แอสพารากัส หรือ หน่อไม้ฝรั่ง เป็นพืชพื้นเมืองแถบยุโรปและแอฟริกา คุณสมบัติสำคัญอยู่ที่ความหวานกรอบ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติดี มีคุณค่าทางอาหารสูง ชาวกรีกเป็นชนชาติแรกที่ริเริ่มปลูกหน่อไม้น้ำเมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว และต่อมาก็เป็นที่นิยมบริโภคกันมากสำหรับชาวกรีก โรมัน และอียิปต์โบราณ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus officinalis L.
ชื่อสามัญ Asparagus
วงศ์ Liliaceae
ลักษณะ
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชผักที่มีลำต้นแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ลำต้นใต้ดิน และลำต้นเหนือดิน
ลำต้นใต้ดิน อาจถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบรากรวมเรียกว่า rhizome หรือเหง้า อาหารของหน่อไม้ฝรั่งจะถูกส่งมาเก็บ ที่ส่วนนี้ ลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นแท่งคล้ายแท่งดินสอ งอกกระจายออกเป็นรัศมี โดยรอบ เรียกอีกอย่างว่า crown ระบบราก แผ่ขยายออกไป ประมาณ 3-5 ฟุต หรือมากกว่านั้น
คุณค่าทางอาหาร
เป็นแหล่งให้โฟเลต เบตาแคโรทีน วิตามินซี อี และโพแทสเซียม คลินิกเกอร์ลินซึ่งมีชื่อเสียงด้านการรักษาโรคด้วยน้ำผักผลไม้ตามแนวทางของแพทย์ธรรมชาติบำบัด ถือว่าน้ำหน่อไม้ฝรั่งเป็นแหล่งให้วิตามินอีที่ดี
หน่อเขียวซึ่งนิยมรับประทานในประเทศไทยนั้น ส่วนที่รับประทานได้หนัก 100 กรัม ประกอบด้วยน้ำ 92 กรัม โปรตีน 2.8 กรัม ไขมัน 0.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 2.2 กรัม วิตามินเอ 980 IU วิตามินบี 1 0.23 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.15 มิลลิกรัม ไนอาซิน 2.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 48 มิลลิกรัม แคลเซียม 24 มิลลิกรัม เหล็ก 1.5 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 52 มิลลิกรัม พลังงาน 113 กิโลจูล เมล็ดมีน้ำหนัก 40 กรัมต่อ 1,000 เมล็ด
สาระประโยชน์
หน่อไม้ฝรั่งมีคุณสมบัติเป็นยาระบายอย่างอ่อน ขับปัสสาวะ ช่วยกระตุ้นการทำงานของไต และมีสารต้านอนุมูลอิสระ อาจมีสารต้านไวรัสด้วย
ชาวอินเดียนแดงสมัยก่อน ใช้หน่อไม้ฝรั่งตากแห้ง เป็นยาขับปัสสาวะแก้ปัญหาโรคกระเพาะปัสสาวะ และโรคไต มันมีสารบางชนิด ป้องกันการฉีกขาดของเส้นโลหิตฝอย ช่วยบรรเทาโรคหัวใจ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรของยุโรป Maurice Messegue บันทึกการใช้น้ำหน่อไม้ฝรั่งรักษาโรคไตไว้เมื่อปี ค.ศ. 1970 ว่า ผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการเจ็บคอ หลังจากนั้น 10 วัน เกิดอาการบวมน้ำที่ขาและใบหน้า เห็นได้ชัดเจน ปัสสาวะมีเลือดปนออกมา ผู้ป่วยบ่นว่ามีอาการปวดหัวข้างเดียว และเจ็บหัวเหน่ารุนแรง วินิจฉัยว่าเป็นโรคBrights Disease หรือไตอักเสบเฉียบพลัน
ผู้ป่วยได้รับการบำบัดโดยควบคุมอาหาร งดสุรา จำกัดปริมาณเกลือ และโปรตีน และให้ดื่มน้ำหน่อไม้ฝรั่งสลับกับน้ำเปล่า และให้นอนพักบนเตียงจนกว่าอาการจะทุเลา ผู้ป่วยอาการดีขึ้นและหายขาดใน -5 สัปดาห์
