การทำสวนยางพาราเพื่อพึ่งพาตนเอง และเพื่อการพื้นฟูธรรมชาติ และการปลูกยางพาราแบบยั่งยืน จึงจำเป็นต้องฟื้นฟูธรรมชาติภายในระบบนิเวศน์สวนยางนั้นๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลและเหมาะสม โดยมีหลักในการพิจารณาทั่วไป จะต้องเลือกปลูกพืชที่มีความสูงของเรือนยอดต่างๆ อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน โดยแบ่งความสูงออกเป็นระดับ คือ
สวนหม่อนไม้ ส่วนการทำสวนยางพารารูปแบบป่ายางวนเกษตร วางแผนการปลูกเป็นระยะและช่วงเวลาการเจริญเติบโตของไม้ มีรายละเอียดังนี้
0. เริ่มต้น(ตุลาคม 2555) ด้วยการโค่นยางพาราที่หมดอายุ และเว้นไม้ใหญ่ในสวนไว้ทั้งหมด ได้แก่ ตะเคียน ยาง สะเดาเทียม เป็นต้น และปรับพื้นที่เท่าที่จำเป็น ทำร่องน้ำ วางเส้นทางคลองไส้ไก่ ทำการเตรียมดิน ทำน้ำหมักชีวภาพ ทำจุลินทรีย์ และทำปุ๋ยหมักชีวภาพ เตรียมไว้ก่อน พร้อมกล้ายางพารา
1. ปลูกยางพารา ทำแถวเป็น 7.5×3 เมตร พร้อมปลูกกล้วยระหว่างแถวยางห่างกันประมาณ 10 เมตร ที่สวนใช้กล้วยน้ำว้า เพราะหาง่าย ปลูกเป็นไม้พี่เลี้ยงและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นแก่ดิน ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพ คลุมโคนต้นด้วยหญ้า แล้วปล่อยให้หญ้าขึ้นเพื่อห่มดินไว้
2. ช่วง 6 เดือนต่อมา ยางพาราและกล้วยเริ่มตั้งตัวได้ พร้อมเหล่าสหายก็คือหญ้า หญ้า และหญ้า จัดการด้วยการตัดหญ้า หมกไว้โคนยาง ทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ฉีดน้ำหมักชีวภาพ และทำการปลูกไม้ยืนต้น ได้แก่ ประดู่ ตะเคียน ยางนา พะยอม ไม้สัก ปลูกไว้ข้างกอกล้วยในแนวเดียวกันให้กล้วยช่วยเป็นพี่เลี้ยง ไม้ยืนต้นเหล่านี้เป็นไม้โตช้าจะไม่สามารถแย่งแสงจากยางได้ในระยะต้น แต่เป็นไม้ที่สูงกว่ายางในระยะยาว ไว้เป็นมรดกหรือไม้บำนาญชีวิต ปลูก และผักสวนครัว มะเขือ พริก ถั่วฝักยาว ถั่วพลู เผือก ข้าวโพด ตะไคร้ กะเพรา โหระพา แมงลัก กระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบแดง ฯลฯ ปลูกแฝกขอบแนวร่องน้ำกันดินทลาย
3. เมื่อไม้ยางพาราครบ 1 ปี เริ่มทำเป็นป่าด้วยการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผลเพิ่มเติม ด้วยการปลูกไผ่ซางหม่น ไผ่ซางนวล ไผ่กิมซุง ไผ่บงใหญ่ ไผ่รวก ไผ่บงหวาน ไผ่หว่ะโซว ระหว่างแถงยางพารา ในแนวเดียวกับกล้วย ปลูกสลับกับกล้วย ไผ่ส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นไผ่เพาะเมล็ด จะโตตามต้นยางขึ้นไป ทำการปลูกชั้นล่าง ขิง ข่า ดาหลา อ้อดิบ กระชาย ขมิ้น และผักสวนครัว มะเขือ พริก ถั่วฝักยาว หญ้าเนเปียร์ ฯลฯ ไว้เก็บกิน
4. เมื่อผ่านไปปีครึ่ง ปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผลเพิ่มเติม สะตอ เนียง ยางบง สะเดาเทียม กระถินเทพา ในแนวรอบสวนโดยห่างกันประมาณ 2 เมตรเพื่อเป็นไม้กำหนดเขตแดน และป้องกันสารเคมีต่างๆ ที่จะเข้ามาในสวน
5. ครบเวลา 2 ปีดูแลจัดการสวน รอให้ต้นไม้เติมโตตามธรรมชาติ ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพ คืนชีวิตให้แผ่นดิน เรียกพนักงานพรวนดิน(ไส้ดือน) ให้กลับมา ตัดหญ้าตามกำลัง ในฤดูแล้งปล่อยหญ้าบางส่วนไว้คลุมดิน และตัดทำปุ๋ยตามความเหมาะสม ปลูกต้นไม้เสริมตามกำลังเพิ่มความหลากหลาย ได้แก่ ทุเรียน ผักหวาน ชะมวง อ้อดิบ สับประรด ฝาง กระถิน หญ้าเนเปียร์ อ้อย ฯลฯ ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพ
6. เข้าสู่ปีที่ 3 ต้นไม้เริ่มสูงใหญ่พอมีร่มเงา สามารถปลูกพืชที่ไม่ต้องการแสงมาก เริ่มปลูกเหลียง ในร่องยางพารา บางส่วนปลูกสละอินโดในระหว่างร่องยางพาราที่เว้นไว้ตามแผนผังที่ออกแบบสวน ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพปีละ 2-3 ครั้ง
7. ปีต่อๆ มา ต้นไม้ที่หลายหลายจะค่อยๆ เติบโต โดยผ่านการดูแลซึ่งกันและกัน บางชนิดอาจจะตายไปตามอายุ เช่นกล้วย จะได้แสงไม่พอก็จะไม่โตและตายไปในที่สุด ต้นไม้ที่หลากหลายก็จะพึ่งพากันเอง เป็นการพื้นฟูธรรมชาติ ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพปีละ 2 ครั้ง
การทำสวนยางพาราเพื่อพึ่งพาตนเอง ในแบบป่ายางวนเกษตร จึงเป็นความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืนของชาวสวน