การเพาะเลี้ยงปลาไหลนา

13 มิถุนายน 2559 สัตว์ 0

ปลาไหล เป็นปลาน้ำจืดที่บางท้องถิ่นเรียกว่า “ไหลนา” บ้างก็เรียก “เหยี่ยน” เนื้อรสชาติดี มีให้เลือกซื้อกันทั้งแบบเป็นๆ และหั่นเป็นชิ้นแล้ว ตามตลาดสดที่ขายอาหารพื้นบ้านใหญ่ๆ การซื้อปลาไหลมาทำความสะอาดเองจะได้ปลาไหลที่สด เนื้อหวาน แต่ปลาไหล เป็นปลาที่ตายยาก ต้องทุบหัวให้ตายแล้วใช้ใบข่อย ใบตะไคร้ ใบสัก ใบมะเดื่อ ทราย หรือสก็อตไบรท์รูดตัวปลาจนขาวซีด ล้างน้ำให้สะอาดจึงผ่าท้อง เอาไส้ออกหั่นเป็นแว่นหนาประมาณครึ่งเซนติเมตร หรือหั่นท่อนยาว ๑ นิ้ว นิยมนำมาทำผัดเผ็ด แกงเผ็ด ผัดกะเพรา และต้มยำ เคล็ดลับความอร่อยคือต้องทำความสะอาดอย่างดี เลือกปลาไหลลำตัวกว้างเท่าหัวแม่มือ จึงจะรับประทานก้างปลาได้กรุบอร่อย ใส่เครื่องเทศและสมุนไพรต่างๆ ให้ถึงเครื่องเทศและใส่เหล้าเพื่อดับกลิ่นคาว

ปลาไหลนา หรือปลาไหลบึง จัดเป็นปลาอยู่ในวงศ์ Synbranchiformes ครอบครัว Synbranchidae ซึ่งปลาในครอบครัวนี้ มีอยู่ 3 ชนิด คือ

  1. ปลาไหลนา Monopterus albus, Zuiew (1973)
    ชื่อสามัญ Swamp Eel, Asian Swamp Eel ลำตัวด้านหลังมีสีน้ำตาล ท้องมี
    สีเหลืองทอง มีขนาดยาวที่สุดถึง 1.01 เมตร พบทั่วทุกภาคของประเทศ
    มีกระดูกเหงือก 3 คู่
  2. ปลาหลาด Ophisternon bengalense, Mcclelland (1845)
    มีชื่อสามัญ Bengal Eel ลำตัวมีขนาดเล็กยาวประมาณ 30 เซนติเมตร
    ลำตัวมีสีเหลือง หางจะเป็นรูปใบพาย พบทางภาคกลางของประเทศ และอ่าวเบงกอล
    มีกระดูกเหงือก 4 คู่
  3. ปลาหล่อย Macrotema caligans, Cantor (1849)
    ลำตัวมีสีเหลือง ขนาดเล็กที่สุดยาวประมาณ 17 – 20 เซนติเมตร หางเป็นรูปใบพาย
    พบทางภาคใต้บริเวณทะเลสาปลำปำ จังหวัดพัทลุง กระดูกเหงือกมี 4 คู่

plalainas

ลักษณะทั่วไป
ปลาไหลนาสามารถเจริญเติบโตได้ดีใน แหล่งน้ำทั่วไป สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และสามารถใช้ลำไส้ส่วนท้าย (hindgut) เป็นเครื่องช่วยในการหายใจ ฤดูแล้งจะขุดรู อยู่อาศัยลึก 1 – 1.5 เมตร ออกหากินในเวลากลางคืน เป็นปลาที่สามารถ เปลี่ยนเพศได้ (hermphrodite)โดยช่วงแรกจะเป็นเพศเมีย และจะกลายเป็นเพศผู้เมื่อโตขึ้น ด้านน้ำหนักเพศเมียจะมีน้ำหนักตั้งแต่100 – 300 กรัม เพศผู้มีน้ำหนักมากกว่า 400 กรัม จัดเป็นพวกปลากินเนื้อ (carnivorous) กินอาหารที่มีสภาพสดจนถึงเน่าเปื่อย ตัวหนอน ตัวอ่อนแมลง หอย ไส้เดือน และสัตว์หน้าดินต่าง ๆ (benthos) มีนิสัยรวมกลุ่มกันกินอาหาร

