นายธงไชย คงคาลัย เป็นผู้ที่ให้ความสนใจในด้านการเกษตรและทำอาชีพเกษตร โดยเริ่มจากขุดบ่อเลี้ยงปลาในพื้นที่ 40 ไร่ ในปี 2529 และมีการเลี้ยงไก่บนบ่อปลา การเลี้ยงไก่ในขณะนั้นเป็นธุรกิจที่มีรายได้ดี จึงได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นมีการเลี้ยงไก่ถึงครั้งละประมาณ 1,000,000 ตัว จนกระทั่งปี 2534 พื้นที่การเกษตรประสบปัญหาน้ำท่วม และโดนพายุฤดูร้อนพัด ทำให้ประสบกับภาวะขาดทุนและมีหนี้สินมากมาย ต่อมาในปี 2538 ได้เริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางด้านการเกษตรอีกครั้ง โดยได้นำประสบการณ์กลับมาทบทวน และเปลี่ยนกิจกรรมจากการเกษตรเชิงเดี่ยว ที่มีความเสี่ยงสูง ไปเป็นกิจกรรมเกษตรผสมผสานและไร่นาสวนผสม นำกระบวนการเกษตรแบบพึ่งตนเองและอาศัยสภาพธรรมชาติมาปรับใช้ ลดการพึ่งพาจากภายนอก มีการศึกษาทดลองและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้รู้อย่างต่อเนื่องในหลายเรื่อง ความเป็นอยู่เริ่มกลับมาอยู่ในสภาวะที่ดีขึ้นอีกครั้ง และเริ่มมีการพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกันระหว่างเครือข่ายปี 2549 ได้เริ่มเปิดศูนย์เป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นสถานที่ฝึกอบรมเกษตรกร เกี่ยวกับกระบวนการพึ่งตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

หลักคิด
มุ่งเน้นการดำเนินการตามหลักปรัชญาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ที่พึ่งตนเองใน 5 ด้าน ได้แก่ จิตใจ สังคม เทคโนโลยี ทรัพยากร และเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มเกษตรกรให้มีการปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
แนวทางการบริหารจัดการ การบริหารจัดการและการให้บริการแก่เกษตรกรมี 3 ลักษณะ ดังนี้
- การฝึกอบรมตามแผนงาน/โครงการ หรือนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานต่าง ๆ
- การฝึกอบรมตามความต้องการของเกษตรกร กลุ่มละไม่ต่ำกว่า 20 คน โดยผู้เข้ารับการอบรมออกค่าใช้จ่ายเอง
- การศึกษาดูงาน ค่าบริการ คณะละ 2,000 บาท และจ่ายค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มตามอัตรากำหนด

การพัฒนากิจกรรม
มุ่งเน้นให้เกิดการปฏิวัติตนเอง เรื่อง ปัญญา และความรู้ในการประกอบอาชีพ โดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับใช้และเน้นการดำเนินการตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อจัดระบบให้สมดุล ลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ ในครัวเรือน
แนวทางการระดมทุน
มุ่งใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างสมดุล และมีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะเชื่อมโยงเข้าสู่แหล่งทุนและแหล่งสนับสนุน
กระบวนการคิดในการแก้ไขปัญหา
นำปรัชญาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ พร้อมทั้งให้มีการจัดทำแผนชีวิต บัญชีชีวิต เพื่อกำหนดแผนการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง
องค์ความรู้ที่โดดเด่น
- ความรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างสมดุล
- ความรู้ด้านการสร้างกระบวนการกลุ่ม
- ความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นรูปธรรม
- ความรู้ด้านการผลิต การตลาด และการบริหารจัดการโดยประยุกต์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น
จุดเด่นของศูนย์
- ยกเลิกการใช้ปุ๋ยเคมีและยาเคมี ที่ใช้กับสัตว์ , พืช , และนาข้าว
- ยกเลิกการใช้อาหารเม็ดและอาหารสำเร็จรูปจากโรงงานอาหารสัตว์
- การเลี้ยงหมูโดยใช้พืชผัก , หยวกกล้วยที่มีและปลูกเองในไร่สวน , และรำข้าวเป็นหลัก
- การเลี้ยงเป็ด , ไก่ , ห่าน โดยใช้พืชผักผลไม้ที่มีและปลูกเองในไร่สวนและข้าวเปลือกเป็นหลัก
- การเลี้ยงกุ้งโดยไม่ใช้อาหารสำเร็จรูป แต่ใช้ทรัพยากรในสวนและกระบวนการหมักจุลินทรีย์เป็นหลัก
- การบวนการผลิตในบ่อ ใช้ระบบ 4in 1 ( ข้าว+ปลานิล+กุ้งขาว+ปลารวม)
