หูปลาช่อน เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็กจำพวกหญ้า ใบมีหลายแบบใน 1 ต้น ใบล่างรูปทรงกลม ใบกลางรูปหัวใจ ใบบนรูปหอกโคนเว้า ขอบจัก ดอกเล็กออกเป็นกระจุกเป็นพู่ทรงกลม บริเวณปลายยอด
ชื่อวิทยาศาสตร์ Emilia sonchifoiia (L.) DC. (Cacalia sonchifoiia L.)
วงศ์ Compositae
ชื่ออื่น ผักแดง(เลย) ผักบั้ง(ลำปาง) หางปลาช่อน(ภาคกลาง)เฮียะแอ่อั้งเอี่ยโต่ยเช่า(แต้จิ๋ว) เยวียะเสี้ยหง ,หยางถีฉ่าว(จีนกลาง)
ลักษณะ
ผักหูปลาช่อน ไม้ล้มลุกจำพวกหญ้า มีลำต้นตั้งตรง มีมีสีเขียวแกมม่วง ลำต้นมีความสูงได้ประมาณ 10-50 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านที่โคนต้น ลำต้นปกคลุมไปด้วยขนนุ่มทั่วไป ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบมีลักษณะห่อหุ้มลำต้นอยู่ ปลายใบแหลมเรียว โคนใบกว้างเป็นรูปไข่ ส่วนขอบใบโค้งหยักเล็กน้อยหรือหยักเว้า มีขนาดยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลังใบเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนท้องใบเป็นสีม่วงแดง ใบที่โคนต้นจะมีขนาดใหญ่กว่าใบที่อยู่บนยอด ใบบนเป็นรูปหอกโคนเว้าขอบจักแคบ ไม่มีก้านใบ ออกดอกเป็นช่อ โดยจะออกตามบริเวณกลางลำต้นหรือยอดต้น ก้านช่อดอกยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร และก้านดอกมักแบ่งออกเป็น 2 แขนง (ช่อหนึ่งจะแยกออกเป็น 2 แขนง) มีดอกย่อยประมาณ 20-45 ดอก ดอกเป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ ลักษณะของดอกเป็นดอกขนาดเล็ก ยาวประมาณ 12-14 มิลลิเมตร โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปทรงกระบอก กลีบดอกส่วนโคนจะเชื่อมติดกันเป็นรูปท่อ ดอกเป็นสีแดงม่วงมี 5 แฉก มีเกสรเพศผู้ 5 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน ผลเป็นผลเดี่ยว ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกระบอกยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร เปลือกผลแข็งมีจรสีขาวปกคลุมที่เส้นสันผิวเปลือก ผลแห้งจะไม่แตกหรืออ้าออก เมล็ดล่อน สีน้ำตาล และมีขน
สรรพคุณ
สตรีมีครรภ์ห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้
สมุนไพรชนิดนี้เป็นพิษต่อตับ โดยสารที่เป็นพิษคือสาร Pyrrolizidine alkaloid หากได้รับในครั้งแรกจะทำให้อาเจียน หลังจากนั้นประมาณ 8-10 ชั่วโมง จะมีอาการชักกระตุกควบคู่ไปกับมีอาการเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง และหมดสติ ส่วนวิธีการแก้พิษเบื้องต้น ให้ทำให้อาเจียน โดยการรับประทาน Syrup of ipecac ในผู้ใหญ่ให้ใช้ 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1-12 ให้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ
อ้างอิง
ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเภสัชกรรม โดยกองการประกอบโรคศิลปะ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
สารานุกรมสมุนไพร โดยนายวุฒิ วุฒิธรรมเวช
ไม้เทศเมืองไทย สรรพคุณยาเทศและยาไทย รวบรวมและเรียบเรียงโดย หมอเสงี่ยม พงษ์บุญรอด