“ผู้นำท้องถิ่น” บนพื้นฐานวิสัยทัศน์เชิงบริหารการมีส่วนร่วมของชุมชน …คุณสุริยา ยีขุน นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลปริก อ.สะเดา จ.สงขลา ถึง 2 สมัย นับเป็นระยะเวลา 7 ปีเศษ ที่ท่านมุ่งหวัง นำการพัฒนา และขับเคลื่อนชุมชนชาวปริก ให้ก้าวไปสู่ท้องถิ่นที่มีความตื่นตัวอย่างมีพลังอยู่ตลอดเวลา เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สังคมมีคุณธรรม เป็นบ้านเมืองมีความอยู่ดี ผู้คนมีความสุข ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยั่งยืน บนพื้นฐานของความเป็นเอกลักษณ์ และตัวตนของคนท้องถิ่น… ด้วยการยึดหลักการบริหารจัดการ แบบมีส่วนร่วมของชุมชน ในการพัฒนาในแต่ละมิติ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การสร้างสังคมสันติสุขให้เกิดขึ้น บนนิยามและค่านิยมของ ท้องถิ่นเป็นธรรม สังคมเป็นสุข… หลายคนเรียกท่านว่า “นายกนักพัฒนา” แห่งชุมชนชาวปริก
เทศบาลตำบลปริกได้รับรางวัลพระปกเกล้าด้านการสร้างเครือข่ายองค์กรภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ประจำปี 2555 สาเหตุมาจากกลยุทธ์ในการสร้างเครือข่าย เพราะ ทต.ปริกมีเครือข่ายภายใต้การขับเคลื่อนสู่ตำบลสุขภาวะมี 60 พื้นที่หลัก และ 40 พื้นที่เสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โครงการพัฒนาเครือข่ายตําบลสุขภาวะในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
ฐานการเรียนรู้ที่ 1 เปิดประเด็นถอดแนวคิด การบริหารจัดการพืนทีสู่ตําบลสุขภาวะ
แลกเปลี่ยนในเรื่องของแนวคิดในการกําหนดวิสัยทัศน์ เศรษฐกิจพอเพียง ร้อยเรียงวิถีชุมชน คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาประชาสังคมสันติสุข ขององค์กรทีต้องตอบโจทย์การพัฒนาองค์กร และสังคมไปสู่สิ่งที่มุ่งหวังพันธกิจของเทศบาลตําบลปริก ภายใต้ภารกิจ เทศบาลตําบลปริก เป็นองค์กรแห่งการบริหารสาธารณะ ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานล่าง สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ควบคู่โครงสร้างพื้นฐาน เอื้ออาทร เจือจาน สืบสานวัฒนธรรมวิถีชีวิตท้องถิ่น ด้วยวิสัยทัศน์ และพันธกิจของผู้บริหาร นําไปสู่การแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติไปยังพนักงานในองค์กรภายใต้หลักการบริหารจัดการที่ดี หรือ ธรรมาภิบาล ซึ่งประกอบด้วย หลักนิติธรรม หลักการมีส่วนร่วม หลักความโปร่งใส หลักคุณธรรม จริยธรรม ความเท่าเทียมเสมอภาค หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า หลักการเหล่านีล้วนเป็นส่วนสําคัญที่ทําให้การบริหารจัดการของเทศบาลตําบลปริกเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน พนักงานของเทศบาลทุกคน กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะของเทศบาลตําบลปริกก็เช่นเดียวกัน เกิดจากภายใต้วิสัยทัศน์ของเทศบาลตําบลปริก มีการออกแบบกิจกรรมการสร้างสุขภาวะของตําบล โดยมีระบบการเรียนรู้และการศึกษาของคนทุกช่วงวัยเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนงานและเชื่อมโยงไปสู่ระบบอื่น ๆ โดยมีระบบหลัก ๔ ระบบ คือ
