การเกษตรที่เป็นมิตรกับธรรมชาติเพื่อยืนยันความเป็นไปได้ให้กับสังคม ร่วมเรียนรู้แนวคิด และวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบเป็นมิตรกับธรรมชาติ การจัดการไร่ นา สวน แบบวนเกษตร ที่อาศัยการวางแผนจัดการ เเละความเกื้อกูลกันของพืชกับธรรมชาติเป็นหลัก
กว่า ๑๘ ปี มาแล้วที่เจ้าของสวนเล็กเล็กแห่งหนึ่ง บริเวณ สะดือดง ของผืนป่าดงพญาเย็น แถบอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำลำพระเพลิง ลำสาขาของแม่น้ำมูน ตัดสินใจ กบฏ หันหลังไม่ให้การพัฒนากระแสหลัก ลากเดินไปสู่ความประมาท สู่การเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิต ดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากกระแสหลักสังคม หลังจากที่ได้ทบทวนตนเอง เรียนรู้ ด้วยประสบการณ์ชีวิต ความผิดพลาดของตนเอง และการวิ่งตามระบบเกษตรกรรมกระแสหลัก จนชีวิตเกือบล้มละลาย จากการยึดคติ งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ทั้งๆ ที่มีวิชาความรู้มากมายในวิชาเกษตรที่ได้เรียนมาจากมหาวิทยาลัย มีความเฉลียวฉลาด ความมุ่งมั่น หมั่นเพียร เงินทุน เทคโนโลยี พร้อมแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ยิ่งลงทุนเพิ่มก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้น เกิดหนี้สิน ไม่ต่างจากเกษตรกรรายอื่นๆ หาทางออกไม่พบ เป็นข้อฉงนที่ทำให้คิดว่าเหตุใดจึงยังล้มเหลว ขาดทุน ยิ่งดิ้นยิ่งติดหล่ม หลังจากกลับมาตั้งสติ คิดทบทวนตนเอง ทำให้มองเห็นข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นของตนเอง รวมถึงการเดินทาง ไปเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อเรียนรู้ตนเอง จากการเรียนรู้ผู้อื่น ทำให้เห็นโลกกว้างมากกว่าชีวิต และสังคมแคบๆ ที่ตนเองอยู่ จึงเกิดการรู้เท่าทันในระบบเกษตรแผนใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต จากชีวิตเคยอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เลี้ยงชีวิตโดยไม่ต้องซื้อ อยู่ด้วยมูลค่า มากกว่าคุณค่า จนขาดซึ่งการเรียนรู้ และระบบการพึ่งพิงตนเอง ตกผลึกทางความคิดออกมาสู่ วนเกษตร
ความเป็นจริงของการแก้ปัญหาชีวิตได้ เริ่มหันกลับไปรื้อฟื้น ค้นหา สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น จากรากฐาน รากเหง้าชีวิตเดิม นำแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาที่นำไปสู่การพึ่งตนเอง มาปรับใช้ เรียนรู้ เน้นการพึ่งพิงตนเอง ต่อสู้ทางความคิด และการมีกินมีใช้อย่างยั่งยืน ทำรายจ่ายให้เป็นรายได้ ปลูกทุกอย่างที่กินได้ และกินทุกอย่างที่ปลูกได้ ด้วยหลักคิดใหม่ เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง เน้นมีกินเป็นพื้นฐาน ฟื้นฟูป่า ฟื้นฟูความหลากหลาย และความอุดมสมบูรณ์ให้กลับคืน ปลูกต้นไม้ทดแทนคุณแผ่นดิน สร้างหลักประกัน สวัสดิการชีวิต เกิดธนาคารต้นไม้ และการออม ดิน น้ำ มีหลักในการพึ่งตนเองได้ มีอิสระ เป็นไทแก่ตัว ใกล้ชิดธรรมชาติการตกผลึกทางความคิด จนพบทางรอด และความเป็นอิสระเป็นไทแก่ตัวเอง มุ่งสู่ความสุขที่แท้จริง เพราะที่ผ่านมาคิดว่า การพัฒนาเหมือนเราต้องการไปสู่ความสุข ความสมบูรณ์ แต่ยิ่งทำก็ยิ่งได้รู้ว่าเป็นเพียงความสุขแค่เพียงชั่วคราว และธรรมชาติก็ยิ่งถูกทำลายมากขึ้น รวมถึงมีการพัฒนาระบบคิด จนไม่ใช่เรื่องเทคนิคทางการเกษตร แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ เป็นปรัชญาที่ให้ทางออกแก่ชีวิต