คุณค่าอาหารของหน่อไม้ฝรั่ง
ในหน่อไม้ฝรั่งเต็มไปด้วยคุณค่าครบเครื่องเรื่องโภชนาการ จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผักมีประโยชน์สุดยอดขั้นเทพ
ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่งต่อสุขภาพ
เป็นอาหารของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
หน่อไม้ฝรั่งเป็นหนึ่งในผักไม่กี่ชนิดที่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ เรียกว่า อินูลิน ซึ่งเป็นสารประเภทฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ มีลักษณะเฉพาะคือมีรสชาติที่หวาน คล้ายน้ำตาล แต่จะไม่ถูกย่อยในทางเดินอาหารจึงไม่ให้พลังงานและไม่เพิ่มระดับน้ำตาลอินูลินจะไปช่วยให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้เพิ่มจำนวนมากขึ้น พร้อมๆ กับยับยั้งการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียตัวร้ายที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วง
มีประสิทธิภาพในการต้านมะเร็ง
หน่อไม้ฝรั่งเป็นอาหารที่มีกลูต้าไธโอนอยู่มากที่สุด ซึ่งกลูต้าไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ช่วยให้ตับขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และนำมาใช้รักษาโรคมะเร็ง
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เมื่อลำต้นใต้ดินและลำต้นเหนือดินมีการเจริญเติบโตดีแล้วสามารถขยายพันธุ์โดยการแยกกอให้มีส่วนของลำต้นทั้งเหนือดินและใต้ดินไปปลูกใหม่ได้ พันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้า ได้แก่ แมรี่วอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย 309 แคลิฟอร์เนีย 500 ยูซี 157 บร็อคอิมปรู๊ฟ อพอลโล บร็อคอิมพีเรียล แอทลาส
พันธุ์
พันธุ์หน่อไม้ฝรั่งที่เกษตรกรใช้ปลูกเป็นการค้าหลักมีจำนวน 8 สายพันธุ์ ได้แก่
วิธีการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์
เนื่องจากเมล็ดพันธุ์หน่อไม้ฝรั่งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มี ราคาแพง เกษตรกรมักจะเก็บเมล็ดพันธุ์มาขยายเอง หลายรุ่น ดังนั้นจึงควรคัดต้นแม่พันธุ์ที่มีลักษณะดี โดยเป็นต้นที่ให้หน่อดี มีขนาดหน่อใหญ่ โดยปล่อยผลที่มี เมล็ดหน่อไม้ฝรั่งอยู่ภายใน ให้ผลแก่มีสีแดง นำไปขยี้ให้เปลือกหุ้มผลแตกออก นำมาล้างในน้ำสะอาด เปลือกหุ้มเมล็ดจะลอยขึ้นเหนือน้ำ ส่วนเมล็ดจะจมลง นำเมล็ดไว้ผึ่งลมไว้ 1-2 วัน ให้เมล็ดแห้ง คัดเมล็ดที่สมบูรณ์ทิ้ง เมล็ดพันธุ์ที่ได้ควรนำไปแช่ในน้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นให้เมล็ดงอกได้ไวและสม่ำเสมอ โดยแช่น้ำอุ่น (ผสมน้ำร้อนกับ น้ำเย็น อัตราส่วน 1:1 ซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ย 55 องศาเซลเซียส) นาน 30 นาที แล้วแช่น้ำเย็นทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อนำไปเพาะเมล็ดจะงอกได้ภายใน 10-14 วัน
