การเพาะเมล็ดผัก

15 มีนาคม 2560 พืชผัก 0

ปัจจุบันเมล็ดพันธุ์หลายชนิดที่มีราคาค่าเมล็ดพันธุ์สูง เกษตรกรส่วนใหญ่จะทำการเพาะกล้าก่อนเพราะทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้มาก ไม่ว่าจะเป็นค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าแรงงาน ระยะเวลา เราสามารถวางแผนการปลูกได้ดีกว่าการหยอดเมล็ดโดยตรง เรามารู้จักวิธีการเพาะกล้าที่ดี ทำอย่างไรให้ได้ต้นกล้าที่แข็งแรง

เทคนิคการเพาะเมล็ดของผักแต่ละชนิด

1. ผักบุ้ง นำเมล็ดแช่น้ำก่อนประมาณ 6 – 12 ชั่วโมง นำเฉพาะเมล็ดที่จมน้ำไปเพาะผักบุ้งจะใช้เวลางอกประมาณ 5 – 14 วันอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกคือ 18 – 25 องศาเซลเซียสอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 20 – 25 วัน

2. คื่นช่าย นำเมล็ดแช่น้ำประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง แล้วห่อด้วยผ้า หรือใส่กล่องพลาสติกถนอมอาหารปิดฝาให้สนิทแล้วนำไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 24 ชั่วโมง แล้วนำมาเพาะตามปกติ จะทำให้คื่นฉ่ายจะใช้เวลางอกประมาณ 5 – 7 วันอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกคือ 15 – 20 องศาเซลเซียสอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 70 – 80 วัน

3. ผักชี นำเมล็ดมาห่อด้วยกระดาษหรือผ้าแล้วใช้ท่อพีวีซี กลิ้งคลึงเมล็ดให้แตกเป็น 2 ซีก แล้วนำไปแช่น้ำอุ่นประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง (หรือจนกว่าเมล็ดจะจม) แล้วนำไปเพาะตามปกติจะทำให้ผักชีงอกได้เร็วขึ้น ปกติผักชีจะใช้เวลางอกประมาณ 5 – 7 วัน

  • ผักชีไทย อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 40 – 50 วัน
  • ผักชีลาวอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 55 – 60 วัน

4. ผักชีฝรั่ง นำเมล็ดแช่น้ำอุ่นประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง แล้วนำไปเพาะตามปกติ โดยจะใช้เวลางอกประมาณ 5 – 7 วัน อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 100 – 120 วัน

5. พืชตระกูลแตง ได้แก่ แตงกวา, แตงโม, แคนตาลูป, เมล่อน, แตงไทย, ฟักทอง, น้ำเต้า ฯลฯ นำเมล็ดมาแช่น้ำอุ่นประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง หรือจนกว่าเมล็ดจะจมน้ำ จากนั้นให้นำเมล็ดมาเพาะในกล่องพลาสติกถนอมอาหารโดยวางรองด้วยกระดาษชำระพรมน้ำให้ชุ่ม จากนั้นปิดฝาให้สนิท นำไปตากแดดในช่วงเช้าประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง จะทำให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น โดยปกติจะใช้เวลาในการงอกประมาณ 4 – 7 วัน เมื่อเมล็ดเริ่มงอกก็นำไปเพาะลงวัสดุปลูกต่อไป

  • แตงโมเปลือกลาย, แตงโมเปลือกดำ อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 35 – 40 วันหลังจากดอกบาน
  • แตงไทย อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 50 – 55 วันหลังจากหยอดเมล็ด
  • แตงกวา อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 6 – 7 วันหลังดอกบาน
  • เมล่อน, แคนตาลูป อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 40 – 60 วันหลังผสมเกสร (แล้วแต่ชนิดของสายพันธุ์)

6. พืชกลุ่มพริก, มะเขือ, มะเขือเทศ นำเมล็ดมาแช่น้ำอุ่นประมาณ 50 องศาเซลเซียส โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง หรือจนกว่าเมล็ดจะจมน้ำ จากนั้นให้นำเมล็ดมาเพาะในกล่องพลาสติกถนอมอาหารโดยวางรองด้วยกระดาษชำระพรมน้ำให้ชุ่ม จากนั้นปิดฝาให้สนิท นำไปตากแดดในช่วงเช้าประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง จะทำให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น โดยปกติจะใช้เวลาในการงอกประมาณ 5 – 10 วัน เมื่อเมล็ดเริ่มงอกก็นำไปเพาะลงวัสดุปลูกต่อไป

