โฮมสเตย์ คือการที่เราไปพักกับชาวบ้าน โดนการที่เจ้าของบ้านแบ่งบริเวณ ห้อง ให้เราเช่า และเขาจะดูแล เราทั้งเรื่องอาหาร คำแนะนำการอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ จริงๆแล้ว โฮมสเตย์ มีมากกว่าคำว่า ท่องเที่ยว เพราะนักศึกษาหลายคนที่เดินทางออกไปต่างประเทศ ก็อยู่แบบ โฮมสเตย์ เหมือนกัน ยกตัวอย่าง ประเทศออสเตเลีย ห้ามเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีไปอยู่ ห้องเช่า , บ้านเช่า , หรือโฮมแชร์ เพราะไม่ปลอดภัยสำหรับตัวเด็ก การอยู่แบบ โฮมสเตย์ จะเหมือนมีผู้ใหญ่คอยดูแลเราอยู่ การนำมาประยุคใช้กับเรื่องของการท่องเที่ยว
หลักการโฮมสเตย์จึงเป็นบ้านหลังเดิมที่เพิ่มเครื่องนอนหมอนมุ้ง ถ้วยโถโอจาน และความสะอาด พฤติกรรมเจ้าบ้านเคยเป็นชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา คนตอนต้นไม้ เก็บผลไม้ขาย ก็ให้เป็นอย่างนั้นต่อไป เพิ่มเติมความสดใสด้วยการชวนเชิญญาติผู้มาเยี่ยมเยือนร่วมทำกิจกรรมที่ทำอยู่ด้วย เล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่หรือหมู่บ้านให้ญาติผู้มาเยือนได้รับรู้และจดจำ จะกินต้องช่วยกันหาและทำ จะอยู่ต้องช่วยกันปูและเก็บเครื่องนอน
การท่องเที่ยวในชุมชน (Community Based Tourism) หรือการท่องเที่ยวในชนบท (Rural Tourism )เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น จากแนวคิดของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Conservation Tourism) ที่มองเห็นว่าชุมชนหรือคนในท้องถิ่น เป็นเจ้าของทรัพยากรการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น น้ำตก ภูเขา วัฒนธรรมท้องถิ่น และวิถีชีวิต ชุมชนควรเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และจัดการทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของชุมชน และส่งเสริมให้ท่องเที่ยวเป็นรายได้เสริมของชุมชน คือไม่ได้ทำท่องเที่ยวเป็นอาชีพหลัก นักท่องเที่ยวไม่มาคนในชุมชนก็ยังมีอาชีพ และทำมาหากินตามปกติ แต่ครั้นมีนักท่องเที่ยวหรือแขกมาเยี่ยมเยือน ชุมชนก็สามารถต้อนรับและให้บริการแก่แขกหรือนักท่องเที่ยวได้ ซึ่งชุมชนจะมีแนวคิดว่านักท่องเที่ยวเหล่านั้นเป็นแขกผู้มาพักที่บ้าน (Be a guest, not just a Tourist) ในปัจจุบันการท่องเที่ยวในชุมชน ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น จากนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก (Main Stream) ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่พักสัมผัสวิถีชีวิตชนบทไทย(Home Stay & Village Visit) ถือเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่สำคัญ
มันเริ่มต้นที่ว่า บ้านที่อยู่อาศัย เจ้าของบ้านอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น ไม่ต้องไปต่อเติมแบบแยกหลัง แต่อาจจะเพิ่มห้องหรือขยายบ้านให้หรูหรา ซึ่งผิดไปจากธรรมชาติดั้งเดิมที่ชีวิตความเป็นอยู่เดิมๆของเขา เพียงแต่อาจจะเพิ่มที่นอนหมอนมุ้ง ห้องน้ำห้องสุขาให้สะอาดขึ้น วีถีชีวิตความเป็นอยู่เคยอยู่เคยทำอย่างไรก็อยู่ย่างนั้น อาจต้องเพิ่มเวลาให้กับแขกที่เข้าพักอีกหน่อย เช่นเล่าเรื่องราวในท้องถิ่นหรือวิถีชีวิตการทำกินให้ฟัง