ฤดูวางไข่ของปลาไหล
ปลาไหลจะวางไข่ช่วงเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม มากที่สุด ปลาไหลนามีการวางไข่ ๒ รูปแบบ คือ วางไข่บริเวณกอหญ้าหรือพืชน้ำอื่นๆ โดยปลาเพศเมียและเพศผู้จะจับคู่และก่อหวอดเป็นฟองขาวๆบริเวณกอหญ้าบนผิวน้ำแล้ววางไข่ และอีกแบบหนึ่งคือ วางไข่ปากรูโดยปลาไหลเพศเมียใช้ลำตัวดันดินปากรูให้เป็นโพรงและให้โพรงสูงกว่าระดับน้ำประมาณ ๑ นิ้ว เพื่อให้ไข่ลอยอยู่ในโพรงได้ และจะคอยระวังศัตรูอยู่ภายในรู ปลาไหลจะเลี้ยงลูกจนมีขนาด ๓-๔ นิ้ว โดยลูกปลาจะกินซากพืชและสัตว์หรือแมลงน้ำตัวเล็กๆ

ถิ่นที่อยู่อาศัย
ปลาไหลชอบอยู่ในห้วย หนอง คลอง บึง ที่มีความรกด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด ชอบอาศัยในรากผักตบชวา รากวัชพืชต่างๆ เป็นปลาที่มีนิสัยอดทน อยู่ได้ทั้งในน้ำและในดินโคลนตม สามารถขยายพันธุ์ในสภาพแวดล้อมที่กว้างเงียบ และแหล่งน้ำสะอาดชุกชุมด้วยสัตว์น้ำเล็กๆ และมีวัชพืชปกคลุม มีรากพืชหมักหมมอยู่มาก ปลาไหลมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย บางจังหวัดมีมาก มีการจับ แปรรูปแข่งขันกัน เช่น จังหวัดสุรินทร์

plalainaroo

การเพาะพันธุ์
การแยกเพศ สามารถแยกได้ดังนี้

  • เพศผู้ ความยาวมากกว่า60 เซนติเมตร น้ำหนักมากกว่า 400 กรัม ท้องไม่อูม ตัวยาวเรียว ช่องเพศสีขาวซีด ไม่บวม ลำตัวสีเหลืองคล้ำ
  • เพศเมีย ความยาว 29 – 50 เซนติเมตร น้ำหนัก ต่ำกว่า 300 กรัม ท้องอูมเป่ง ตัวอ้วน ท้องป่อง ช่องเพศ สีแดงเรื่อบวม (ช่วงผสมพันธุ์) ลำตัวสีเหลืองเปล่งปลั่ง

การเพาะขยายพันธุ์ปลาไหล โดยปกติทำได้โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ ส่วนการเพาะพันธุ์โดยวิธีฉีดฮอร์โมนผสมเทียม ได้มีผู้ทำการทดลองฉีดฮอร์โมน Suprefect + Motilium ในระดับต่างๆ กัน ปรากฏว่าปลาไม่มีการวางไข่แต่อย่างใด

การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์ โดยใช้เทคนิคการเตรียมบ่อเพาะให้คล้ายคลึงกับธรรมชาติมากที่สุด สามารถเพาะเลี้ยงได้ทั้งในถังไฟเบอร์ บ่อดิน บ่อซีเมนต์และท่อซีเมนต์กลม โดยจะต้องเตรียมความพร้อม ดังนี้