  • มะเขือเทศ อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 70 – 80 วันหลังจากหยอดเมล็ด
  • พริก อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 50 – 60 วันหลังจากหยอดเมล็ด
  • มะเขือเปราะ อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 50 – 60 วันหลังจากหยอดเมล็ด

7. ปวยเล้ง เป็นพืชที่หลายคนคิดว่าเพาะได้ยาก แต่จริงๆแล้วการเพาะปวยเล้งไม่ยากอย่างที่คิดแต่อาจจะใช้เวลา และเทคนิคยุ่งยากกว่าเมล็ดพืชชนิดอื่น โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • นำเมล็ดปวยเล้งไปแช่ในน้ำเย็นประมาณ 1 คืน แต่อย่านานกว่านั้นเพราะเมล็ดจะเน่าได้
  • นำกล่องพลาสติกถนอมอาหารที่มีฝาปิดมิดชิด รองด้านในด้วยกระดาษชำระประมาณ 2 – 3 ชั้น แล้วพรมน้ำให้พอชุ่มทั่วกระดาษแต่อย่าให้ท่วมกระดาษมากเกินไป ให้เทน้ำที่ค้างออกด้วยนะครับ
  • นำเมล็ดปวยเล้งที่แช่น้ำมาแล้วประมาณ 3 – 5 ชั่วโมงมาล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วนำเมล็ดไปโรยลงบนกระดาษชำระในกล่องพลาสติกถนอมอาหารปิดฝาให้สนิทแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น (ช่องแช่ปกติ) อุณหภูมิของตู้เย็นปกติจะอยู่ที่ประมาณ 4 – 7 องศา C ซึ่งเป็นอุณหภูมิทีเหมาะต่อการงอกของเมล็ดปวยเล้งอยู่แล้ว
  • ประมาณ 7 – 14 วัน ปลายเมล็ดปวยเล้งจะเริ่มแตกออก และมีปลายรากโผล่ออกมาจากเมล็ด จึงสามารถนำเมล็ดที่มีรากงอกออกมานั้นไปเพาะลงวัสดุปลูกได้
  • อายุเก็บเกี่ยวปวยเล้งประมาณ 35 – 45 วัน (นับจากวันปลูก)

8.ผักสลัดชนิดต่างๆ
เพาะกล้าสลัดโดยใช้กล่องถนอมอาหารที่มีฝาปิดสนิท รองด้านในด้วยกระดาษชำระประมาณ 2 ชั้นแล้วพรมน้ำให้กระดาษเปียก และเทน้ำออก จากนั้นให้นำเมล็ดสลัดมาโรยลงบนกระดาษชำระ โดยไม่ต้องพรมน้ำซ้ำ แล้วปิดฝากล่องให้สนิท (แนะนำให้นำไปวางไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ เช่น ห้องปรับอากาศ หรือในตู้แช่ผัก) ประมาณ 24 – 48 ชั่วโมงเมล็ดจะเริ่มงอกให้ย้ายลงวัสดุปลูกได้เลยครับ อย่าปล่อยให้ 72 ชั่วโมง (3 วัน) เพราะรากจะยาวเร็วมากและทำให้ย้ายปลูกได้ยาก การกระตุ้นการงอกด้วยวิธีนี้จะทำให้เมล็ดที่เราเพาะมีเปอร์เซ็นต์การงอกและความสม่าเสมอของการงอกสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคที่จะเข้าทำลายเมล็ดจากการเพาะเมล็ดลงวัสดุปลูกโดยตรง ให้ผักที่ปลูกมีความสม่ำเสมอของต้นที่เท่ากัน มากกว่าการเพาะลงในวัสดุปลูกโดยตรง เนื่องจากการเพาะลงวัสดุปลูกโดยตรงนั้นเมล็ดสลัดมีความเสี่ยงที่จะถูกทำลายโดยเชื้อโรคหรือแมลง อีกทั้งผู้ปลูกยังควบคุมปัจจัยการงอกของเมล็ดได้ยากกว่าด้วย

ป้ายคำ : ,

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด พืชผัก

แสดงความคิดเห็น