ค่าใช้จ่ายถ้าเป็นโรงแรมก็แยกค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเครื่องดื่ม แต่โฮมสเตย์ เหมาจ่ายเป็นรายหัวที่รวมทั้งที่พัก อาหาร เบ็ดเสร็จในคราวเดียว เป็นรายได้เสริมให้กับชาวบ้านที่เปิดบ้านให้พักค้างและเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน รายได้ตกถึงท้องถิ่นโดยตรง เว้นแต่บ้านที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาบ้านให้เป็นโฮมสเตย์ เที่ยวแบบนี้นักท่องเที่ยวประหยัดเงินได้อีกหลายตังส์ รู้สึกสบายๆ ไม่เครียด นุ่งผ้าขาวม้าเดินเล่นก็ได้
Home Stay ถือเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวพักร่วมกับเจ้าของบ้านซึ่งใช้บ้าน เป็นศูนย์กลางโดยเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรมขนบธรรมเนียม ประเพณี วิถีชีวิตของชุมชนเข้าด้วยกัน ทั้งนักท่องเที่ยวและเจ้าของบ้านมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน ที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม และวิถีชีวิต ด้วยความเต็มใจ พร้อมทั้งจัดที่พักและอาหาร การนำเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง โดยได้รับค่าตอบแทนตามความเหมาะสม การจัดกิจกรรมที่พักสัมผัสวิถีชีวิตชนบท หรือ Home Stay จึงเป็นกิจกรรมทางการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งที่สามารถนำมาพัฒนาชุมชน โดยคนในชุมชนมีส่วนร่วม และได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวทำให้คนในชุมชนร่วมคิด ร่วมทำงานร่วมกัน สร้างความเข้มแข็งของคนในชุมชนเป็นหลัก ผลตอบแทนเป็นเรื่องรอง หรือเป็นแค่รายได้เสริมนั่นเอง
นักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมรีสอร์ทซึ่งใช้ทฤษฎี บริการคืองานของเรา จะกินน้ำสักแก้วก็จะมีคนรินน้ำมาเสิร์ฟ อาหารรอทุกเวลาที่ห้องอาหาร มีบริการเบ็ดเสร็จ ที่นอนปูด้วยความเรียบร้อย ผ้าปูตึงเปรียะ แต่นักท่องเที่ยวที่เข้าพักโฮมสเตย์ซึ่งใช้ทฤษฎี ญาติมาเยี่ยมเยืยน จะกินน้ำสักแก้วก็ต้องลุกไปหากินเอง อยากกินน้ำพริกก็ต้องช่วยกันตำช่วยกันโขก และถึงเวลาจะนอนก็แบกที่นอนไปปูนอนกันได้ตามใจชอบ
Village visit เป็นรูปแบบการท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวในชุมชนใช้หมู่บ้านเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบัน ชุมชนสินค้า OTOP ชุมชนเกษตรกรรม ชุมชนที่มีเอกลักษณ์ในวิถีชีวิต และมีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ และสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ให้กับนักท่องเที่ยวได้ โดยนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าไปในชุมชนอาจพักค้างคืนหรือไม่พักค้างคืนก็ได้
ในโลกยุคเสรีไร้พรมแดนและวิถีการดำรงชีวิตของสังคมเมืองที่มีการแข่งขัน เร่งรีบ ทำให้ผู้คนแสวงหาวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และพอเพียงของสังคมแบบเกษตรและสังคมชนบท เป็นสังคมที่แตกต่างจากสังคมเมือง ซึ่งกิจกรรมท่องเที่ยว Home Stay & Village visit เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ และเข้าใจในวิถีชีวิตที่เรียบง่ายพอเพียง และขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น ขณะเดียวกันคนในชุมชนเองก็ได้ประโยชน์ในแง่การรักษา และดูแลทรัพยากรท้องถิ่นขนบธรรมเนียม ประเพณีท้องถิ่นและวิถีชีวิตดั้งเดิม กระตุ้นให้คนในท้องถิ่นรักถิ่นฐานบ้านเกิด รวมทั้งมีรายได้เสริม ซึ่งถือเป็นวิถีของการพัฒนาท้องถิ่นบนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและยั่งยืน สิ่งที่สำคัญที่สุดของการท่องเที่ยวในชุมชน คือความเข้มแข็งของชุมชนและสามารถคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของชุมชน นั้น ๆอย่างยั่งยืน