และระบบสนับสนุน ๒ ระบบ คือ
และที่สําคัญที่สุด ผู้บริหารมีแนวคิดในการบริหารจัดการเทศบาล คือ
ฐานการเรียนรู้ที่ 2 ระบบสื่อสารเทศบาลตําบลปริก
บรรยายเรื่องระบบการสื่อสารของเทศบาลตําบลปริก มีช่องทางการสื่อสารทีหลากหลายไม่ว่าจะเป็น วิทยุชุมชน Website ปากต่อปาก ป้ายประชาสัมพันธ์ เอกสารแผ่นพับ ใบปลิว CD จดหมายข่าว หนังสือพิมพ์ วารสารต้นปริก หนังสือราชการ เวทีประชุม การสื่อสารไร้สาย ฯลฯ ระบบการสื่อสารเป็นเรื่องที่เทศบาลตําบลปริกได้ให้ความสําคัญในการพัฒนาช่องทางการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ ทําให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารระหว่างชุมชนกับท้องถิน หรือการรับรู้ ในระดับครัวเรือน ด้วยเหตุนีจึงมีการพัฒนาช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนในตําบลปริก รับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว จะได้ไม่เกิดกรณีตกข่าว และนอกจากนี้เทศบาลตําบลปริกยังเปิดโอกาสให้มีเวทีประชาคม ซึ่งเป็นเสมือนรัฐสภาย่อส่วนให้แกนนําชุมชนต่าง ๆ ได้เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีช่องทางการประชาสัมพันธ์หลาย ๆ ช่องทางทีได้กล่าวมาแล้ว แต่ช่องทางการสื่อสารที่เทศบาลตําบลปริกเห็นว่ามีความสําคัญ และเข้าถึงประชาชนมากที่สุด คือ วิทยุชุมชนเทศบาลตําบลปริก ต้นปริกเรดิโอ FM ๑๐๑.๕๐ MHz ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารแบบ ๒ ทาง (Two Way Communication) ซึ่งออกอากาศทุกวันจันทร์ อาทิตย์ ตังแต่เวลา ๐๖.๐๐ ๒๒.๐๐ น. โดยมีพนักงานเทศบาลตําบลปริกเป็นผู้ดําเนินรายการ เกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์งานของแต่ละกองงาน สลับกับรายการเพลง และผู้ฟังสามารถโทรมาแสดงคิดเห็นผ่านทางรายการ หรือเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ได้อีกด้วย สือวิทยุสามารถเข้าถึงคนทุกช่วงวัย หรือคนทีไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ก็สามารถรับฟังผ่านทางช่องทางนี้ ได้ฐานการเรียนรู้ระบบการสื่อสารแบ่งออกเป็น ๒ ช่วง ในช่วงแรก จะเป็นการบรรยาย ๔๕ นาที และหลังจากนั้น คณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดําเนินรายการร่วมกับผู้จัดรายการของสถานี นักพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนผู้อํานวยการกองสวัสดิการและสังคม ๑๕ นาที เพือให้คณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้สัมผัสบรรยายในห้องออกอากาศ ได้ทดลองออกอากาศ ทราบถึงวิธีการกระบวนการในห้องออกอากาศ ซึ่งเป็นการปฏิบัติจริง เป็นส่วนสําคัญทีทําให้คณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้มองเห็นภาพของระบบการสื่อสารได้ง่ายขึ้น และสามารถนํากลับไปปรับใช้ในพื้นที่ได้ตามบริบทของแต่ละพื้นที่