เมล็ดพันธุ์หน่อไม้ฝรั่งที่นำเข้าจากต่างประเทศ ควรดูวันบรรจุ และวันหมดอายุ ที่ข้างกระป๋อง แต่ถ้าเก็บพันธุ์เอง ควรรีบนำมาเพาะภายใน 1 เดือน
ถ้าเก็บไว้ต่อควรใส่ถุงพลาสติกวางเก็บไว้ในตู้เย็นชั้นล่าง (ช่องแช ่ผักผลไม้) แล้วจึงทยอยนำมาเพาะต่อ
การเพาะกล้า
วิธีการเพาะกล้าหน่อไม้ฝรั่ง :
การเพาะกล้าในถุง เตรียมวัสดุเพาะกล้า ซึ่งประกอบด้วย ดินร่วน : ใบไม้ผุ : ขี้เถ้าแกลบ : ปุ๋ยอินทรีย์ อัตราส่วน 1:1:1:1 ผสมให้ เข้ากันและกรอกใส่ถุงดำขนาดกลาง รดน้ำให้ชุ่ม แล้วจึงหยอดเมล็ดลงไป หลุมละ 1 เมล็ด รดน้ำทุกวัน ควรวางถุงกล้าหน่อไม้ฝรั่งไว้กลางแจ้งให้รับแสงสว่างเต็มที่ เพื่อให้ต้นตั้งตรง เลี้ยงไว้ประมาณ 90-120 วัน แล้วจึงขนย้ายกล้าไปปลูกลงแปลงได้ ้การเพาะกล้าโดยตรงในแปลงเพาะ
เตรียมดินเป็นร่องแปลงสูง 30 เซนติเมตร ขนาดแปลงกว้าง 1 เมตร ยาว 10 เมตร ถ้าต้องเพาะกล้าสำหรับปลูกในพื้นที่ 1 ไร่ ควรทำแปลงเพาะกล้า จำนวน 8 แปลง ควรขุดยกร่องแปลงและพรวนดินให้ละเอียด เก็บเอาวัชพืชและกอหญ้าออกให้หมด พร้อมทั้งใส่อินทรีย์วัตถุประเภท เถ้าแกลบ:ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก อย่างละ 10 บุ้งกี๋ ผสมกับ ปุ๋ย จำนวน 0.5 กิโลกรัม และปูนขาว หรือปูนโดโลไมท์ จำนวน 1-2 กิโลกรัม คลุกเคล้ากับดิน ในแปลงให้สม่ำเสมอ เกลี่ยผิวหน้าแปลงให้เรียบใช้ไม้ทำร่องลึก 2 เซนติเมตร ตามแนวขวางบนแปลง แต่ละร่องห่างกัน 15-20 เซนติเมตร แล้วหยอดเมล็ดลงในร่องให้เมล็ดห่างกัน 10 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้ ต้นกล้าขึ้นแน่นและแย่งอาหารกัน ใช้ดินกลบบาง ๆ จากนั้นใช้ฟูราดาน 300 กรัม/แปลง หว่านกันแมลงมารบกวน ใช้ฟางหรือหญ้าแห้งสะอาดคลุมแปลง รดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ เมล็ดจะงอกภายในเวลา 10-15 วัน เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกยาว 2-3 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยรดทุก 7 วัน และหว่านปุ๋ย จำนวน 0.5 กิโลกรัม เมื่อกล้าอายุ 30 วัน ในแปลงกล้าต้องหมั่น ถอนหญ้า กำจัดวัชพืชไม่ให้แย่งอาหาร รวมทั้งควรฉีดสารป้องกันเชื้อรา เช่น ไดเทนเอ็ม 45 หรือไดโฟลาเทน หรือแมนโคเซป รวมทั้ง ฉีดพ่นสารฆ่าแมลงป้องกันหนอนกระทู้หรือเพลี้ยไฟ เช่น แลนเนท หรือธูรีไซด์ พ่นทุก 15 วัน
กล้าหน่อไม้ฝรั่งอายุ 45-60 วัน สามารถย้ายกล้าไป ปลูกในแปลงในแปลงปลูกต่อไปได้
การปลูก
การเตรียมแปลงปลูก เนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชอายุยาว ปลูกครั้งเดียวสามารถทยอยเก็บเกี่ยวได้นาน 3-5 ปี ดังนั้นควรไถพรวนย่อยดินให้ดี โดยเฉพาะแหล่งปลูกที่มีชั้นดินดานตื้น ต้องไถระเบิดชั้นดินดาน ปัจจุบันภาคเอกชนเริ่มมีแนวทางปฏิบัติในการเตรียมแปลงแบบใหม่ โดยมีการหว่านแกลบดิบบาง ๆ ทั่วทั้งผิวหน้าของแปลง ในอัตรา 10 ตัน/ไร่