  • ถัง ไฟเบอร์ ใส่ดินเหนียวลงในถังไฟเบอร์ขนาด ๒ ตัน บ่อสูง ๑ เมตร โดยให้ดินอยู่ในลักษณะแนวลาดเอียงสูง ๔๐ เซนติเมตร หลังจากนั้น จึงเติมน้ำลงไปประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ให้ดินเหนียวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเป็นแนวลาดเอียงประมาณ ๑๐ เซนติเมตร แล้วทำการปลูกพันธุ์ไม้น้ำให้เหมือนกับธรรมชาติ เช่น กอบัว จอกแหน และผักตบชวา
    – บ่อดิน ควรอัดพื้นดินให้แน่นและมีขนาด ๒๐๐-๔๐๐ ตารางเมตร ด้านบนควรปลูกพืชน้ำสำหรับเป็นที่วางไข่ของแม่ปลาไหลนา ปล่อยพ่อแม่พันธุ์ในสัดส่วนเพศผู้ : เพศเมีย เท่ากับ ๑ : ๓ ต่อพื้นที่ ๑ ตารางเมตร ปลาไหลนาจะวางไข่ได้ภายใน ๒-๔ เดือน โดยเริ่มวางไข่ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน เมื่อลูกปลาไหลฟักออกเป็นตัว ลูกปลาไหลจะมีความยาวประมาณ ๒-๓ เซนติเมตร พฤติกรรมของลูกปลาไหลนามักชอบหลบซ่อนอยู่ตามรากหญ้า สามารถรวบรวมและนำไปเลี้ยงต่อไป
  • บ่อซีเมนต์ ขนาด ๕.๐ x ๕.๐ x ๑.๐ เมตร ใส่ดินลงในบ่อสูง ๓๐ เซนติเมตร เติมน้ำให้มีระดับสูงกว่าผิวดินประมาณ ๑๐ เซนติเมตร ใส่พืชน้ำต่างๆ เพื่อให้เป็นที่หลบซ่อนและวางไข่ ปล่อยพ่อแม่พันธุ์ในสัดส่วน เพศผู้ : เพศเมีย เท่ากับ ๑ : ๓ ต่อพื้นที่ ๑ ตารางเมตร ปลาไหลนาจะก่อหวอดคล้ายปลากัด (การพ่นฟองอากาศสำหรับวางไข่) เกษตรกรสามารถรวบรวมลูกปลาไหลนาได้ หลังจากปลาไหลก่อหวอดประมาณ ๕ วันแล้ว จึงนำลูกปลาไหลไปอนุบาลต่อในตู้กระจกหรือในท่อซีเมนต์กลม
  • ท่อซีเมนต์กลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑.๐ เมตร ปล่อยพ่อพันธุ์ ๑ ตัว และแม่พันธุ์ ๓ ตัวต่อ ๑ ท่อ ใส่ดินสูงประมาณ ๓๐ เซนติเมตร โดยแม่พันธุ์ ๑ ตัว จะสามารถวางไข่ตั้งแต่ ๓๐๐-๙๑๐ ฟอง ขึ้นอยู่กับขนาดของแม่พันธุ์

การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ การคัดแยกเพศของพ่อแม่พันธุ์ปลาไหล จะกระทำได้ยากมาก เพราะปลาไหลนามีลักษณะเพศคล้ายๆ กัน ถ้าดูจากลักษณะภายนอก จะไม่สามารถแยกเพศให้เด่นชัดได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่ปลาไม่มีการวางไข่ แต่ถ้าในช่วงฤดูวางไข่ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม จะสามารถสังเกตเพศของปลาไหลได้เด่นชัดขึ้น ดังนี้
– เพศผู้ ความยาวมากกว่า ๖๐ เซนติเมตร น้ำหนักมากกว่า ๔๐๐ กรัม ท้องไม่อูม ตัวยาวเรียว ช่องเพศสีขาวซีดไม่บวม ลำตัวสีเหลืองคล้ำ
– เพศเมีย ความยาว ๒๙-๕๐ เซนติเมตร น้ำหนัก ต่ำกว่า ๓๐๐ กรัม ท้องอูมเป่ง ตัวอ้วน ท้องป่อง ช่องเพศสีแดงเรื่อๆ บวม (ช่วงผสมพันธุ์) ลำตัวมีสีเหลืองเปล่งปลั่ง
เมื่อคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลาไหลได้แล้ว ให้นำมาปล่อยในบ่อเพาะพันธุ์ที่เตรียมไว้ โดยการปล่อยพ่อแม่พันธุ์จะพิจารณาจากขนาดของบ่อเป็นหลัก เช่น ถ้าเป็นบ่อดินหรือบ่อซีเมนต์ ควรปล่อยพ่อแม่พันธุ์ในสัดส่วนเพศผู้ : เพศเมีย เท่ากับ ๑ : ๓ ต่อพื้นที่ ๑ ตารางเมตร แต่ถ้าเป็นท่อซีเมนต์กลม ควรปล่อยพ่อพันธุ์ ๑ ตัว และแม่พันธุ์ ๓ ตัวต่อ ๑ ท่อ

การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ เมื่อปล่อยพ่อแม่พันธุ์ปลาไหลลงบ่อเพาะแล้ว ควรเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาไหล โดยให้อาหารและดูแลทำความสะอาด เปลี่ยนถ่ายน้ำ อาหารที่นำมาให้พ่อแม่พันธุ์ปลาไหลควรเป็นพวกอาหารปลาสดหรือเป็ดสับเป็นชิ้น พอเหมาะกับปากของปลา ในปริมาณร้อยละ ๓ ต่อน้ำหนักตัว โดยให้วันละ ๑ ครั้งในช่วงเย็น เนื่องจากปลาไหลนามีอุปนิสัยชอบออกหากินในที่มืด และสภาพแวดล้อมเงียบสงบ การถ่ายน้ำในบ่อเพาะพันธุ์ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ปลาจะต้องใช้เวลาปรับตัว ๒-๔ เดือน จะพบว่า น้ำฝนเป็นสิ่งกระตุ้นให้แม่พันธุ์ปลาไหลวางไข่ได้เป็นอย่างดี และปลาไหลนามักวางไข่ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงใกล้หน้าฝน แต่ช่วงที่ปลาไหลไข่ชุกที่สุด คือ เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และจะพบไข่ปลาไหลทุกครั้งหลังจากฝนตก เมื่อพ่อแม่ปลาไหลพร้อมที่จะวางไข่แล้ว ปลาเพศผู้จะสร้างหวอดและแม่ปลาวางไข่สีขาวมีช่องว่างอยู่ตรงกลาง โดยไข่ปลาจะติดอยู่ใต้หวอดและกองอยู่ตามพื้น ไข่ปลาไหลที่ออกใหม่ๆ มีขนาดใหญ่ประมาณ ๓ มิลลิเมตร สีเหลืองทอง เปลือกไข่มีลักษณะแข็งและกลม แม่พันธุ์ปลาไหล ๑ ตัว สามารถให้ไข่ได้ไม่เกิน ๒,๐๐๐ ฟอง ลูกปลาที่ฟักออกมาใหม่จะมีความยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร ไข่ปลาไหลบางฟองอาจฟักออกเป็นตัวห่างกันนานถึง ๖ ชั่วโมง เนื่องจากแม่ปลาไหลอาจวางไข่ไม่พร้อมกันและในช่วงวางไข่ แม่ปลาไหลจะมีนิสัยดุร้ายมาก หลังจากก่อหวอด ๗-๑๐ วัน ก็รวบรวมลูกพันธุ์ขึ้นมาอนุบาลต่อไป

plalainat

ฤดูวางไข่
สามารถเพาะพันธุ์ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน และมีความสมบูรณ์สูงสุด ในเดือนสิงหาคม ปริมาณความดกของไข่ปลาไหลขึ้นอยู่กับขนาดน้ำหนักและความยาว คือ
ความยาว ปริมาณไข่

  • 20 – 30 เซนติเมตร 300 – 400 ฟอง
  • 40 – 50 เซนติเมตร 400 – 500 ฟอง
  • มากกว่า 50 เซนติเมตร 1,000 ฟอง

การพัฒนาของไข่
ปลาไหลนาจะมีไข่เพียง 1 ฝัก ไข่ปลาไหลนาเป็นลักษณะไข่จมไม่ติดวัสดุเมื่อสัมผัส จะมีความยืดหยุ่นมาก มีลักษณะสีเหลืองสดใส
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.3 เซนติเมตร ไข่ได้รับการผสมมีลักษณะกลม สีเหลืองทอง ส่วนไข่ที่ไม่ได้รับการผสมจะมีสีขาวใส ไข่จะใช้เวลาในการฟักประมาณ 3 วัน ลูกปลาเมื่อฟักออกใหม่ ๆ มีความยาว 2.5 เซนติเมตรมีถุงไข่แดง 2 ใน 3 ส่วน และมีครีบหู อายุ 5 – 6 วันถุงไข่แดงยุบพร้อมครีบหูหายไป และเริ่มกินอาหารได้ อัตราการฟัก 70 – 80 เปอร์เซ็นต์

นิสัยการกินอาหาร
ปลาไหลนาขนาด 2.5 – 3.0 เซนติเมตร กินสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ คือ ไรแดง วันละ 2 ครั้ง ขนาดความยาว 5 เซนติเมตร เริ่มฝึกให้กินอาหารผงสำเร็จรูปร่วมกับหนอนแดงจนอายุได้ 6 สัปดาห์ ปลาจะมีขนาด 8 – 10 เซนติเมตร เริ่มให้ปลาสดบดวันละ 2 ครั้ง และสามารถนำไปเลี้ยงเป็นปลา ใหญ่ต่อไป

