หลังจากรับราชการทหารมาหลายปี ร.ต.สุรชัย บุญคง ก็ค้นพบกับความสุขของชีวิต เมื่อตั้งใจกลับมาเริ่มต้นอาชีพเกษตรกรที่บ้านเกิด แม้จะต้องตั้งต้นจากสภาพดินเสื่อมโทรม แต่ด้วยความมุ่งมั่นในแนวทางที่ชัดเจน เพียงไม่กี่ปี ผืนดินนี้กลับอุดมสมบูรณ์ ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย เป็นความสุขอย่างพอเพียง ทั้งยังเป็นจุดเรียนรู้แก่ผู้ที่สนใจ
ร.ต.สุรชัย บุญคง อาศัยอยู่ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เล่าว่า ตนยึดอาชีพทหารรับใช้ชาติบ้านเมืองมายาวนาน จนกระทั่งถึงวันเวลาที่เหมาะสมจึงได้ลาออกจากราชการทหาร มาตั้งแต่ปี 2547 เพื่อกลับมาเริ่มต้นชีวิตในอาชีพใหม่คือ การเป็นเกษตรกร ปลูกมันสำปะหลังและมะม่วงขาย บนเนื้อที่ 26 ไร่ มีรายได้ปีละประมาณ 300,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่มากนักและไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ประกอบกับราคามะม่วงที่ขายได้ก็มีราคาลดลงเรื่อย ๆ และยังต้องเสียเงินไปกับการซื้อปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงมาใช้ในสวน แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นต้องหมดเงินไปกับค่ารักษาตัวเอง เนื่องจากผลกระทบที่เกิดจากการใช้สารเคมี และยาฆ่าแมลงที่ได้รับอยู่ทุกวัน ทำให้สุขภาพย่ำแย่ โรครุมเร้า
แรกเริ่มพื้นที่ทำเกษตรนั้นเป็นดินลูกรัง สภาพไม่เหมาะกับการเพาะปลูกแม้แต่น้อย น้ำท่าก็ไม่เพียงพอ พี่สุรชัยตัดสินใจขุดบ่อเพื่อเอาไว้กักเก็บน้ำฝนด้วยการขายหน้าดิน เมื่อมีน้ำสิ่งที่ต้องทำต่อมา คือการพัฒนาหน้าดินให้เหมาะกับการปลูกพืช พี่สุรชัยเลือกปลูกหญ้าแฝก หวังให้ฟื้นฟูสภาพดิน และป้องกันการชะล้างดินที่จะไหลลงบ่อเมื่อถึงฤดูฝน ซึ่งเป็นสาเหตุให้น้ำขุ่น
เหตุต่าง ๆ เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ ร.ต.สุรชัย ต้องคิดหาหนทางว่าจะทำสวนอย่างไร โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี จึงไปขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ กรมพัฒนาที่ดิน และได้รับคำแนะนำให้ ใช้น้ำหมักสูตร หนอนตายอยาก มาใช้พ่นในสวนผลไม้ ซึ่งก็ได้ผล สามารถกำจัดเพลี้ยแป้ง ได้เป็นอย่างดี ลดปัญหาเรื่องของยาฆ่าแมลงไป แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องของการใช้ปุ๋ยเคมี เพราะพอลดใช้ปุ๋ยเคมี ก็ทำให้ผลผลิตลดน้อยลง ทำให้รายได้ลดลงตามไปด้วย ด้วยความเป็นคนช่างศึกษาค้นคว้า ร.ต.สุรชัย จึงได้เรียนรู้และหันมาทำเกษตรแบบผสมผสานโดยการนำพืชล้มลุกมาปลูกเพิ่มเติมในพื้นที่ แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาใหญ่ เมื่อที่ดินไม่สามารถใช้ปลูกพืชล้มลุกได้ เนื่องจากหน้าดินไม่หนาพอ ลึกลงไปมีแต่ดินลูกรัง ซึ่งดินลูกรังจะมีลักษณะเป็นดินโปร่ง รดน้ำลงไปน้ำก็จะหายไปในดินสามารถปลูกได้เฉพาะไม้ยืนต้น แต่ไม่ดีสำหรับปลูกพืชล้มลุก และทำนาก็ไม่ได้ ก็ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินปราจีนบุรี ให้นำ ถั่วพุ่ม ถั่วพร้า และ ปอเทือง มาปลูก ซึ่งในตอนแรกก็ปลูกและไถกลบลงไปในที่ดิน และเลี้ยงหมูหลุม นำมูลมาใส่ในดิน จนสามารถฟื้นฟูดินมาใช้ในการทำนาได้