และใช้รถขุด(แม็คโคร) ตักดินเดิมขึ้นมามีความลึก 1 เมตร เปรียบเหมือนกับการกลับดินชั้นล่างขึ้นมา ปรับปรุงให้มีคุณภาพดี เหมือนดินชั้นบน ใช้แทรกเตอร์ปาดผิวหน้าดินให้เรียบ และหว่านปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ขี้ไก่แกลบ อัตรา 15 ตันต่อไร่ ผสมกับขี้เถ้าแกลบ 5 ต้นต่อไร่ และใช้รถแทรกเตอร์ ผาน 3 พรวนย่อยดินและตากดินไว้นาน 2 เดือน หลังจากนั้นใช้รถไถพรวนดินและยกร่องแปลงปลูก
ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี แถบอำเภอดำเนินสะดวก และอำเภอบางแพ เกษตรกรยกร่องสวนขนาดกว้างบนแปลง 4-5 เมตร มีทางเดินของ แปลงข้างละ 0.5 เมตร ความยาวแปลง 50 – 100 เมตร และมีร่องน้ำ ด้านข้างกั้นแต่ละร่องแปลง ขนาดความกว้างร่องน้ำ 1.0-1.5 เมตร ไถดินให้ลึก 30-40 เซนติเมตร เก็บเศษหญ้า และวัชพืชออกให้หมด หว่านปูนเปลือกหอยไร่ละ 200 กิโลกรัม ตากดินไว้ 10-15 วัน และหว่านปุ๋ยคอกประเภทขี้ไก่ แกลบ หรือขี้เป็ด ไร่ละ 2 ตัน และย่อยดินให้ละเอียดโดยใช้รถไถดินตามขนาดเล็ก หรือใช้แรงงานคน จังหวัดอื่น ๆ เช่น จังหวัดนครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี (ยกเว้นอำเภอดำเนินสะดวก) รวมทั้งจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น กาสินธุ์ ฯลฯ ใช้วิธีปลูกแบบไร่ใช้รถแทรกเตอร์ชักร่องเป็นแถวปลูกคล้ายแถวปลูกอ้อย และอาศัยวิธีการให้น้ำผ่านข้างระหว่างแถวปลูกหน่อไม้ฝรั่ง โดยวิธีปล่อย ให้น้ำไหลผ่านตามร่องน้ำข้างแถวปลูก หรือเกษตรกรใช้ วิธีการให้น้ำแบบระบบสปริงเกอร์ บริเวณพื้นที่ด้านข้างที่ทำเป็นแถวปลูก ทำการพูนยกโคนขึ้นมาสูงจากร่องน้ำประมาณ 20-30 เซนติเมตร มีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ชนิดขี้ไก่แกลบ หรือขี้เป็ด ไร่ละ 2 ตัน หว่านปูนขาวเพื่อปรับสภาพความเป็นกรดในดิน อัตรา 200 กิโลกรัม/ไร่
การจัดระยะปลูก
ควรปลูกแบบแถวเดี่ยว ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 0.5 เมตร และระยะระหว่างแถว 1.0 – 1.5เมตร
การเตรียมหลุมปลูก
ใช้จอบขุดทำหลุมปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ โดยขุดหลุมลึก 15-25 เซนติเมตร หลุมกว้าง 20 เซนติเมตร รองกันหลุมด้วยฟูราดาน เพื่อป้องกัน
แมลงในดิน ใช้อัตรา 1 ช้อนชาต่อหลุม ใส่ปุ๋ยคอก หรือขี้เถ้าแกลบผุ อัตรา 2 กำมือต่อหลุม คลุกเคล้ารองกันหลุม
การปลูก
ปลูกหลุมละ 1 ต้นโดยพยายามแผ่รากของต้นกล้า ไม่ให้ขดอยู่เป็นกระจุก แล้วกลบดินรอบโคนต้นหนา 3-4 เซนติเมตร หรือพยายามพูนดิน
รอบโคนต้นให้เหนือระดับดินบนแปลงเล็กน้อย จึงกดดินรอบ ๆ โคนต้นกล้าให้แน่น รดน้ำให้พอชื้น
การย้ายต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งลงปลูกในแปลง
เลือกต้นกล้าอายุ 3-4 เดือนมีความแข็งแรง สมบูรณ์ ต้นใหญ่ มีรากมาก ถ้าเป็นต้นกล้าที่ย้ายปลูกอยู่ในถึงพลาสติกอยู่แล้ว สามารถย้ายปลูกได้ทันที
ตัดยอดด้านบนของต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งให้เหลือความสูงของต้น 15 เซนติเมตร แช่ส่วนรากและโคนของต้นหน่อไม้ฝรั่ง ในน้ำสะอาด ผสมสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น เบนเลท หรือไดโฟลาแทน อัตรา 1 ช้อนชาต่อน้ำ 20 ลิตร นาน 15 นาที เวลาที่เหมาะสมที่จะย้ายกล้าควรเป็นช่วงที่มีแดดอ่อน ๆ เวลาบ่ายใกล้เย็น