- การปลูกไม้ 7 ระดับ เพื่อสร้างโรงงาน 4 โรงงาน ( ได้แก่ โรงงานอาหารสัตว์สีเขียว , โรงงานปุ๋ยสีเขียว , โรงงานสมุนไพรสีเขียว , และโรงงานพลังงานสีเขียว ) และได้บำนาญชีวิตไร่ละ 5 ล้านบาท
- แก้ปัญหามะละกอจุดแหวนวงด่าง โดยไม่ตัดต่อพันธุกรรม ( GMO ) แต่ใช้เกษตรธรรมชาติแก้ไขได้ภายใน 45 วัน
- แก้ปัญหาดิน น้ำเปรี้ยว โดยไม่ใช้ปูนทุกชนิด เช่น ปูนมาร์ล ปูนขาว โดโลไมส์ ฯลฯ แต่ใช้วิธีการระเบิดดิน ระเบิดน้ำ แก้ไขได้ภายใน 40 วัน
- สามารถกำหนดราคาพืชสัตว์และสินค้า / กำหนดราคาตลาดได้โดยใช้เกษตรทฤษฎีใหม่
การทำเกษตรระบบทฤษฎีใหม่โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกำกับ ทำให้เกิดผล ดังนี้
- สามารถปฏิวัติวิธีคิดของเกษตรกรได้
- สามารถปฏิวัติวิธีการผลิตและการตลาดของเกษตรกรได้
- สามารถทำให้หมดความยากจนได้
- สามารถพึ่งตนเองได้และชนะทุนนิยม ชนะฝรั่ง ชนะทั้งโลก
โดยจัดการฝึกอบรม บ่มจิตใจ แบ่งเป็น 9 หมวดใหญ่ๆ คือ
- หมวดการเกษตรพึ่งตนเอง โดยใช้ทรัพยากรชีวภาพ
- หมวดการแปรรูปอาหาร เครื่องดื่ม และขนม
- หมวดการผลิตของใช้อุปโภค ในครัวเรือน
- หมวดสมุนไพรและสุขภาพ
- หมวดพลังงานทดแทน และแก๊สชีวมวล
- หมวดการตลาดและการค้า
- หมวดการสร้างฐานชุมชนเข้มแข็ง
- หมวดศาสนา
- หมวดอื่นๆ
โดยแบ่งเป็น 26 เรื่อง มีฐานเรียนรู้ 100 ฐาน
เรียนรู้เรื่องใหญ่ 26 เรื่อง เพื่อปฎิวัติตนเองด้านปัญญาและอาชีพในการเกษตรกรรม
- การสร้างโรงงานอาหารสัตว์ สีเขียว
- การสร้างโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ สีเขียว
- การสร้างโรงงานยาสมุนไพร สีเขียว
- การสร้างโรงงานพลังงาน สีเขียว
- การแก้ปัญหาดินเปรี้ยว / น้ำเปรี้ยว โดยไม่ใช้ปูนทุกชนิด
- การเลี้ยงหมู เป็ด ไก่ ไม่นอนห้องแอร์ ไม่ใช้อาหารเม็ดหรืออาหารสำเร็จรูป ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งกำไรมากกว่า
- ปลูกพืชทุกชนิด ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้ยาเคมี เราใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และใช้สมุนไพร ซึ่งได้ผลผลิตดีกว่า และกำไรมากกว่า
- แก้โรคมะละกอจุดแหวนวงด่าง โดยไม่ต้องตัดต่อ GMO ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้ภายใน 45 วัน
- การทำเกษตรระบบ 4 in 1 คือ ปลูกข้าว, เลี้ยงกุ้งขาว, เลี้ยงกุ้งก้ามกาม, และเลี้ยงปลานิล ในบ่อเดียวกัน โดยไม่ใช้อาหารเม็ด ได้กำไรมากกว่าและต้นทุนต่ำกว่าทุกระบบ
- การใช้พื้นดินให้มีประโยชน์สูงสุด โดยการปลูกไม้ 7 ระดับ สามารถทำเงินได้มากกว่า 5 ล้านบาทต่อไร่
- นำหลักปรัชญาทฤษฎีใหม่มาใช้ สามารถกำหนดราคา และกำหนดตลาดได้ โดยเกษตรกรเองคนเดียว
- การผลิตแก๊สชีวมวลจากแกลบ
- ผลิตไบโอดีเซล จากเศษน้ำมันที่ใช้แล้ว
- ผลิตถ่านและน้ำส้มควันไม้จากเศษไม้และกิ่งไม้
- การใช้น้ำส้มควันไม้ร่วมกับสมุนไพรเพื่อใช้กับนาข้าว / ผัก / หมู / เป็ด / ไก่ / กุ้ง / ปลา ดีกว่าเคมีทุกชนิด
- การทำนาให้ได้ไร่ละ 100,000 บาทต่อปี
- การผลิตข้าวกล้อง / ข้าวซ้อมมือ / จมูกข้าว / รำอ่อน เพื่อรับประทานเป็นอาหารและเป็นยา
- การจัดความรู้เรื่องผักและสมุนไพร เพื่อสุขภาพและยารักษาโรค
- การใช้เทคโนโลยีชีวภาพ โดยการทำปุ๋ยอินทรีย์ผง ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ การขยายจุลินทรีย์
- เรียนรู้เรื่องการแปรรูปอาหารจากปลา ผัก ผลไม้ และอื่นๆ
- เรียนรู้การทำขนม และน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ
- เรียนรู้การผลิตของใช้ในครัวเรือนทุกชนิด
- การผลิตน้ำเอนไซม์จากผัก / ผลไม้ / สมุนไพรไว้รับประทาน
- เรียนรู้เรื่องน้ำ ความเป็นกรด / ด่าง ความสมบูรณ์ของน้ำ (P.H / อัลคาไลน์)
- การคัดพันธุ์ข้าวโดยใช้เทคโนโลยีของภูมิปัญญาไทย
- การนำธรรมมะของพระพุทธศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวัน
ทั้งหมดนี้เรียนรู้ด้วยภูมิปัญญาของสยามประเทศ และจัดการอย่างสมดุล ยกเลิกความรู้จากอเมริกา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจึง ชนะทุนนิยม ชนะฝรั่ง ชนะทั้งโลก (เพราะลดต้นทุนได้ถึง 85 %)