ฐานการเรียนรู้ที่ 3 การผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ
สถานที่ตั้งชุมชนบ้านตะเคียนเภา หมู่ที ๔ ตําบลปริก อําเภอสะเดา วิทยากรได้บรรยายถึงประวัติความเป็นมาในการจัดตังโรงปุ๋ย ซึ่งโรงปุ๋ยได้ก่อตั้งเมื่อปี ๒๕๔๙ งบประมาณทั้งสิน ๑,๔๒๕,๕๐๐ บาท ขนาดพื้นที่ กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร เพื่อเป็นการตอบสนองต่อนโยบายเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมของเทศบาลตําบลปริกในส่วนของการจัดการขยะต้นทาง กลางทาง และปลายทาง การผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพของเทศบาลตําบลปริกนั้นเป็นการจัดการขยะที่ปลายทาง เพราะจะต้องนําขยะอินทรีย์ที่หลงเหลือมาในถังขยะของเทศบาล จะคัดแยกขยะอินทรีย์จากถังขยะอีกครั้ง และขยะอินทรีย์ที่ทางเทศบาลนําไปวางไว้ณ จุดต่างๆ ในชุมชน การผลิตปุ๋ยนั้นจะดําเนินการโดยพนักงานของกองสาธารณสุขฯ จากนั้นจึงนําสู่การสาธิตในการทําปุ๋ยหมักชีวภาพ ดังนี้
จากการดําเนินกิจกรรมการผลิตปุ๋ยหมักทําให้เทศบาลมีปุ๋ยใช้ในการดําเนินกิจกรรมในเทศบาลช่วยลดงบประมาณของเทศบาลในการซื้อปุ๋ยใส่ต้นไม้ในเขตเทศบาลได้ นอกจากนีวิทยากรได้กล่าวอีกว่าการทําปุ๋ยของเทศบาลตําบลปริกนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องของธุรกิจ แต่เราทําเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่ประชาชนได้ทราบว่าขยะที่คิดว่าไม่มีคุณค่าก็สามารถสร้างมูลค่าได้ การเรียนรู้ ณ ฐานการเรียนรู้นี้จํานวน ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที เป็นการบรรยายประวัติความเป็นมาความสําคัญของการจัดตังโรงปุ๋ย จากนันอีก ๓๐ นาที เป็นการสาธิต การทําปุ๋ยหมักและการซักถามต่างๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นอย่างมาก
ฐานการเรียนรู้ที่ 4 การเกษตรในครัวเรือนสู่เศรษฐกิจพอเพียง
ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๔ ตําบลปริก เกิดจากการแนวคิด การจัดการรูปแบบครัวเรือนตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง โดยถอดแนวคิดจากวิสัยทัศน์ของเทศบาลตําบลปริก เศรษฐกิจพอเพียง ร้อยเรียงวิถีชุมชน คนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา ประชาสังคมสันติสุข โดยเน้นให้สมาชิกสภาเป็นแบบอย่างการทํากิจกรรมในชุมชนที่ตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ให้กับประชาชนในชุมชนได้เป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติ สมาชิกหนึ่งท่าน อย่างน้อยหนึ่งกิจกรรม ฐานการเกษตรในครัวเรือนสู่เศรษฐกิจพอเพียง เป็นสวนผสมผสาน ระหว่างพืชผักสวนครัว อาทิ ผักบุ้ง ผักหวาน ตระไค้ พริก ขิง ข่า เพือใช้ในการประกอบอาหารแต่ละมือและแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน มีบ่อปลูกข้าวซีเมนต์ บ่อเลียงปลาดุก เลียงวัว แพะ ไก่ และเป็ด และสิ่งที่ได้จากเศษอาหารที่เหลือจากร้านอาหารของตนเอง ก็นํามาทําเป็นนําหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมักชีวภาพ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งทําลายสภาพแวดล้อม เพื่อเป็นปุ๋ยให้กับพืชผักสวนครัวได้บริโภคผักที่ปลอดสารพิษ และเป็นอาหารให้กับสัตว์ที่เลี้ยงในครัวเรือน กิจกรรมดังกล่าวทําให้ลดรายจ่ายในครอบครัว การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ไม่ไหลไปตามกระแสของโลกาภิวัฒน์ และเป็นวิถีชีวิตของชาวชุมชนปริกอย่างแท้จริง ฐานการเรียนรู้นี้ ให้ความสําคัญกับการใช้ชีวิตแบบพอเพียง การทําเกษตรโดยไม่ทําลายสิ่งแวดล้อม การใช้พื้นที่ทางการเกษตรที่มีอยู่อย่างจํากัดทําให้เกิดกิจกรรมหลาย ๆ กิจกรรม ฐานนี้วิทยากรจะบรรยาย ณ สถานที่จริง เพื่อให้คณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้สัมผัสบรรยากาศของเกษตรปลอดภัย และสามารถเข้าถึงวิถีชีวิตแบบพอเพียงอย่างแท้จริง
ฐานการเรียนรู้ที่ 5 การจัดการขยะในครัวเรือนสู่พลังงานทดแทน
โครงการรักษ์ป่าสร้างคน ๘๔ ตําบลวิถีพอเพียงสถานที่ตั้งของฐานการเรียนรู้คือชุมชนทุ่งออก วิทยากรบรรยายเกี่ยวกับเรื่องของจิตสํานึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนของตนเอง โดยเฉพาะตนเองเป็นผู้นําเป็นนักการเมืองท้องถิ่น จึงอยากจะทําตัวให้เป็นแบบอย่างแก่คนในชุมชน อีกทั้งที่บ้านของตนเองนั้นขายของตอนเช้าซึ่งจะมีขยะประเภทขยะอินทรีย์จํานวนมาก จึงไม่ต้องการให้ขยะประเภทนี้ลงถังขยะสาธารณะจึงคิดว่าจะทําอย่างไรกับขยะเหล่านี้จากนั้นจึงได้นําขยะประเภทนี้มาสร้างคุณค่าโดยการ ทําปุ๋ยหมักชีวภาพ ทํานํ้าหมักชีวภาพ ซึ่งนําหมักชีวภาพนั้นมีหลายชนิด เช่น นํ้าหมักจากนํ้าซาวข้าว นํ้าหมักจากไส้ไก่ เป็นต้น นอกจากนันยังนํากะลาซึ่งเป็นขยะที่มีมากในชุมชน เพราะชุมชนทุ่งออกมีกลุ่มนํากะทิสดมาเผาเพื่อทําถ่านและอีกอย่างคือนํามาทําเป็นอุปกรณ์นวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพ ทําแก๊สชีวภาพใช้เองในครัวเรือน และขยะต่างๆ ทีไม่ใช่ขยะอินทรีย์ก็จะถูกคัดแยกไว้ทีบ้านขยะเพือนําไปจําหน่ายต่อไป ซึงการจัดการขยะเหล่านีถือเป็นการจัดการขยะที่ต้นทาง และกลางทาง ได้ดําเนินการกิจกรรมดังกล่าวมาหลายปี ตามนโยบายของเทศบาลตําบลปริก ท่านยังให้ข้อคิดกับผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้อีกว่า หากเราไม่ได้เป็นผู้สร้างสิงหนึงสิงใดมาก็อย่าไปทําลาย ฉะนั้นจงช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อตัวเรา เพื่อคนรอบข้าง เพื่อชุมชน เพื่อประเทศ และเพื่อโลกของเรากิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งหมด ๑ ชั่วโมง แบ่งเป็น การบรรยายถึงความเป็นมาความสําคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมประมาณ ๒๐ นาที และจากนั้นจึงพาไปเยี่ยมชมตามฐานย่อย เช่น การทําแก๊สชีวภาพ การทํานํ้าหมักชีวภาพ การทําปุ๋ยหมักชีวภาพ การทําเตาเผาถ่าน และชมสาธิตการทํานํ้ายาล้างจานประมาณ ๔๐ นาที ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นอย่างมาก