จากคนเคยล้มเหลว เกือบล้มละลาย เมื่อ ๑๖ ปีที่แล้ว เมื่อเจอทางออกที่ดี มีความพร้อม จากการสะสมทุนประกอบกับเมื่อมีโอกาส จึงได้นำบทเรียน ความรู้ วิธีคิด มาสร้างกระบวนการเรียนรู้ ฟื้นระบบการศึกษา คืนความรู้ สู่สังคมขยายการเรียนรู้ เอื้อเฟื้อ แบ่งปันกับผู้อื่นบ้าง ให้โอกาสกับเด็กที่ด้อยโอกาส ให้คนมาคิดเรื่องของการเกื้อกูล อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ป่า ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้จักบุญคุณคน เคารพในธรรมชาติ ซึ่งการคืนไม่ใช่เรื่องการทำตามกระแส เกิดมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาส เป็นจังหวะและโอกาสที่ดี ในรูปของ ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน สนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้ลงถึงระดับชุมชน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ ปัญหาปัจจุบันที่เข้ามากระทบต่อชีวิต ในนาม แหล่งเรียนรู้การเกษตรเพื่อการพึ่งตนเองและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น หรือที่เหล่าเด็กมักเรียกว่า สวนลุงโชค ตลอดระยะเวลา ๗ ปี
หลักการจัดการภายในสวน
1. การจัดการดิน สวนมีทั้งบริเวณที่เป็นที่ลุ่มน้ำขัง ดินทราย ดินเหนียว ดินลูกรัง ในบริเวณที่เป็นดินทรายและลูกรังปลูกไผ่ บริเวณน้ำขังปลูกข้าว โดยอาศัยธรรมชาติให้ทำหน้าที่ของมันเอง
2. การจัดการน้ำ สร้างแหล่งน้ำให้มากที่สุดเพื่อให้ความชุ่มชื่นในสวน ซึ่งมีหลัก 2 ข้อ คือ
3. การจัดการต้นไม้ ใช้วิธีสังเกตพื้นที่ตรงไหนปลูกต้นไม้แล้วขึ้นได้ดี ก็จะเลือกปลูกต้นไม้ชนิดนั้น อีกวิธีการหนึ่ง คือ การปลูกไม้แซม ดูว่าแสงส่องลงตรงไหนก็ปลูกต้นไม้ตรงนั้น การคัดเลือกพันธุ์ ใช้วิธีธรรมชาติ คือ ปลูกพืชให้เหมาะกับดิน ปลูกหลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน มีการสังเกตพืช นอกจากปลูกไม้ยืนต้นและพืชผักสมุนไพรแล้ว ยังมีไม้ตัดใบและตัดดอก เช่น เฟิร์น หน้าวัว ชานาดู จั๋งจีน เฟิร์น
ลุงโชคปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มความหลากหลาย เป็นการสร้างที่อยู่ให้สัตว์ต่างๆได้อยู่อาศัย มีไม้ใช้สอย เป็นแหล่งอาหาร ยาสมุนไพร พลังงาน โดยใช้กิ่งทำฟืน เผาถ่านและทำน้ำส้มควันไม้ และเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปสมุนไพรในรูปแบบต่างๆ ปัจจุบันสวนลุงโชคเป็นแหล่งเรียนรู้การเกษตรเพื่อการพึ่งตนเองและต้นแบบการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับผู้ที่สนใจ
ปัจจุบันสวนลุงโชค , มูลนิธิเกษตรเพื่อการพึ่งตนเองและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนและศึกษาดูงานใน เรื่องการเกษตรทางเลือก ที่สอดคล้องกับแนวคิดการใช้ทรัพยากรอย่างสมดุล ยั่งยืน ในพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งมีบทเรียนที่อธิบายเชิงแนวคิด สู่บทปฏิบัติการ จริงในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกษตรสู่การพึ่งตนเอง ลดการพึ่งปัจจัยภายนอก และที่สำคัญคือ ต้องร่วมกันสร้างกระบวนการเรียนรู้ใหม่ ที่จะเอื้อต่อการฟื้นฟูวิถีชุมชนเกษตรที่สมดุล ยั่งยืน ในพื้นที่ต้นน้ำมูนตอนบน-ลำพระเพลิง
ที่ตั้ง: 38 หมู่ 15 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา 30370
โทร: 084-3554720, 081-7251179, 081-9553018
https://www.facebook.com/Loongchoke
ป้ายคำ : วนเกษตร