หลังจากแก้ปัญหาดินได้แล้ว ก็เจอปัญหาน้ำไม่มีใช้ทำการเกษตร จึงขุดสระน้ำไว้ใช้กักเก็บน้ำแต่เจอปัญหาดินลูกรังที่ไหลตกมาจากขอบบ่อทำให้น้ำในสระมีสีแดงขุ่นไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างตั้งใจ เลี้ยงปลาก็ไม่ได้ จนต้องหันมาปลูกตะไคร้รอบขอบสระและปลูกต้นมะพร้าวไว้โดยรอบ ซึ่งก็สามารถทำให้น้ำใสและดักตะกอนได้ แต่ไม่นานกลับต้องมาเจอปัญหาหนักกว่าเก่า เมื่อรากของตะไคร้ที่ปลูก ไปจับยึดหน้าดินจนแน่นแข็งและไปแย่งอาหารของต้นมะพร้าวที่ปลูกไว้ แถมหนูก็มีมากขึ้นเพราะมากินต้นมะพร้าว งูก็มีมากขึ้นเพราะมากินหนู จึงทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี จนต้องไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินอีกครั้ง เพื่อขอหญ้าแฝกนำมาปลูกแทนตะไคร้ โดยนำมาปลูกรอบขอบสระให้แน่นซ้อนกันเรียงเป็นสองแถว ใช้เวลาเพียง 6 เดือน รากของหญ้าแฝกที่ปลูกไว้สามารถยึดหน้าดินทำให้ลดการชะล้างพังทลายของดินลูกรังและทำให้น้ำใสได้ทันที หนูและงูที่เคยมีก็หายไปด้วย
ข้อดีมากไปกว่าการพัฒนาดิน คือหญ้าแฝกจะช่วยซับน้ำและดูดความชื้นไว้ให้ต้นไม้ ช่วยให้ปุ๋ยระเหยช้าลง ทำให้ประหยัดการใส่ปุ๋ยได้ด้วย
หญ้าแฝก แก้ปัญหาเรื่องดินและน้ำให้สวนของพี่สุรชัยได้มาก เมื่อดินดี น้ำใส พื้นที่สีเขียวก็ค่อยๆเติบโตขยายจนเต็มพื้นที่ วันนี้บนเนื้อที่เกือบ 30 ไร่ อุดมไปด้วยไม้ผลและพืชพรรณมากมายให้เก็บกินเก็บขายหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี
เมื่อเห็นคุณประโยชน์ของหญ้าแฝกพืชมหัศจรรย์ ร.ต.สุรชัย จึงได้เริ่มนำหญ้าแฝกมาปลูกในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และนำหญ้าแฝกมาใช้ประโยชน์หลายอย่าง อาทิ นำหญ้าแฝกมามุงหลังคา นำแฝกอ่อนผสมแกลบให้หมูหลุมกิน นำหญ้าแฝกมาปลูกบนคันนากันดินพัง และช่วยดูดซับน้ำไว้ในดิน เพียงเวลาไม่นานดินก็มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น สามารถทำนาได้มีข้าวกินเองโดยไม่ต้องซื้อ หรือจะนำหญ้าแฝกไปปลูกรอบโคนต้นไม้ และนำใบที่ตัดแล้วไปคลุมไว้รอบโคน ช่วยให้สามารถซับน้ำ ซับปุ๋ยให้อยู่ได้นาน ไม่ระเหยลงไปในดินจนหมด ปัจจุบันสามารถฟื้นฟูระบบนิเวศกลับคืนมา ได้เห็นไส้เดือน หิ่งห้อย ทำให้เกิดความสุขขึ้นมาได้อย่างไม่คาดฝัน
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ ร.ต.สุรชัย บุญคง บ้านเลขที่ 131 หมู่ 6 บ้านตรอกปลาไหล ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โทร. 08-1756-5124.