ฐานการเรียนรู้ที่ 6 แม่อาสา
ฐานแม่อาสาเป็นกลุ่ม อสม.ของแต่ละพื้นที่ตามความถนัด กลุ่มแม่อาสาคือ ทุนในสังคม อย่างแท้จริง ทีไม่สามารถใช้เงินตราในการสร้างขึ้นมาได้ หากแต่ต้องสร้างด้วยจิตใจจากบุคลากร ของเทศบาลตําบลปริก ที
มีความรู้ความสามารถในการให้คําแนะนําเบื้องต้นเพื่อ พัฒนาความรู้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น
ฐานการเรียนรู้ที่ 7 บัญชีครัวเรือน
วิทยากรการทําบัญชีครัวเรือนเป็นการจดบันทึกรายรับรายจ่ายประจําวันของครัวเรือน และสามารถนําข้อมูลมาวางแผนการใช้จ่ายเงินในอนาคตได้อย่างเหมาะสมทําให้เกิดการออม ที่วัดมูลค่าได้ ทีได้รับจากการประกอบอาชีพ หรือผลตอบแทนที่ได้รับจากการให้ผู้อื่นใช้ สินทรัพย์ หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น รายได้จากค่าจ้างแรงงาน เงินเดือน ดอกเบี้ยรับจากเงินฝากธนาคาร หรือ จากการใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดคุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ดังนั้นการทําบัญชีครัวเรือนมีความสําคัญดังนี้
ฐานการเรียนรู้ที่ 8 แลกเปลี่ยนระบบการศึกษาและการเรียนรู้เทศบาลตําบลปริก และการจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนเทศบาลตําบลปริก
โดยบรรยายถึงความเป็นมาในการจัดตั้งและหลักสูตรการเรียนการสอน จากนั้นเจ้าหน้าที่เทศบาลตําบลปริกได้ร่วมกลุ่มคณะแลกเปลียนเรียนรู้เป็น ๑ กลุ่ม ลงฐานการเรียนรู้ ระบบการศึกษาและการเรียนรู้เทศบาลตําบลปริก และการจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนเทศบาลตําบลปริก
โรงเรียนเทศบาลตําบลปริกมีการจัดการขยะ โดยทําการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางนักเรียนทั้งในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนเทศบาลเรียนรู้วิธีการแยกขยะ โดยแบ่งเป็น ขยะเศษอาหาร กระดาษ และพลาสติก ในส่วนของเศษอาหารนําไปทําเป็นนํ้าหมักชีวภาพ เพือใช้รดต้นไม้ป้องกันแมลง ทํานํ้ายาล้างจาน ล้างห้องนํ้าใช้ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนเทศบาลตําบลปริก หนอนที่เกิดจากการทํานํ้าหมักชีวภาพใช้เลี้ยงปลาดุกในบ่อสําหรับเป็นอาหารกลางวัน เศษอาหารที่ได้จากการทํานํ้าหมักชีวภาพ ส่งต่อให้ชุมชนทําเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพ เนื่องจากโรงเรียนยังไม่มีพื้นที่เพียงพอ แต่ใช้ผลผลิตจากการทําปุ๋ยหมักมาใช้ในการปลูกพืชผักส่วนครัวรัวกินได้ซึ่งผลผลิตที่ได้ใช้เป็นอาหารกลางวันสําหรับเด็กนักเรียน เกิดเป็นวงจรทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ผลผลิต และก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตที่ครบกระบวนการ วิทยากรของฐานนี้จะเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนเทศบาลตําบลปริก ประกอบไปด้วยฐานการเรียนรู้ย่อย ๆ ๖ ฐาน คือ
คณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้จะได้ฟังบรรยายทีละฐานและในสถานที่จริง ซึ่งวิทยากรจะบรรยายพร้อมทั้งสาธิตการปฏิบัติจริง และเปิดโอกาสให้คณะแลกเปลียนเรียนรู้ได้ซักถาม รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น ๑ ชั่วโมง เพื่อให้คณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้เรียนรู้การจัดระบบการศึกษาทีสอดคล้องกับบริบทของชุมชน (วัฒนธรรม สังคมมุสลิม) โดยมีรูปแบบตัวอย่างการบูรณาการจัดการสิงแวดล้อมในโรงเรียน เข้าเป็นหลักสูตรท้องถิน เป็นแนวทางในการนําภูมิปัญญาท้องถินและเศรษฐกิจพอเพียง และบูรณาการการศึกษาระหว่างชุมชนกับโรงเรียน
ฐานการเรียนรู้ที่ 9 กลุ่มพืชสมุนไพรและขนมไทยเบเกอร์รี่
ในอดีต ชุมชนตลาดใต้ บ้านกลาง เป็นชุมชนที่ไม่ค่อยจะมีความร่วมมือกับกิจกรรมของทางเทศบาลมากนัก เนืองจากสภาพชุมชนตลาดใต้ เป็นชุมชนกึงชนบทกึงเมืองประกอบกับสมาชิกในชุมชนมีการประกอบอาชีพทีหลากหลาย จึงเป็นการยากทีจะมีการรวมตัวกันเพื่อทํากิจกรรม จากคําพูดของสมาชิกในชุมชนอื่นๆที่กล่าวว่า ชุมชนตลาดใต้ไม่มีกิจกรรมอะไรเป็นของตนเอง ทังๆที่เป็นชุมชนของท่านนายก แต่ถ้าไปดูงาน สมาชิกในชุมชนจะสมัครก่อนเพือนจากคําพูดทีกล่าวมาข้างต้น ทําให้เป็นแรงบันดาลใจให้กลุ่มแม่บ้าน ในชุมชนร่วมกับคณะกรรมการชุมชนได้เริมต้นพูดคุยกัน และในปี 2547 มีโครงการปฏิบัติการชุมชนและเมืองน่าอยู่ร่วมกับเทศบาลตําบลปริก ได้มีการจัดประชุมสัมมนาและพัฒนาศักยภาพแกนนําในชุมชน ทีให้ความสําคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการพัฒนาชุมชนโดยชุมชนเพือชุมชน มีการระดมความคิดเห็นและจัดตังกลุ่มขนมไทยและเบอเกอรี่ขึ้น ซึ่งทางกลุ่มได้ผลิตขนมหลากหลายประเภททั้งที่เป็น ขนมไทย ได้แก่ หม้อแกง ลืมกลืน ถัวแปบ ดอกลําเจียก กะหรีปับ ขนมเทียนมะพร้าวอ่อน โดนัท คุกกี เค้กกล้วยหอม กลุ่มพืชสมุนไพรและขนมไทยเบเกอรีวิทยากรจะบรรยาย 30 นาที เพือให้ผู้แลกเปลียนเรียนรู้ได้รู้ถึงประวัติ และความเป็นมาของกลุ่ม รวมถึงวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกลุ่ม หลังจากนันจะมีการสาธิตการทําขนมไทยโดยให้คณะแลกเปลียนเรียนรู้เข้ามาร่วมกับกิจกรรมทําเสร็จก็ได้รับประทานกันทั้งกลุ่ม ใช้เวลา 30 นาที ซึงได้รับความสนใจจากผู้แลกเปลียนเรียนรู้เป็นอย่างมาก นอกจากได้ความรู้แล้ว ยังสามารถนํากลับไปใช้ในพืนที สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้แก่ตนเองได้
ฐานการเรียนรู้ที่ 10 กลุ่มนําพริก
