ลุงนิล เป็นชื่อที่ชาวบ้านในละแวก ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร คุ้นเคยเรียกขานกัน ส่วนชื่อจริง คือ สมบูรณ์ ศรีสุบัติ เป็นหนึ่งใน 25 ปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) คัดเลือกขึ้นมาเป็นปราชญ์เกษตรฯนำร่อง เพื่อเป็นกลไกขยายผลองค์ความรู้และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่ชุมชนในเขตปฏิรูปที่ดิน และประชาชนทั่วไป แปลงเกษตรของลุงนิลมีระบบการจัดการที่ลงตัวบนเนื้อที่ 17.13 ไร่ ที่ ส.ป.ก. จัดสรรให้ทำกิน ทุกตารางเมตรถูกใช้ ประโยชน์อย่างคุ้มค่าทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ช่วยเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะการปลูกพืช 5 ชั้น เลียนแบบคอนโดมิเนียม สามารถทำเงินรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือนและรายปีให้ลุงนิลอยู่ได้พอมี พอกิน
แรกเริ่มลุงนิลเข้าทำประโยชน์ในที่ดินผืนนี้ ด้วยการปลูกพืชเชิงเดี่ยว คือ ทุเรียนหมอนทอง รวมกว่า 700 ต้น แต่เนื่องจากขาดประสบการณ์และความรู้ด้านการจัดการสวนทุเรียน ทำให้ประสบภาวะขาดทุน ธุรกิจล้มเหลว ทั้งยังมีหนี้สินติดตัวอีกหลายแสนบาท บทเรียนครั้งนั้นทำให้ลุงนิลเกิดความท้อแท้ แต่ภายหลังได้รับฟังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านทางทีวีเมื่อปี 2540 ทำให้ลุงนิล รู้จักประมาณตน รู้จักตนเอง และมีกำลังใจฮึดสู้อีกครั้ง โดยยึดมั่นอยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง และความพอดี
จากนั้นลุงนิลก็ศึกษาและเริ่มทำการ เกษตรผสมผสาน และเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ เน้นใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการปลูกพืชหลักและพืชแซมพร้อมกับเลี้ยงสัตว์ เบื้องต้นได้ปลูกพืชที่ชอบกินและกินสิ่งที่ปลูก ซึ่งช่วยลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ ผลของความขยันหมั่นเพียรทำให้ปัจจุบันสวนของลุงนิลเต็มไปด้วยพืชเศรษฐกิจนานาพรรณ มีการปลูกพืชเลียนแบบป่าธรรมชาติ โดยเฉพาะการ ปลูกพืช 5 ชั้น ลักษณะคอนโดมิเนียมถือเป็นไฮไลต์ของแปลงเกษตรพอเพียงผืนนี้ชั้นบนสุดเป็นพืชหลัก คือ ไม้ผลและไม้ยืนต้นที่มีต้นสูง ได้แก่ ทุเรียนหมอนทอง จำนวน 8 ไร่ หมาก 100 ต้น ลองกอง 50 ต้น ลางสาด 50 ต้น มังคุด 100 ต้น ส้มโอ สะตอ ชั้นรองลงมาปลูกพริกไทยแซมตามโคนต้นพืชหลัก ประมาณ 500 ต้น ส่วนชั้น 3 ปลูกพืชแซมตามพื้นที่ว่าง มีกล้วยเล็บมือนาง 1,000 กอ ส้มจี๊ด 9 ไร่ และส้มโชกุน 50 ต้น ขณะที่ชั้น 2 ปลูกพืชสมุนไพรที่มีต้นเตี้ยลงมาอีก ได้แก่ ตะไคร้ และข่า และชั้นล่างสุดเป็นชั้นใต้ดินปลูกขมิ้น กระชาย กลอย และ มันหอม รวมกว่า 2,000 กอ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงปลาน้ำจืด เช่น ปลายี่สก ปลาแรด ปลานิลแดงเพื่อบริโภคในครัวเรือน ทั้งยังมีการเพาะขยายพันธุ์สุกรจำหน่ายด้วย ซึ่งขณะนี้มีแม่พันธุ์สุกรอยู่กว่า 100 ตัว
ผลของการทำบัญชีครัวเรือน ทำให้ลุงนิลรู้รายรับ รู้รายจ่าย โดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมีแต่ละปีคิดค่าใช้จ่ายแล้วสูงมาก จึงปรับตัวหันมาใช้ผลพลอยได้จากสุกร คือ มูลสุกร นำมาหมักใช้ปรับปรุงบำรุงดินทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี นับว่าช่วยประหยัดต้นทุนและได้ผลดีไม่แพ้กัน สำหรับใบไม้ที่ร่วงหล่นในแปลงจะปล่อยให้ทับถมกันและย่อยสลายไปเอง กลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ขณะเดียวกันลุงนิลยังใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านผลิตน้ำส้มควันไม้ เป็นสารชีวภาพที่สามารถใช้ไล่แมลงศัตรูพืช และยังขจัดกลิ่นในโรงเรือนสุกรได้ด้วย