การเพาะขยายพันธุ์ โดยปกติสามารถทำได้โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ
การเพาะพันธุ์โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติควรทำ ในบ่อซีเมนต์ขนาด 5 x 10 x 1 เมตร ใส่ดินเหนียวหนา 30 เซนติเมตร ให้ดินสูงด้านใดด้านหนึ่งใส่พ่อแม่ตารางเมตรละ 4 ตัว ใส่น้ำสูงประมาณ 40 เซนติเมตร ปลูกพรรณไม้น้ำ เพื่อให้คล้ายกับธรรมชาติมากที่สุด ให้ปลาสดสับผสม น้ำมันตับปลากินวันละ 1 มื้อ ๆ ละ 3 เปอร์เซ็นต์ต่อ น้ำหนักตัว ให้กินตอนเย็น ถ่ายเทน้ำสัปดาห์ ละ 1 ครั้ง ปลาจะต้องใช้เวลาปรับตัว 2 – 4 เดือน เมื่อปลาเพศผู้พร้อม จะสร้างหวอดไข่สีขาวมีช่องว่าง อยู่ตรงกลาง คล้ายกับขนมโดนัท ปลาจะเริ่มผสมพันธุ์ วางไข่ในตอนใกล้รุ่ง หลังจากก่อหวอด 7 – 10 วัน ก็รวบรวมลูกพันธุ์ขึ้นมาอนุบาลต่อไป
ส่วนการเพาะพันธุ์โดยวิธีฉีดฮอร์โมนผสมเทียม ได้มีผู้ทำการทดลองฉีดฮอร์โมน Suprefect + Motilium ในระดับต่าง ๆ กัน ปรากฎว่าปลาไม่มีการวางไข่แต่อย่างใด

การอนุบาลลูกปลาวัยอ่อน แบ่งได้เป็น 2 ระยะ

  1. อนุบาลลูกปลาวัยอ่อน ขนาด 5 เซนติเมตร ทำได้คือ นำลูกปลาวัยอ่อนอายุ 7 – 10 วัน ที่ฟักออกเป็นตัวไปอนุบาลในกะละมังพลาสติก กลมปล่อยอัตราความหนาแน่น 350 ตัว/ตารางเมตร ใส่น้ำลึก 15 เซนติเมตร ใส่ต้นผักตบชวาหรือจอก เพื่อให้ลูกปลาเกาะ ควรมีการถ่ายเทน้ำ 2 – 3 วัน/ครั้ง
    อาหารใช้ไรแดงให้กินวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็นพร้อมฝึกให้กินอาหารสมทบ โดยฝึกให้กินอาหารผงสำเร็จรูป (Powder feed) โดยปั้นเป็นก้อน ๆ ใช้ระยะเวลา 2 สัปดาห์ ควรมีการคัดขนาดเพื่อช่วยลดการกินกันเอง
  2. การอนุบาลลูกปลาไหลนา จากขนาด 5 ซ.ม. – 10 ซ.ม. เมื่ออนุบาลปลาจนได้ขนาด 5 เซนติเมตร ปลาจะมีขนาดปากที่กว้างขึ้น ลดไรแดง และให้อาหารสมทบวันละ 2 มื้อ เช้า-เย็น โดยปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ ปรับปริมาณ อาหารที่ให้ทุกสัปดาห์ เพื่อให้เพียงพอกับ จำนวนลูกปลา นอกจากนี้อาจผสมน้ำมันปลาหมึก เพื่อช่วยดึงดูดลูกปลาให้กินอาหารได้ดีขึ้นและ ควรมีวัตถุที่หลบซ่อน โดยใช้ท่อพีวีซีหรือท่อพลาสติก โดยตัดเป็นท่อนยาวประมาณ20 เซนติเมตร บ่อละ 3 – 5 ท่อน เนื่องจาก ลูกปลาค่อนข้างตกใจง่าย เมื่อมีเสียงดัง ๆ หลังจากเลี้ยงลูกปลาไหลประมาณ 6 สัปดาห์ ก็จะได้ปลาขนาด 10 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 1 – 2 กรัม สามารถแยกลงบ่อเลี้ยงต่อไป

การเลี้ยงปลาขนาดตลาด
การเลี้ยงปลาไหลนาให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการนั้น สามารถเลี้ยงได้ในบ่อซีเมนต์ และท่อซีเมนต์กลมโดยมีวิธีการ คือ