สมาชิกกลุ่มนําพริก สถานที่ตั้งกลุ่ม ชุมชนตลาดใต้ บ้านกลาง วิทยากรจะบรรยายเกียวกับประวัติความเป็นมาของกลุ่ม ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๘ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มคือการแปรรูปอาหารประเภทนําพริกจุดเริ่มต้นของกลุ่มได้รวบรวมสมาชิกที่ว่างจากการประกอบอาชีพหลัก รวมตัวกันมีสมาชิกจํานวน ๒๐ คนได้รับความอนุเคราะห์สถานที่จากเทศบาลตําบลปริก และขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพภาคใต้จํานวนทั้งสิน ๘๕,๐๐๐ บาท เมือได้รับงบประมาณสนับสนุนแล้ว ทางกลุ่มก็ดําเนินการตามโครงการโดยการไปศึกษาดูงานที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียนรู้วิธีการเพิ่มเติมจากสิ่งที่ตนได้ฝึกอบรมโดยมีการสาธิตทํานํ้าพริก ๓ ประเภท ได้แก่
ปัจจุบันกลุ่มได้จัดตังมาเป็นระยะเวลากว่า ๕ ปี ส่วนสถานที่จําหน่ายผลิตภัณฑ์ได้แก่ร้านค้าในชุมชนจําหน่ายภายในกลุ่ม จําหน่ายตามงานนิทรรศการสินค้า OTOP ต่าง ๆ ทางกลุ่มจะให้ความสําคัญกับการมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม ความสามัคคีในกลุ่ม ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาที่จัดตั้งกลุ่ม กลุ่มนํ้าพริกวิทยากรจะบรรยายประมาณ ๓๐ นาที เพือให้ผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้รู้ถึงประวัติและความเป็นมาของกลุ่ม หลังจากนั้นจะมีการสาธิตการทํานํ้าพริก ประมาณ ๓๐ นาที ได้แก่ นําพริกปลาเค็ม นําพริกกุ้งเสียบ โดยให้ผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการทํานํ้าพริก เมื่อทําเสร็จแล้วก็ให้ผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้นํากลับไปรับประทาน ซึงได้รับความสนใจจากผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นอย่างมาก นอกจากได้ความรู้แล้ว ยังสามารถนํากลับไปใช้ในพื้นที่ สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้แก่ตนเองได้
ฐานการเรียนรู้ที่ 11 การดูแลผู้พิการ ผู้ป่วยจิตเวช และผู้สูงอายุ
สถานที่ตั้งที่ทําการฐานการดูแลผู้พิการ ผู้ป่วยจิตเวช และผู้สูงอายุ ชุมชนทุ่งออก วิทยากรบรรยายเกี่ยวกับการจัดตั้งฐานการดูแลผู้พิการ ผู้ป่วยจิตเวช และผู้สูงอายุ เป็นการรวบรวม อสม.ทั้ง ๗ ชุมชนของเทศบาลตําบลปริก ซึ่งมีการแบ่ง อสม.ของแต่ละพื้นที่ตามความถนัดและความชอบ ฐานการดูแลผู้ป่วยจิตเวชและผู้พิการมีจํานวนสมาชิกทั้งหมดจํานวน ๒๕ คน จากนั้นก็แนะนําสมาชิกในฐานการเรียนรู้ให้ผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทราบ ในการดําเนินกิจกรรมของฐานการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังนั้นจะดูแลในส่วนของ ผู้พิการ ผู้ป่วยจิตเวช และผู้สูงอายุ ในพืนที่ในการดําเนินงานนั้นจะมีการลงเยี่ยมบ้านผู้พิการ ผู้ป่วยจิตเวช และผู้สูงอายุทุกเดือน เพื่อให้ความรู้แนะนํา ผู้ป่วยในเรื่องการรับประทานอาหาร การออกกําลังกาย การรับประทานยา และการไปพบแพทย์ เป็นต้น และมีนมกับไข่ไก่ไปฝากผู้พิการ ผู้ป่วยจิตเวช และผู้สูงอายุ ด้วย ซึ่งเราใช้งบประมาณจากกองทุนระบบหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นเทศบาลตําบลปริก หากกรณี case