ขณะนี้ผลิตผลเกษตรพอเพียงของลุงนิลสามารถทำรายได้ให้อย่างงดงาม มีรายได้รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี ซึ่งทุก ๆ วันลุงนิลจะมีรายได้จากการจำหน่ายส้มจี๊ด พริกไทยสด วันละ ประมาณ 700-1,000 บาท ส่วนรายสัปดาห์จะมีรายได้จากการขายกล้วยเล็บมือนาง สมุนไพร และเครื่องแกง ประมาณ 10,000 บาท/สัปดาห์ รายเดือนจะจำหน่ายลูกสุกรที่เพาะพันธุ์ไว้มีรายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท และเมื่อพืชหลักให้ผลผลิต ทำให้ลุงนิลมีรายได้รายปี จากการขายทุเรียน ลองกอง มังคุด ลางสาด กลอย มันหอม และพริกไทยแห้ง รวมกว่า 305,000 บาท ซึ่งปีที่ผ่านมา ลุงนิลมีรายได้จากผืนดินพอเพียงรวมกว่า 1,371,000 บาท
ปัจจุบันสวนลุงนิลได้รับการจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร มีเจตนารมณ์ที่จะเผื่อแผ่ แบ่งปันและขยายผลปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่เพื่อนบ้าน ชุมชน เกษตรกรในพื้นที่และอำเภอใกล้เคียง รวมทั้งผู้สนใจทั่วไปด้วย ซึ่งขณะนี้คนในชุมชน ได้เข้ามาเรียนรู้และปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว กว่า 85% อนาคตลุงนิลมีแผนที่จะเพาะกล้าไม้พื้นเมืองและปลูกไม้ใช้สอยในสวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังมีแผนที่จะชักชวนลูกหลานให้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดด้วย ทำอะไรก็ตาม อย่าทำมาก ต้องค่อย ๆ ลองทำไปก่อน ต้องเรียนรู้ก่อน ค่อยทำจริง หลังเปลี่ยนแนวคิดสู่ความพอเพียง ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป ปัจจุบันครอบครัวสามารถปลดหนี้ได้ ไม่มีหนี้สิน อยู่อย่างมีความสุข พอมีพอกิน และยังมีเงินเหลือเก็บ ลุงนิลบอกตอน ท้ายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
หลังประสบผลสำเร็จจาก การทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจนสามารถปลดหนี้ได้หมดแล้ว คุณลุงนิลตัดสินใจที่จะแบ่งปันความรู้ให้เกษตรกรรายอื่นๆ ด้วยการเปิดศูนย์กสิกรรมธรรมชาติพืชคอนโดฯ 9 ชั้น ซึ่งพร้อมที่จะเผยแพร่ความรู้แก่ผู้สนใจ พร้อมเปิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในลักษณะโฮมสเตย์ในพื้นที่ โดยมีการก่อสร้าง “บ้านดิน” ให้ผู้ที่ต้องการเข้ามาเรียนรู้ได้เข้าพักด้วย
ชั้นที่ 1 ขุดสระเอาน้ำรดต้นไม้ เลี้ยงปลา ปลูกพืชน้ำ เช่น บัว ผักกระเฉด ผักบุ้ง
ชั้นที่ 2 พืชหัว เช่น ขมิ้น ข่า กระชาย เผือก กลอย มันหอม
ชั้นที่ 3 พืชหน้าดิน เช่น พืชสมุนไพร พืชสวนครัว ตะไคร้ พริก ผักเหลียง
ชั้นที่ 4 ไม้ทรงพุ่มเตี้ย อายุ 1 ปีขึ้นไป เช่น ส้มจี๊ด ส้มโชกุน มะนาว มะเขือพวง
ชั้นที่ 5 ไม้ผลขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่มเล็กกว่า 3 เมตร เช่น ทับทิม กล้วย น้อยหน่า มะละกอ
ชั้นที่ 6 ไม้ผลและไม้ยืนต้นที่มีต้นสูง เช่น ทุเรียนหมอนทอง หมาก ลองกอง ลางสาด มังคุด ส้มโอ สะตอ ลำไย กระท้อน ขนุน ลิ้นจี่
ชั้นที่ 7 พืชเกาะเกี่ยว เช่น พริกไทย ตำลึง มะระ ถั่วฝักยาว บวบ ฯลฯ
ชั้นที่ 8 ไม้ใช้สอย เช่น ตะเคียนทอง มะฮกกะนี ทุ้งฟ้า มะยมหอม จำปาทอง
ชั้นที่ 9 ไม้ต้นสูงมาก เช่น ไม้ยางนา ตีนเป็ด ตะแบกใหญ่ ประดู่
นี่ คือ เรื่องราวการต่อสู้ของ “คุณลุงนิล” หรือ คุณสมบูรณ์ ศรีสุบัติ เกษตรกรตัวอย่างที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิต โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนสามารถปลดหนี้ปลดสิน และยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งตนเอง และยังพร้อมแบ่งปันสิ่งที่ตนได้รับจาก “การเดินตามรอยพ่อ” ให้หลายคนที่อาจจะยังมองหาหนทางไม่เจออยู่ในขณะนี้ด้วย
ป้ายคำ : เศรษฐกิจพอเพียง