เชื้อราบิวเวอร์เรีย เชื้อราปราบแมลง

30 ธันวาคม 2556 จุลินทรีย์ 0

เชื้อราบิวเวอร์เรีย ( Beauveria bassiasna ) เป็นจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคกับแมลง ซึ่งสามารถทำลายแมลงได้หลายชนิด ในอันดับ Homoptera Lepidoptera Coleoptera และ Diptera ซึ่งได้แก่แมลงจำพวกเพลี้ยต่างๆ หนอนผีเสื้อ ด้วง และแมลงวัน หรือยุง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสามารถกำจัดปลวก และมดคันไฟได้ ทำให้มดและปลวกตายยกรังได้
กลไกการเข้าทำลายแมลงของเชื้อราบิวเวอร์เรีย คือ เมื่อสปอร์ของเชื้อราสัมผัสกับผิวของแมลง ในสภาพความชื้นที่เหมาะสม (ความชื้นสัมพัทธ์ 50 % ขึ้นไป) จะงอกเส้นใยแทงผ่านผิวหนังเข้าไปในลำตัวแมลง แล้วขยายจำนวนเจริญอยู่ภายในโดยใช้เนื้อเยื่อของแมลงเป็นอาหาร แมลงจะตายในที่สุด ภายในระยะเวลาต่างๆ ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และวัยของแมลง โดยทั่วไปประมาณ 3 – 14 วัน เชื้อราบิวเวอร์เรียสามารถนำมาใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืชที่สำคัญในพืชเศรษฐกิจหลายชนิด เช่น แมลงศัตรูพืชเป้าหมายในข้าว ได้แก่ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยไฟ บั่ว หนอนห่อใบ ในมะม่วงได้แก่ เพลี้ยจักจั่นที่ทำลายช่อมะม่วง แมลงค่อมทอง ในพืชตระกูลส้มได้แก่ เพลี้ยอ่อนส้ม เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยไฟ ไรแดง ในพืชผักได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ ไรขาว แมลงหวี่ขาว หนอนผีเสื้อต่างๆ ในอ้อยได้แก่ แมลงค่อมทอง เป็นต้น

beauveria

เชื้อราบิวเวอร์เรียเป็นเชื้อราที่สามารถให้เกิดโรคได้กับแมลงได้หลายชนิด โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และหนอนศัตรูพืช เนื่องจากสปอร์ของเชื้อราบิวเวอร์เรียที่ตกที่ผนังลำตัวแมลง เมื่อมีสภาพที่เหมาะสมสปอร์จะงอกแทงทะลุผ่านลำตัวแมลงเข้าไปไชช่องว่างภายในลำตัวและเจริญเติบโตเป็นเส้นใยท่อนสั้นๆ ทำลายเซลล์เม็ดเลือดในตัวของแมลง ทำให้แมลงเป็นอัมพาตและตายไปในที่สุด หลังจากแมลงตายแล้วเชื้อราจะสร้างสปอร์แพร่กระจายได้ตามธรรมชาติ เฝ้าระวังแปลงนาของเกษตรกรจากแมลงศัตรูข้าง เพราะสามารถทำลายแมลงได้ทุกระยะ แต่เมื่อเกษตรกรฉีดพ่นสารเคมีหรือเชื้อราไตรโคเดอร์มา กำจัดเชื้อราสาเหตุของโรคข้าว จะทำให้เชื้อราบิวเวอร์เรียถูกทำลายไปด้วย เป็นการสร้างความสมดุลให้แก่ระบบนิเวศน์วิทยาในนาข้าวต่อไป

beauveriama

การเข้าทำลายแมลงของเชื้อราบิวเวอเรีย

  1. สปอร์เชื้อราตกติดอยู่กับผนังลำตัวแมลงเข้าสู่ตัวแมลงทางผนังลำตัว รูหายใจ บาดแผลบนผนังลำตัว ความชื้นเหมาะสมกับการงอก สปอร์จะแทงทลุผิวหนังลำตัว เชื้อราจะงอกสู่ช่องว่างลำตัวแมลงเจริญเติบโตสร้างเส้นใยมากมายทำลายแมลง
  2. เมื่อแมลงตาย เส้นใยจะแทงผ่านผนังลำตัวแมลงออกสู่ภายนอกตัวแมลง
  3. สปอร์จะแพร่กระจายไปตามลม ฝนหรือติดกับตัวแมลง เชื้อราจึงสามารถขยายพันธุ์ต่อได้ และเมื่อสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็จะทำลายแมลงศัตรูต่อไป

ลักษณะอาการของแมลงที่ถูกเชื้อราบิวเวอเรียเข้าทำลาย

  1. แมลงที่ถูกทำลายจะแสดงอาการของการเป็นโรคคือ เบื่ออาหาร กินน้อยลง อ่อนเพลียและไม่เคลื่อนไหว
  2. สีผนังลำตัวแมลงมักจะเปลี่ยนไป ปรากฎจุดสีดำบนบริเวณที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย
  3. พบเส้ยใย และผงสีขาว ของสปอร์ปกคลุมตัวแมลงที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย

การใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียควบคุมศัตรูพืช

  1. เนื่องจากเชื้อค่อนข้างอ่อนแอต่อแสงแดด และอุณหภูมิสูง จึงควรใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียในช่วงเวลาเย็นถึงค่ำ ระหว่างที่ฉีด ให้กวนน้ำเป็นระยะ และควรปรับหัวฉีดให้พ่นฝอยละเอียด จะฉีดได้ผลดีและได้พื้นที่เพิ่มขึ้น ควรฉีดเหนือลม และเดินฉีดหน้าห่างๆ
  2. เชื้อราบิวเวอร์เรียสามารถทำลายแมลงได้หลายชนิด รวมถึงแมลงศัตรูธรรมชาติบางชนิดด้วย ดังนั้นถ้าหากพบว่ามีศัตรูธรรมชาติอยู่มาก ก็ควรงด หรือชะลอการฉีดออกไป ถ้าไม่จำเป็นจึงไม่แนะนำให้ใช้เชื้อราชนิดนี้เพราะจะทำลายแมลงธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ ควรหลีกเลี่ยงไปใช้เชื้อราชนิดอื่นที่ไม่ทำลายแมลงธรรมชาติ
  3. เชื้อราจะเข้าทำลายแมลงได้ในสภาพที่มีความชื้นสูง ดังนั้น การใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียในช่วงฤดูแล้ง หรืออากาศแห้งแล้ง อาจจำเป็นต้องเพิ่มความชื้นโดยการให้น้ำ หรือพ่นละอองน้ำ ก่อนและหลังการใช้ และก่อนนำเชื้อราไปใช้ควร นำเชื้อราตามอัตราส่วนที่ต้องการไปแช่น้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมงแต่ไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง และเพิ่มอาหารของเชื้อด้วยนมข้น /น้ำหวาน / กากน้ำตาล เพื่อให้เชื้อมีปริมาณและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สามารถทำให้แมลงตายได้ภายใน 1 2 วัน

การผลิตเชื้อราบิวเวอร์เรีย
การเพาะเลี้ยงเชื้อราบิวเวอร์เรีย ว่า จะต้องเตรียมอุปกรณ์ คือ เมล็ดข้าวโพดแห้ง ถุงพลาสติกเพาะเห็ด คอขวด เชื้อราบิวเวอร์เรียบริสุทธ์ แอลกอร์ฮอร์ ลวดเขี่ยเชื้อ ถังนึ่ง(แปลงมาจากถังน้ำมัน 200 ลิตร) และสำลี(หรือใช้จากไส้ในที่นอนซักให้สะอาดตากให้แห้งแล้วนึ่งฆ่าเชื้อขณะนึ่งห่อด้วยกระดาษกันความชื้น)

วิธีทำ
นำข้าวโพดแช่น้ำ 12 ชม.

beauveriast1

นำไปผึ่งลมหรือตากแดดอ่อนๆ ทิ้งไว้ให้หมาดๆ กรอกลงถุงพลาสติกถุงละ 400 กรัม

beauveriast2

ใส่คอขวดก่อนปิดด้วยสำลีที่เตรีมไว้เพื่อปิดกันแมลงและเชื้อโรคอื่นเข้าไป หุ้มด้วยกระดาษใช้ยางรัดไว้เพื่อกันความชื้นหรือหยดน้ำลงไป

beauveriast3

นำลงนึ่งในถังให้ห่างจากขอบถังประมาณ 2 ซม.เพื่อกันถุงเสียหายจากความร้อน วางทับหันประมาณ 2 ชั้น เพื่อให้ความร้อนเข้าถึงอย่างสม่ำเสมอ

beauveriast5

ใส่น้ำลงไปประมาณ 15 ซม. ปิดฝาให้มีช่องระบายไอน้ำเล็กน้อย นึ่งโดยใช้ไฟแรงให้เดือนแล้ว จับเวลาตั้งทิ้งไว้จำนวน 2 ชม. นำออกมาไว้ในที่ร่มให้อุ่น (ทดสอบโดยวางบนหน้าแขนพอทนได้สักพัก)

beauveriast6

จึงเขี่ยเชื้อจากขวดที่ได้รับจากศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัด

beauveriast7

การเขี่ยเชื้อ เป็นขั้นตอนที่ต้องระวังความสะอาดเป็นพิเศษ จึงต้องดำเนินการในที่ปิดมิดชิดลมไม่โกรก ผู้ปฏิบัติปิดปาก ปิดจมูกและสวมถุงมือ

beauveriast8

ก่อนเขี่ยต้องเตรียมจุดไฟด้วยการเทแอลกอร์ฮอร์ลงบนสำลีที่วางไว้บนถ้วยแก้วหรือกระเบื้อง ติดไฟไว้สำหรับฆ่าเชื้อลวดเขี่ยเชื้อ นำขวดเชื้อลงนอนตะแคง เขี่ยให้ได้ประมาณเท่าหัวไม้ขีด นำออกจากขวดพร้อมกับปิดจุกสำลีที่ขวดหัวเชื้อทันที หย่อนหัวเชื้อที่ได้ลงถุงข้าวโพด ปิดสำลีทันที

