มะยมเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่อยู่คนไทยมาช้านานด้วยรสชาติเปรี้ยวซะใจและการนำมาแปรรูปได้หลากหลายชนิดจึงทำให้มีการนิยมบริโภคมากในสมัยก่อนนอกจากจะนิยมบริโภคกันแล้ว ในตำหรับยาแพทย์แผนไทยยังยกย่องให้เป็นสมุนไพรชั้นยอด
มะยมแช่อิ่ม สูตร 1
ส่วนผสม
- มะยม 1 กิโลกรัม
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
- น้ำ 2 ถ้วย
- น้ำปูนใส 2 ถ้วย
วิธีทำ
- นำมะยมดองเกลือแช่ในน้ำปูนใส 4 ชั่วโมง นำขึ้นล้างน้ำ แล้วผึ่งพอสะเด็ดน้ำ
- ใส่น้ำ น้ำตาล ลงในหม้อตั้งไฟ พอน้ำตาลละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง ปล่อยให้เย็นจึงนำมะยมลงแช่ไว้ 3 วัน
ทุก ๆ วันให้นำน้ำเชื่ออุ่นให้เดือด แล้วปล่อยให้เย็นจึงเทใส่หม้อมะยม ทำเช่นนี้ 3 วัน มะยมจึงจะอิ่มตัว
มะยมแช่อิ่ม สูตร 2
ส่วนประกอบ
- มะยมผลโตๆ สุกสีเหลือง 5 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
- เกลือป่น 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำสะอาด 2 ถ้วย
- น้ำปูนใส 3 ถ้วย
วิธีทำ
- ล้างมะยมให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง
- นำมะยมแช่ในน้ำปูนใสและใส่เกลือ 1 ช่วโมง (อย่าแช่นานเพราะรสจะจืด) หลังจากนั้นนำล้างน้ำ แล้วพึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
- ผสมน้ำ+น้ำตาลลงในหม้อตั้งไฟ พอน้ำตาลละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง ปล่อยไว้ให้เย็น นำมะยมลงแช่ไว้ค้างคืน
- นำมะยมที่แช่น้ำเชื่อมไว้มาอุ่นให้พอเดือดด้วยไฟอ่อน ช้อนฟองออก เคี่ยวจนมีลักษณะเป็นยางเล็กน้อย คนเบาๆให้น้ำเชื่อมเดือดเสมอ เชื่อมจนมะยมเป็นเงาสีแดง
- ปล่อยให้เย็นจึงเทใส่หม้อมะยม มะยมจะอิ่มตัว และเปลี่ยนสีเป็นสีคล้ำขึ้น
- ผึ่งมะยมให้แห้งพอหมาด และเย็นสนิท
- บรรจุใส่กล่องพลาสติก หรือขวดโหลสะอาดปิดฝาให้สนิท
มะยมแช่อิ่ม สูตร 3
ส่วนประกอบ
- มะยม 1 กิโลกรัม
- น้ำตาลทราย 4 ถ้วย
- น้ำปูนใส
- เกลือ
- สารส้ม
- ดอกมะลิสด
วิธีทำ
- เอามะยมล้างน้ำเด็ดขั้วให้หมดใช้เข็มหมุดแทงผลมะยมให้ทั่วแช่ในน้ำเกลือทิ้งไว้ 1 คืน
- วันรุ่งขึ้นเทน้ำเกลือทิ้งเติมน้ำสะอาด นำสารส้มลงไปแก่วงให้พอมีรสเปรี้ยวและฝาดเล็กน้อยแช่สารส้มไว้ 1 คืน เช้าเทน้ำสารส้มทิ้งแล้วแช่น้ำสะอาดอีก 1 คืน ชิมให้มีรสจืดจึงนำใส่กระด้งยกออกผึ่งแดด
- เคี่ยวน้ำตาลให้หวานพอประมาณเอามะยมใส่ภาชนะโหลแก้วพอน้ำตาลอุ่นเทให้ทั่วมะยม ปิดฝาทิ้งข้ามคืนเช้าตักออกเติมน้ำตาลครึ่งถ้วยนำมะยมลงแช่ใหม่ทำวิธีนี้จนครบ 3 วันวันสุดท้ายเคี่ยวน้ำตาลให้เป็นยางมะตูมเอามะยมใส่โหลสะอาดเทน้ำตาลยางมะตูมลงไปแล้วปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ 2 วัน จึงรับประทานได้ใส่ดอกมะลิสดลงไปให้มีกลิ่นหอมเล็กน้อย
ที่มา
เคล็ดวิธีถนอมอาหารภูมิปัญญาชาวบ้าน กรุงเทพฯ : ภูมิปัญญา, 2546.