้แก่ดิน เป็นการสร้างดินให้มีชีวิต
๓. สร้างระบบนิเวศ ถ้าหากเราทำกสิกรรมที่ใช้ฟางเป็นหลัก จะทำให้ประหยัดน้ำมากขึ้น ช่วยให้เกิด วัฏจักรชีวิตของสัตว์ ที่มีประโยชน์ต่อดิน ตามธรรมดาดินที่ว่างเปล่า หรือดินโล้น จะเป็นดินป่วยดินดาน ดังนั้น ถ้าหากเราปลูกพืชลงไป พืชผักก็จะอ่อนแอ ไม่เจริญเติบโต ศัตรูของพืช ก็จะมาทำลาย แต่ดินที่คลุมด้วยฟาง จะเป็นดินที่ร่วนซุยเพราะไส้เดือน จุลินทรีย์และสัตว์ต่างๆ ช่วยกันพรวนดิน ดินที่คลุมด้วยฟาง ก็จะเป็นอาณาจักร ของสัตว์ต่างๆ เพราะระบบนิเวศวิทยาอุดมสมบูรณ์ เช่น คางคก แย้ จิ้งเหลน แมงมุม ฯลฯ การระบาด ของแมลงศัตรูพืช ก็จะค่อยๆ หายไป โดยที่เราไม่ต้องไปใช้ สารขับไล่แมลง ดังนั้น การทำลายชีวิต ของสัตว์ต่างๆ ในไร่นา นอกจากจะผิดศีลธรรม ตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ที่เราอาศัยอยู่ให้เสื่อมลงไป อย่างน่าเสียดายเป็นที่สุด
ถ้าหากเรานำไปคลุมสวนผัก ของเราทุกๆ ปี จะเกิดความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ พืชผักนานาชนิด จะเกิดขึ้น โดยที่เราไม่ต้องไปดูแล ประคบประหงม มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น จะเกิดเห็ดต่างๆ โดยเฉพาะเห็ดฟาง ให้เราได้มีอยู่ มีกินทั้งปี ดังนั้น จึงขอเชิญชวน ให้พวกเรา เห็นความสำคัญของฟาง เมื่อเห็นกองฟาง หรือเส้นฟาง จงระลึกอยู่เสมอว่า นี่คือทองคำ หรือทรัพยากรอันมีค่า และนำไปใช้ ให้เกิดประโยชน์สูง ประหยัดสุด เพื่อประโยชน์ตน และผู้อื่น ในโอกาสต่อไป อีกอย่างหนึ่ง การทำกสิกรรมธรรมชาติด้วยฟาง ควรเริ่มทำในพื้นที่ ขนาดเล็ก ไปหาพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือทำในสิ่งที่ใกล้ๆ ตัวไปสิ่งที่อยู่ไกลตัว พยายามปลูกพืชผัก ที่ปลูกง่าย ไปหาผักที่ปลูกยาก หรือ ถ้าคิดอะไรไม่ออก ขอบอกให้ปลูก พืชตระกูลถั่ว เราจะประสบ ผลสำเร็จในที่สุด
ที่มา
งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
http://www.asoke.info/09Communication/Dharmapublicize/Dokya/D95/D95_64.html
http://www.dailynews.co.th/agriculture/247748
https://www.gotoknow.org/posts/178333
ป้ายคำ : อินทรีย์วัตถุ