การดูแลรักษา
การให้น้ำ
-ใช้เรือรดน้ำติดเครื่องยนต์วิ่งไปตามร่องน้ำ
-ใช้ระบบติดสปริงเกอร์พ่นน้ำเป็นละอองฝอย
-ใช้วิธีเปิดน้ำเข้าทางท่อให้ไหลเข้ามาในร่องระบายน้ำข้างแถวปลูก
หลักการให้น้ำ
ควรให้ผิวหน้าดินชื้น แต่อย่าให้จนดินเฉอะแฉะ เพราะถ้าแปลงปลูก เป็นดินเหนียว จะทำให้ปริมาณผลผลิตของหน่อไม้ฝรั่งลดลง
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลผลิตดี
หน่อไม้ฝรั่งที่ได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอ จะมีคุณภาพของหน่อไม่ดี โดยจะมีเส้นใย (ไฟเบอร์) มาก หน่อจะเหนียวทำให้คุณภาพในการบริโภคจะด้อยลง
การใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยอินทรีย์ ถึงแม้ว่าเกษตรกรจะใส่ไปแล้วในตอนเตรียมดิน แต่เนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชอายุยาว และเก็บผลผลิตไปทุก 2 เดือน สภาพดินในแปลงปลูกจะยุบตัวลง ทำให้รากตื้นไม่มีประสิทธิภาพใน การหาอาหาร ทำให้ลำต้นล้มง่าย เกษตรกรจำเป็นต้องใส่ ปุ๋ยอินทรีย์กลบโคนต้นให้สูงในระดับที่ช่วยให้ทรงต้นแข็งแรง ได้แก่ ปุ๋ยขี้ไก่แกลบ ปุ๋ยขี้เป็ด ขี้หมู หรือปุ๋ยอินทรีย์หมักจากเศษพืช อัตรา 0.5 -1 ตัน/ไร่
ปุ๋ยเคมี แบ่งใส่ตามระยะเวลาการเจริญเติบโต ดังนี้
เทคนิคที่ควรทราบ
การพักต้น
เนื่องจากต้นหน่อไม้ฝรั่งมีการเจริญเติบโต แตกหน่อและกิ่งก้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าต้นเหนือดินแน่นเกินไป จะแย่งน้ำและอาหารกันเอง และทำให้เกิดร่มเงามากเกินไป แสงสว่างส่องไม่ถึงผิวหน้าดิน ทำให้หน่อที่เกิดใหม่มีขนาดเล็ก ผอมยาว และมีสีขาวมากกว่าสีเขียว ถ้ามีจำนวนต้นแม่ต่อกอน้อยเกินไป จะสร้างอาหารสะสมไม่เพียงพอ จะมีผลทำให้หน่อมีขนาดเล็กเช่นกัน เมื่อเก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่งไปแล้วนาน 2 เดือน ต้นหน่อไม้ฝรั่งเริ่มโทรม ผลผลิตจะเริ่มลดลง และหน่อมีขนาดเล็กลงไปเรื่อย ๆ จึงจำเป็น ต้องตัดแต่งต้น และพักต้นไว้ โดยการถอนแยกต้นที่เหลือง และโทรมเป็นโรค หรือถูกแมลงรบกวนทิ้ง คัดเลือกต้นที่แข็งแรงต่อกอไว้ 4-5 ต้น เลี้ยงไว้เป็นต้นแม่ ระยะเวลาการพักต้นแต่ละครั้งอยู่ระหว่าง 20-30 วัน
การพักต้นนี้เกษตรกรต้องงดการเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วย จึงต้อง วางแผนในการพักต้น โดยต้องไม่พักต้นพร้อม ๆ กัน เพื่อจะได้มีบางแปลงเก็บผลผลิตขายได้ และบางแปลงพักต้น เพื่อจะได้มีรายได้หมุนเวียนได้ตลอดปี
การพูนดินกลบโคนต้น
เป็นวิธีการที่จำเป็นในการปลูกหน่อไม้ฝรั่งหน่อเขียว เพราะสภาพดิน ที่ยุบตัวลงจากการเข้าไปทำงานของเกษตรกรในแปลง ระหว่างการถอน เก็บเกี่ยวผลผลิต การพูนโคนต้นหน่อไม้ฝรั่ง ควรทำควบคู่ไป กับการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง เพื่อเป็นการประหยัดแรงงาน และทำให้หน่อ ที่เกิดใหม่มีความสมบูรณ์ และมีคุณภาพหน่อที่ดี
หน่อไม้ฝรั่งคุณภาพลักษณะโดยทั่วไป
ป้ายคำ : ผักพื้นบ้าน