beauveriast9

การบ่มเชื้อ นำไปเก็บไว้ในที่เย็นไม่โดนแดด แต่จะต้องให้ได้รับแสงสว่างอย่างน้อยวันละ 6 ชม.และอย่าให้ถูกความร้อน (สำหรับตนเองเอาไว้ในห้องน้ำ) ทิ้งไว้ 15 วันสังเกตเส้นใยสีขาวเดินรอบถุงจึงนำออกเก็บไว้ในที่เย็นไม่ให้โดนความร้อน ถ้าเป็นโรงเก็บรถหรือเก็บของจะต้องใช้วัสดุป้องกันไอร้อนกระทบกับก้อนเชื้อราบิวเวอร์เรียเสียหายได้

beauveriast10

การเก็บรักษาเมื่อเชื้อเดินเต็มแล้ว ควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น จะทำให้เก็บไว้ได้นานขึ้น

วิธีใช้

  1. การนำไปใช้สำหรับฉีดพ่น นำเชื้อราบิวเวอร์เรีย 1-2 กก./น้ำ 20 ลิตร แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยนำน้ำ 5 ลิตร ใส่ถุงมือขยำก้อนเชื้อกับน้ำให้สปอร์เชื้อราหลุดจากเมล็ดข้าวโพดแล้วกรองด้วยผ้าบางๆ แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำอีก 15 ลิตร ผสมกับสารจับใบ(ตามฉลาก) คนให้เข้ากัน นำไปฉีดพ้นในช่วงเช้าตรู่หรือเย็นแดดอ่อน(ช่วงเย็นดีที่สุดเมื่อพ่นไปแล้วเชื้อรามีช่วงเวลาฟื้นตัวนานก่อนที่จะพบกับอากาศร้อนช่วงกลางวันวันถัดไป) ควรปรับหัวฉีดให้พ่นเป็นฝอยละเอียดจะทำให้ได้ผลดีและได้พื้นที่เพิ่มขึ้น และควรติดตามตรวจสอบเมื่อฉีดพ่นได้ 2-3 วัน ข้อควรระวังในการใช้คือ สวมถุงมือ ปิดปาก ปิดจมูก เหมือนกับใช้สารเคมีทั่วไป ไม่ควรใช้ร่วมกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุกชนิด และควรล้างเครื่องฉีดพ้นที่เคยพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชให้สะอาด และเชื้อราบิวเวอร์เรียจะอยู่ได้นานจนถึงระยะเก็บเกี่ยวเมื่อใช้กับข้าวที่อายุ 40-50 วัน เพราะจะมีใบข้าวที่ปกคลุมป้องกันแสงแดดส่อง อีกทั้งสภาพแวดล้อมในควรมีความชื้นทีเหมาะสม (80%)
  2. ใส่เชื้อราบิวเวอร์เรียในกระบอก การทำไผ่สำหรับใส่เชื้อราบิวเวอร์เรีย นำกระบอกที่ทำไว้ปักหลักตั้งกระบอกที่อาจทำจากท่อพลาสติก PVC หรือกระบอกไม้ไผ่ห่างกันประมาณ 10-20 เมตรกระจายทั่วแปลงนา สำหรับการใช้กระบอกไม้ไผ่เกษตรกรจะตัดเหนือข้อ 1 ด้านส่วนอีกด้านตัดเลยข้อประมาณ 1.5 นิ้ว ก่อนที่จะตัดเหนือข้อต่อกระบอกตัดเหนือข้อลึกลงไปครึ่งกระบอก ก่อนผ่านำส่วนที่ไม่ต้องการออกจะเหลือข้อเพื่อกันก้อนเชื้อราบิวเวอร์เรียปลิวกระเด็น เมื่อตัดและทำกระบอกได้ทรงตรงตามที่ต้องการแล้วนำเชือกมาผูกและนำใบตาลตอกติดกระบอกที่เตรียมไว้ ทำเป็นหางเสือ เมื่อนำกระบอกปักหรือแขวนติดกับเสาจะหมุนหันปากกระบอกรับลม เพื่อพัดพาสปอร์ล่องลอยไปตกลงในแปลงนาหรือเปื้อนติดตัวแมลงศัตรูพืช และทำลายจนตายก่อนที่จะขยายพันธุ์โดยอาศัยตัวแมลงพร้อมกับขยายเจริญเติบโตในแปลงนาเหมือนกับว่ามียามหรือหน่วยป้องกันในนาของเกษตรกร นำกระบอกไม้ไผ่ที่เสียบฐานเรียบร้อยแล้วไปปักในนาข้าว 1 ไร่ใช้ 4 กระบอก

beauveriana

ป้ายคำ :

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด จุลินทรีย์

แสดงความคิดเห็น