ความรู้เรื่องปุ๋ยชีวภาพ(การทำหัวเชื้อจุลินทรีย์ 8 พลัง(8เซียน) โดย ผู้กองสามารถ หรือ ร.ต.อ สามารถ นารถสูงเนิน ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้คิดค้นจุลินทรีย์ก้อนบำบัดน้ำเสียใต้น้ำคนแรกของประเทศไทยและจดทะเบียนอนุสิทธิบัติกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาเรียบร้อยแล้ว เคยศึกษาเรื่องอีเอ็มสิบกว่าปีและค้นคว้าด้วยตนเองต่ออีก 5 ปีจึงคิดค้นหัวเชื้อจุลินทรีย์ 8 พลัง(8เซียน) ขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จ เป็นวิทยากรเกษตรอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และที่ปรึกษาชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย
หัวเชื้อจุลินทรีย์ 8 พลัง(8เซียน)
1.เซียนที่ 1 หัวเชื้อจุลินทรีย์SMS
วิธีการทำ หาภาชนะสะอาด 1 ใบเช่นขวดน้ำกินขนาด 1.5 ลิตรและวัสดุ 4 อย่างดังนี้
1.น้ำมะพร้าวน้ำหอมดีที่สุด ซึ่งจะมีน้ำตาล ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และไซโตไคนิน ฯลฯ เพื่อเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ และมีจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงอยู่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ชอบแสงแดด ทนความร้อนได้ถึง 500 องศาเซลเซียส ช่วยย่อยสลายให้ดินร่วนและทำให้ปุ๋ยที่ตกค้างในดินละลายออกมา ใช้น้ำมะพร้าว 4 ลูก
2.นมเปรี้ยว เช่นยาคูลท์ ฯ ลฯซึ่งจะมีจุลินทรีย์ Lactobacillus sp ทำหน้าที่กินเชื้อโรค Streptococcus sp ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค และ Leuconostoc sp ทำให้ปุ๋ยมีกลิ่นหอม
ใช้ 2 ขวด
3.น้ำจากข้าวหมากจะมียีสต์อยู่ใช้ 1 ช้อนแกง
4.ซีอิ้วดำ หรือซีอิ้วหวานเพื่อพรางแสงให้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงไม่ให้โดนแสงแดดใช้ 0.5-1 ช้อนแกง
ผสม4อย่างเทใส่ขวดแล้วเติมน้ำให้เหลือช่องว่างไว้หนึ่งฝ่ามือ ปิดฝาคนทิ้งไว้ในร่ม ครบ 7 วันจะหอมมาก รสเปรี้ยวหวานหอมกลมกล่อม จะเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่เข้มข้นมากสำหรับใชัทำฮอร์โมน หรือน้ำสกัดชีวภาพ ต่อไปได้
2.เซียนที่ 2 กากน้ำตาล หรือโมลาส ต้องดูว่ามีฝ้าสีขาวไหม เหม็นเปรี้ยวไหม ถ้ามีฝ้าและเหม็นเปรี้ยวใช้ไม่ได้ ล้างมือแตะชิมดูถ้ารสหวานขมนิดๆใช้ได้ หรือจะใช้ซีอิ๊วดำหรือน้ำตาลทรายแดงแทนกากน้ำตาลก็ได้เพราะจุลินทรีย์ตัองการความหวาน กากน้ำตาล หรือ น้ำตาลทรายแดง หรือ อาหารเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ
จำนวน 50 ซีซี
– หากใช้น้ำตาลทรายแดง จำนวน 6 ช้อนโต๊ะ ละลายในน้ำสะอาด 100 ซีซ๊ แต่ตวงมาใช้แค่ 50 ซีซี