ไหนมีปัญหาเร่งด่วนก็จะรายงานผลแก่กองสาธารณสุขฯ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงเยียมอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนียังทํางานร่วมกับฐานผู้ป่วยโรคเรื้อรังหากผู้พิการคนใดที่เป็นผู้ป่วยก็จะบริการตรวจนําตาลหรือวัดความดันโลหิตให้ด้วยการดูแลผู้พิการ ผู้ป่วยจิตเวช และผู้สูงอายุได้ดําเนินงานมาแล้วประมาณ ๑ ปีกว่า ๆ ซึงการดําเนินงานนั้นเป็นการดูแลสุขภาพชุมชน โดยชุมชน เพือชุมชน กองสาธารณสุขฯ และกองสวัสดิการสังคม เป็นแค่เพียงพี้เลียง (Coaching) ให้เท่านั้น วิทยากรบรรยายความเป็นมาและเปิดโอกาสให้ซักถามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเล่นเกมส์สันทนาการจํานวน ๑ ชั่วโมง ซึงได้รับการสนใจเป็นอย่างดีโดยเฉพาะผู้เรียนรู้ทีเป็น อสม.หรือสายงานสาธารณสุขฯ
ฐานการเรียนรู้ที่ 12 ฐาน EMS (หน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน)
ศูนย์ อปพร.เทศบาลตําบลปริก กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งฐาน EMS เกิดขึนเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๙ จากปัญหาแนวโน้มของการเกิดอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยฉุกเฉินของประชาชนทีเพิมมากขึน ประชาชนที่ประสบเหตุไม่มีรถนําส่งโรงพยาบาล ทําให้ประชาชนบางคนเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการไปรับการรักษาไม่ทันการณ์ ประกอบกับมีนโยบายจากกระทรวงมหาดไทยให้มีการจัดตังหน่วยกู้ชีพในตําบลขึน เทศบาลตําบลปริก จึงได้จัดตังหน่วยกู้ชีพขึน โดยมี อบจ.สงขลา สนับสนุนให้ยืมรถกู้ชีพมาใช้ในการปฏิบัติงาน จํานวน ๑ คัน และเปิดรับสมัครอาสาสมัครกู้ชีพ เพือทําหน้าทีปฐมพยาบาลเบืองต้นและช่วยเหลือส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาต่อทีโรงพยาบาล พบว่าปัจจุบันเทศบาลตําบลปริกมีประชาชนทีมีจิตอาสาสมัครเข้ามาเป็นอาสากู้ชีพ จํานวน ๒๐ คน บทบาทของอาสากู้ชีพ ประเมินสถานการณ์และใส่เครืองป้องกันตนเอง ประเมินสภาพผู้บาดเจ็บ ตรวจร่างกายประเมินความรู้สึกตัว จัดท่าผู้บาดเจ็บ ดูแลการหายใจ การห้ามเลือด ทําแผล การดาม การเคลื่อนย้าย การสื่อสาร การช่วยเหลือผู้ป่วยทีประสบอุบัติเหตุ ตลอด ๒๔ ชัวโมง วิทยากรประจําฐานนี้จะบรรยายประวัติความเป็นมา การช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น ในภาพรวม ประมาณ ๓๐ นาที หลังจากนันประมาณ ๓๐ นาที มีการสาธิตการปฐมพยาบาลเบื้องต้นกรณีผู้ป่วยเกิดอุบัติเหตุ โดยเป็นการแสดงบทบาทสมมุติ เพือให้ผู้แลกเปลียนเรียนรู้ได้มีส่วนร่วมและสามารถมองเห็นภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าทีได้ง่ายขึน ฐานนีผู้แลกเปลียนเรียนรู้สามารถนําแนวคิดการบริหารงาน ไปปรับใช้ในพื้นทีได้เนื่องจากระบบนี้สามารถช่วยลดการสูญเสีย และที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที ทําให้มีโอกาสในการรอดชีวิตสูง
ที่มา : http://www.tonprik.org
ป้ายคำ : ปราชญ์