ความหมายของโฮมสเตย์ ( Home Stay)
ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท (Home Stay) หมายถึง บ้านพักที่อยู่ในชุมชนชนบทที่มีประชาชนเป็นเจ้าของบ้าน และประชาชน หรือสมาชิกในครัวเรือนอาศัยอยู่ประจำ และบ้านนั้นเป็นสมาชิกของกลุ่ม / ชมรม หรือ สหกรณ์ที่ร่วมจัดกันเป็นโฮมสเตย์ในชุมชน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าพักร่วมกับเจ้าของบ้านได้ ซึ่งสมาชิกในบ้านมีความยินดีและเต็มใจที่จะรับนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งถ่ายทอดประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นแก่นักท่องเที่ยวและพานักท่องเที่ยว เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่างๆเช่น เล่นน้ำตก ขี่จักรยาน นั่งเรือ เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
การจัดการโฮมสเตย์เบื้องต้น
หลักการของโฮมสเตย์ เป็นเรื่องที่สำคัญที่ทุกฝ่ายตั้งแต่รัฐบาลไปจนถึงชุมชน จะต้องเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อมิให้การส่งเสริมและพัฒนาเกี่ยวกับโฮมสเตย์หลงทาง และก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ประการแรก ต้องไม่ถือเป็นนโยบายว่าจะต้องมีโฮมสเตย์เกิดขึ้นในทุก ๆ หมู่บ้าน แต่ต้องคำนึงถึงความพร้อม ความรู้ความเข้าใจของชุมชนเป็นสำคัญ และชุมชนต้องมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดยเน้นจุดขายอยู่ที่วิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าสนใจ และให้เข้าใจตั้งแต่เริ่มแรกว่า การท่องเที่ยวนี้จะเป็นเพียงรายได้เสริมมิใช่รายได้หลักของชุมชน
โดยสรุปชุมชนต้องมีความเข้มแข็งมีความรู้เท่าทันสิ่งที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง และเข้าใจวัตถุประสงค์ของสิ่งที่ตนกำลังดำเนินการ เนื่องจากโฮมสเตย์ หรือที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บ้านพักในชุมชน ดังนั้น การจัดการเกี่ยวกับที่พัก จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ชุมชนหรือเจ้าของบ้านต้องมีหลักและแนวทางในการปฏิบัติ ซึ่งอาจเรียกว่าบัญญัติ10 ประการ ดังนี้
แนวทางของโฮมสเตย์หรือบัญญัติ 10 ประการ ดังกล่าวข้างต้นจะเห็นว่าเกี่ยวข้องกับการจัดบ้านพัก 5 ข้อด้วยกันได้แก่ 1,2,3,4, และ 10 ส่วนข้ออื่น ๆ กล่าวถึงสภาพแวดล้อมที่เป็นสิ่งดึงดูดใจของ
นักท่องเที่ยว และเป็นกิจกรรมที่ชุมชนจัดให้นักท่องเที่ยว โดยกิจกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของชุมชนอย่างแท้จริง มิใช่เป็นการจัดฉากแต่อย่างใด
เกือบทุกประเทศจะมี โฮมสเตย์ ให้นักท่องเที่ยวได้อาศัยกัน โดยจะมีการคัดเลือกหรือมีกฏ ที่เจ้าของ โฮมสเตย์ ต้องปฏิบัติแตกต่างกันไปของแต่ละประเทศ นักท่องเที่ยวที่เลือก เช่าบ้านแบบ โฮมสเตย์ จะได้สัมผัสกับวิถึชีวิต ของชาวบ้านในพื้นที่อยากแท้จริง ได้กินอาหารพื้นบ้าน กิจกรรมของพื้นที่ สรุปคือเรสามารถเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านที่เราไปพักแตกต่างกันไป