3.เซียนที่ 3 สารกำจัดแมลงศัตรูพืชชีวภาพ ทำได้โดยหาภาชนะที่สะอาด1 ใบใส่เหล้าขาว 2 แก้วๆละ200 ซีซี เพื่อต้องการแอลกอฮอล์ไปน็อคแมลง น้ำส้มสายชู 5% 1 แก้ว กากน้ำตาล 1 แก้ว
เขย่าจุลินทรีย์ที่เตรียมไว้ครบ 7 วันแล้วตามข้อ1(เซียนที่ 1)แลัวเทตามลงไป1แก้ว หาไม้คนหรือใช้มือบี้กากน้ำตาลให้วัสดุต่างๆที่ผสมลงไปเข้ากัน
1. กากน้ำตาล จำนวน 200 ซีซี
2. หัวเชื้อจุลินทรีย์ชีวภาพ EM จำนวน 200 ซีซี
3. เหล้าขาว 40 ดีกรี จำนวน 400 ซีซี
4. น้ำส้มสายชูกลั่น 5% จำนวน 200 ซีซี
5. สมุนไพร ข่า ตะไคร้หอม ใบมะกรูด กระชาย สับหรือป่นให้ละเอียดห่อด้วยผ้าขาวบ้าง จำนวน 1 ห่อ (100-300 กรัม)
วิธีการทำ
1.ผสมวัสดุทุกอย่างลงในถังหมักพลาสติก ,โถพลาสติกหรือแกลลอนคนละลายให้เข้ากัน (ไม่ต้องผสมน้ำ)
2.นำสมุนไพรทั้งหมด(ในข้อ 5 )ใส่ตามลงไป แช่ไว้ในลักษณะคล้ายการดองยา
3.ปิดฝาภาชนะ (ถังหมักพลาสติก,โถพลาสติกหรือแกลอน) ให้สนิทหมักไว้ในที่ร่ม ในอุณหภูมิห้อง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
การนำมาใช้
ใช้จำนวน 50 ซีซี
เซียนที่ 4 คือฮอร์โมนชีวภาพ
ทบทวนต่อจากตอนที่ 1 เมื่อทำจุลินทรีย์กำจัดศัตรูพืชชีวภาพ(เซียนที่ 3)เสร็จแล้วให้เก็บไว้ในที่ร่มทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงระหว่างนั้นห้ามเปิดโดยเด็ดขาดจึงจะนำไปใช้ได้ วิธีใช้ ๆ 4 ช้อนโต๊ะ ต่อ น้ำ 20 ลิตร ถ้าใช้ฉีดผักไม่ต้องใช้สารจับใบ แต่ถ้าใชัฉีดไม้ผลให้ใช้สารจับใบใส่ลงไปด้วย ห้ามใช้สบู่หรือผงซักฟอกเพราะมีโซดาไฟ ให้ใช้นมสดรสจืด หรือนมมารดาหลังคลอดบุตรเป็นสารจับใบแทนจำนวนที่ใช้เท่ากับจุลินทรีย์กำจัดศัตรูพืชชีวภาพ เหตุผลที่ทำให้กำจัดศัตรูพืชได้เพราะเราจะได้สาร ABA(Abscisic Acid) ซึ่งเป็นสารป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชที่เกิดจากเอทิลแอลกอฮอล์(สุราขาว)+น้ำส้มสายชูที่เราใส่ลงไป ผลิตเสร็จแล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 3 เดือนถ้าใช้ไม่หมดสามารถนำไปใส่คอกหมู คอห่านโถส้วม ร่องระบายน้ำเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นหรือนำไปใช้ฆ่าหญ้าได้เพราะเมื่อจุลินทรีย์ในพลังที่ 3 มีอายุเกิน 3 เดือนจุลินทรีย์บางชนิดบางกลุ่มจะตาย น้ำหัวเชื้อจะมีสีเข้มกว่าเดิม เมื่อดมดูจะไม่มีกลิ่นอมเปรี้ยวอมหวาน สถาพจะเป็นกรดจัด เมื่อนำไปผสมน้ำอัตราเข้มข้นไปรดพืชล้มลุก หรือรดหญ้าๆจะเหลือง รากพืชจะเน่าดูดน้ำดูดอาหารไม่ได้ ก็จะค่อยๆเหลืองแห้งตายไปในที่สุด แต่ต้องใช้เวลา ไม่ทันใจเกษตรกร ๆมักใจร้อนจึงหันไปใช้สารเคมี
โดยให้ใช้ในอัตรา 1-2 แก้วต่อน้ำ 10 ลิตร ขึ้นกับชนิดของหญ้า ถ้าเป็นหญ้าคา หญ้าแห้วหมูใช้ 2 แก้วต่อน้ำ 20 ลิตรส่วนหญ้าโดยทั่วไปใช้ 1 แก้วต่อน้ำ 20 ลิตร สรุปเซียนที่ 3 มีประโยชน์ 3 อย่างคือ ช่วยกำจัดแมลง กำจัดกลิ่นเหม็น และใช้เป็นยาฆ่าหญ้าไดั