  1. แบบเลียนแบบธรรมชาติ โดย
    1.1 ใส่ฟางข้าวหนาประมาณ 30 เซนติเมตร
    1.2 ดินทับหนา 10 เซนติเมตร
    1.3 น้ำสูงกว่าผิวดิน 10 เซนติเมตร
    หมักฟางข้าวไว้ 1 – 2 สัปดาห์ หากมีการเน่าควรมีการถ่ายน้ำทิ้งบ้างแล้ว เติมน้ำใหม่ลงไป เพื่อให้เกิดไรแดง หนอนแดง แล้วจึงนำปลาขนาดน้ำหนักตัวประมาณ 30 – 40 ตัว/กิโลกรัม ลงปล่อยในอัตราความหนาแน่น 30 – 40 ตัว/ตารางเมตร หากเป็นท่อซีเมนต์กลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.0 เมตร ใส่ประมาณ 100 ตัว โดยคัดขนาดปลาขนาดเท่า ๆ กันก่อน
    1.4 เติมฟางข้าวทุกเดือน ๆ ละ 1 ครั้ง
    1.5 ให้อาหารสมทบวันละ 2 – 3 เปอร์เซ็นต์ ปั้นเป็นก้อนวันละมื้อในช่วงเย็นเลี้ยง ประมาณ 6 8 เดือน จะได้น้ำหนักปลาขนาดตัวละ 200 กรัม ให้ผลผลิต 20 – 30 กิโลกรัม/ ตารางเมตร อัตราการรอดตาย 70-80 เปอร์เซ็นต์ อัตราการแลกเนื้อ (FCR) เท่ากับ 1:4.5
  2. แบบพัฒนา(Intensive) โดยสามารถเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ ขนาดตั้งแต่ 1050 ตารางเมตร โดยปล่อยลูกปลาไหลขนาด 10 กรัม ในอัตราส่วน 150 200 ตัว/ตารางเมตร มีการถ่ายเทน้ำได้สะดวก มีการให้ออกซิเจนตลอดเวลา รวมทั้งจัดที่หลบซ่อนให้ปลาไหล ส่วนอาหารใช้ปลาเป็ดสดหรือปลาข้างเหลืองผ่าแยกออกเป็นสองซีกคลุกเคล้ากับน้ำมันปลาหมึก วางให้ลูกปลาไหลกินเป็นจุด ๆ โดยใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 6 7 เดือน

plalainaa

ข้อควรระวังในการเลี้ยงปลาไหลนา
การรวบรวมพันธุ์ปลาจากธรรมชาติ เข้ามาเลี้ยงควรระมัดระวังในเรื่องการลำเลียง ไม่ควรให้หนาแน่นมากเกินไปปลาจะบอบช้ำได้
ควรคัดปลาขนาดเดียวกันลงเลี้ยงรวมกันเพื่อลดปัญหาการกินเองโดยเฉพาะในปลา อายุต่ำกว่า 2 เดือน
พื้นบ่ออนุบาลควรฉาบผิวให้เรียบป้องกันปลาเป็นแผลถลอกได้
ฟางข้าวที่ใช้เพื่อการเลี้ยงควรเป็นฟางข้าวที่แห้ง
บ่อควรมีร่มเงาบังแสงแดดบ้าง

  • เนื่องจากปลาไหลนาตื่นตกใจง่าย ชอบอยู่ที่เงียบสงบ การมีสิ่งเร้าจะทำให้ปลาตกใจ และหยุดกินอาหารได้
  • ถ้าเป็นลูกพันธุ์ปลาที่ได้รวบรวมจากธรรมชาติ ก่อนปล่อยลูกปลาไหลลงในบ่อเลี้ยง ควรแช่ยาฆ่าเชื้อหรือกำจัดพยาธิเสียก่อน
  • ลูกปลาไหลนาที่มีขนาดความยาวประมาณ ๑๐ เซนติเมตร เกษตรกรควรเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกปลาไหลตาย
  • ปลาไหลนาที่มีขนาดความยาวประมาณ ๑๐ เซนติเมตร โดยทั่วไปจะพบว่ากล้ามเนื้อบริเวณโคนหางตาย ควรจับออกและใส่ยากันเชื้อราบ้าง
  • อาหารที่ใช้เลี้ยงปลาไหล เกษตรกรควรผสมวิตามินรวม และและควรผสมยาถ่ายพยาธิอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง
  • ทุกๆ ๒ สัปดาห์ ควรคัดขนาดลูกปลาไหลนา โดยในบ่อเลี้ยงแต่ละบ่อ ควรมีขนาดของปลาไหลนาที่ใกล้เคียงกัน

ที่มา
ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดปัตตานี

ป้ายคำ : ,

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด สัตว์

แสดงความคิดเห็น