4.เซียนที่ 4 ฮอร์โมนชีวภาพ ใช้ผลไม้สีเหลือง 3 อย่าง(ตัวอย่างการใช้ถังหมักขนาด 20 ลิตร)
1.ใชักล้วยน้ำว้าสุก ๆมีวิตามิน ไขมัน เกลือแร่ หั่นทั้งเปลือกและเนื้อ หั่น 4 ท่อนต่อลูก จำนวน 1 หวี
2.ใช้มะละกอสุก หั่นทั้งเปลือกและเนื้อ ใส่เมล็ดด้วยเพราะสารที่อยู่รอบๆเมล็ดมีคุณสมบัติคล้ายน้ำมะพร้าว จำนวน 1 ผล
3.ใชัสับปะรดสุก ส่วนของแกนสับปะรดจะมีจุลินทรีย์อาศัยอยู่มาก หั่นทั้งเปลือกและเนื้อไม่เอาจุก จำนวน 1 ผล ใส่ครึ่งหนึ่งของภาชนะที่หมัก
4.ใส่กากน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำก่อนใส่ก็ได้ อย่าใช้น้ำประปาเพราะมีคลอรีน น้ำบาดาลเพราะอาจมีสารปนเปื้อน น้ำฝนพอใช้ได้ น้ำสระ น้ำบ่อใช้ได้ ใส่ลงไปให้เหลือช่องว่างหนึ่งฝ่ามือเพื่อให้มีอากาศในการหมัก
5.ใส่หัวเชื้อจุลินทรีย์SMSเท่ากากน้ำตาลคือ 2 ช้อนโต๊ะ
6.คนให้กากน้ำตาลละลาย
7.ใช้ผ้ายางหรือผ้าพลาสติกปิดฝากันลมเข้าออก แล้วเก็บไว้ในที่ร่ม
8.เอากระดาษขาวมาเขียนติดไว้ที่ภาชนะที่ใช้หมักเพื่อเตือนใจตนเองและบุคคลในบ้านถึงข้อห้าม 3 ประการคือ1.ห้ามเปิดจนกว่าจะครบ 7 วัน 2.ห้ามเปิดแม้แต่วินาทีเดียว 3.เปิดเมื่อไรเน่าเมื่อนั้น เหม็นเมื่อนั้น มีหนอนขึ้นเมื่อนั้น
9.เมื่อครบ 7 วันส่วนผสมทั้ง 5 ชนิดจะย่อยสลายโดยสมบูรณ์ออกเป็นเนื้อเดียวกันเกิดเป็นฮอร์โมนชีวภาพด้วยฤทธิ์ของหัวเชื้อจุลินทรีย์SMS โดยจะเกิดฝ้าขาวเป็นเม็ดๆ ต่อมาจะมีไขมันเกาะด้านในภาชนะที่ใช้หมัก ให้ขูดไขมันเก็บไว้ใส่กระปุกปิดฝาไม่ต้องเข้าตู้เย็น(จะอธิบายวิธีการใช้ไขมันที่เก็บไวันี้ในภายหลัง) คนแล้วกรองเอาแต่น้ำใส่ขวดนำไปใช้เป็นฮอร์โมนชีวภาพ สรรพคุณช่วยเร่งราก เร่งดอก เร่งผล ผลดก ขั้วยาว ขั้วเหนียว ผิวเกลี้ยงไม่เป็นขี้กลาก อัตราใช้ ๆ 4 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดตอนเย็น ใช้ให้หมดภายใน 3 เดือน กากที่เหลือใช้ผสมดินเป็นปุ๋ย แต่ถ้าครบ 3 เดือนแล้วใช้ไม่หมดให้นำไปเทใส่คอห่านโถส้วม ร่องน้ำ คอกหมูเพื่อกำจัดกลิ่นได้
พลังที่ 5 : สารสกัดพืชหมัก EM สูตร F.P.E
ส่วนผสม
1.ยอดพืชยอด/สุมนไพรสับละเอียด จำนวน 2 กิโลกรัม
2.กากน้ำตาล จำนวน 200 ซีซี
3.หัวเชื้อจุลินทรีย์ EM จำนวน 200 ซีซี
4.เกลือป่น/น้ำทะเล จำนวน 20 ซีซี
5.น้ำสะอาด จำนวน 8 ลิตร
6.ถังหมัก/แกลลอนพลาสติก จำนวน 1 ใบ
วิธีการทำ
1.น้ำวัสดุตามข้อ 1 ใส่ถังหมักแล้วนำวัสดุในข้อ 2,3 และ 4 ผสมกันในภาชนะแล้วเทตามลงไปในถังหมัก
2.นำน้ำในข้อ 5 เทใส่ลงในถังหมัก แล้วคนวัสดุหมักในถังให้เข้ากัน
3.ปิดฝาถังหมักให้สนิทหมักทิ้งไว้ 7 วัน ครบ 7 วันกรองสารสกัดในถังใส่ขวด, ใสแกลลอนเก็บไว้ กากพืชที่เหลือผสมกับดินร่วน 1:1 เป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ได้เลย
วิธีการใช้
นำมาใช้ในอัตรา 50 ซีซี
พลังที่ 6 : น้ำหมักขยะหอม
ส่วนผสม
1.เศษอาหาร เศษข้าว แกง ผัก เปลือกผัก เปลือกผลไม้ ที่ยังไม่บูดเน่าหรือเหม็น จำนวน 1 กิโลกรัม
2.กากน้ำตาล จำนวน 20 ซีซี
3.หัวเชื้อจุลินทรีย์ชีวภาพ EM จำนวน 20 ซีซี
4.ถังหมัก,ถุงพลาสติก จำนวน 1 ใบ
วิธีการทำ
1.นำวัสดุในข้อ 1 ผสมคลุกเคล้ากับวัสดุในข้อ 2 และ ข้อ 3 ใส่ภาชนะ
2.นำวัสดุที่ผสมเข้ากันดีแล้วใส่ถัง / ถุงดำ หมักปิดฝา / มัดปากถุงให้แน่นหมักทิ้งไว้ 7 วัน
3.ครบ 7 วัน กรองเอาแต่น้ำปุ๋ยหมักกลิ่นอมเปรี้ยวคล้ายน้ำผักดองใส่ขวด/แกลลอนเก็บไว้
การนำมาใช้
นำมาใช้ในอัตรา 50 ซีซี
พลังที่ 7 : น้ำซาวข้าวหมักชีวภาพ
ส่วนผสม
1.น้ำซาวข้าว จำนวน 1 ลิตร
2.กากน้ำตาล จำนวน 10 ซีซี
3.หัวเชื้อจุลินทรีย์ EM จำนวน 10 ซีซี
4.ขวด/แกลลอน สำหรับหมัก จำนวน 1 ใบ
วิธีการทำ
1.นำกากน้ำตาล หัวเชื้อจุลินทรีย์ EM ใส่ลงในขวด/แกลลอน ตามด้วยน้ำซาวข้าวตามลงไป
2.ปิดฝาขวด/แกลลอน หมักไว้ 7วัน
การนำมาใช้
นำมาใช้ในอัตรา 50 ซีซี
พลังที่ 8 : ปุ๋ยปลาหมักชีวภาพ
ส่วนผสม
1.ไตปลา พุงปลา ก้าง เมือก เกล็ดปลา หรือหอยเชอรี่ทุบไม่ต้องบดหรือทั้ง 2 อย่าง
2.กากน้ำตาล จำนวน 400 ซีซี
3.หัวเชื้อจุลินทรีย์ EM จำนวน 400 ซีซี
4.รำอ่อน จำนวน 500 กรัม
5.มะกรูดสด จำนวน 5 ผล
6.แง่งกระชาย(หัว) จำนวน 8 แง่ง (หัว)
7.ถังหมัก/แกลลอน จุ 10 ลิตร จำนวน 1 ใบ
8.น้ำสะอาด จำนวน 8 ลิตร
วิธีการทำ
1.นำวัสดุคือ ไตปลา พุงปลา ก้าง เมือก เกล็ดปลา หรือหอยเชอรี่ทุบไม่ต้องบดหรือทั้ง 2 อย่างใส่ถังหมัก
2.นำกากน้ำตาล หัวเชื้อจุลินทรีย์ EM ผสมกับน้ำสะอาด แล้วเทใส่ถังหมักตามลงไป ใส่มะกรูดสด แง่งกระชาย(หัว) ตามลงไป จากนั้นนำรำอ่อน ใส่ตามลงไปแล้วปิดฝาถังหมักให้สนิท หมักไว้ 21 วัน ครบ 21 วัน เปิดฝาถังหมักกรองเอาแต่น้ำใส่ขวด/แกลลอนไว้
-เป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพชั้นยอด
-หมักสำเร็จจะมีกลิ่นหอมเหมือนยาธาตุ
-เป็นการหมักโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโนด้วยพลังจุลินทรีย์
-ฉีดพ่นทางใบซึมเข้าเซลล์พืชได้เลย
การนำมาใช้
นำมาใช้ในอัตรา 50 ซีซี
กล่าวถึงน้ำทิ้งจากบ้านเรือน สถานประกอบการ หรือ โรงอุตสาหกรรมต่างๆ ล้วนแล้วแต่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไม่พึงประสงค์ให้แก่ผู้พบเห็น ทั้งยังเป็นทัศนียภาพย่ำแย่ไม่ชวนมอง ทำให้เสียบรรยากาศและภาพพจน์อันดีต่อผู้ผ่านมาพบเจอ ด้วยต้นตอของกลิ่นเหม็นเน่าเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก สารอินทรีย์ตกค้าง เช่น เศษอาหาร น้ำล้างจากโรงฆ่าสัตว์ หรือ สารเคมี เช่น ผงซักฟอก น้ำยาซักล้าง คราบน้ำมันจากโรงงาน ที่ถูกชะล้างออกมาตามทางระบายน้ำ ได้ ไหลไปปนเปื้อนตามแหล่งน้ำใกล้เคียง เป็นเหตุให้เกิดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ และเป็นพิษต่อสัตว์น้ำ หากปล่อยไว้นานเกินไปอาจจะทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง น้ำคล้ำดำและเน่าเหม็นรุนแรงยิ่งขึ้น สุดท้ายคือไม่สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำแหล่งน้ำนั้นได้เลย แต่วันนี้คุณสมาน ยะธาตุ เกษตรกรคนเก่งจากจ .สระบุรี มีวิธีบำบัดน้ำเสียให้กลับใสได้ภายใน 7 วัน ด้วยจุลินทรีย์ก้อน 8 พลัง ซึ่งมีรายละเอียดและวิธีการทำดังนี้
ส่วนผสม
1.รำละเอียดหรือรำอ่อน จำนวน 2 กิโลกรัม
2.รำหยาบ จำนวน 1 กิโลกรัม
3.ทรายร่อนละเอียด จำนวน กิโลกรัม
4.กากน้ำตาล จำนวน 100 ซีซี
5. **หัวเชื้อจุลินทรีย์ 8 พลัง จำนวน 400 ซีซี
วิธีการทำ
1.นำรำหยาบและทรายร่อนละเอียด มาผสมและคลุกเคล้าให้เข้ากันในภาชนะ
2.นำ ***หัวเชื้อจุลินทรีย์ 8 พลัง *** ผสมให้เข้ากันกับกากน้ำตาล แล้วนำไปผสมให้เข้ากันกับรำหยาบและทรายละเอียด
3.นำรำอ่อนใส่ตามลงไป แล้วคลุกเคล้าให้ทั่ว จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมๆขนาดประมาณ 200 กรัม อัดให้แน่นแข็ง นำไปผึ่งลมให้แห้ง สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน 1 ปี
วิธีการใช้จุลินทรีย์ก้อน 8 พลัง บำบัดน้ำเสีย
– โยนก้อนจุลินทรีย์ 8 พลังลงไปในบ่อบำบัดน้ำเสียที่มีกลิ่นเหม็นเน่า ใช้จำนวน 1 ก้อน ต่อการบำบัดน้ำเสีย 3,000-5,000 ลิตร (ถ้ามีปริมาณน้ำเสียประมาณ 1 ถังรถดับเพลิงให้ใช้จำนวน 2 ก้อน)
– ถ้าปรับสภาพน้ำในบ่อปลาดุก-ปลาช่อน ให้ใช้ จำนวน1 ก้อน ต่อ พื้นที่บ่อ 1 ตารางเมตร ก้อนจุลินทรีย์จะปรับสภาพน้ำให้ใส ขจัดกลิ่นเหม็น ย่อยสลายโคลนตมในน้ำ เพิ่มอากาศออกซิเจนในน้ำได้เป็นอย่างดี
– น้ำที่เน่าเหม็นจะหายเหม็นภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนน้ำที่ขุน ดำ จะใสภายใน 20-30 ชั่วโมง
** หมายเหตุ **
ถ้าใช้ก้อนจุลินทรีย์ร่วมกับหัวเชื้อจุลินทรีย์ 8 พลัง กลิ่นเหม็นจะหายเร็วขึ้น แล้ววันที่ 2-3 ของการใช้บำบัดจะมีฝ้าสีขาวๆ ลอยขึ้นเหนือน้ำให้ตักออกไปใส่ต้นไม้ ถ้าไม่ตัก 10-15 วัน มันก็จะย่อยสลายลงไปเอง
ร.ต.อ สามารถ นารถสูงเนินได้ที่โครงการเกษตรธรรมชาติ 414/56 หมู่ 5 หมู่บ้านโคราชวิลเลช ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000 โทร 089-947-7009,084-605-0569,044-221-062 Fax 044-221-062
ป้ายคำ : จุลินทรีย์, จุลินทรีย์บอล