ผล มีศรี คนต้นแบบด้านเกษตรผสมผสาน

นายผล ถือเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการทำงานของชุมชนคนหนึ่ง จนในเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2551 นายผลหรือที่เรียกกันว่า พ่อผล ได้รับการเชิญชวนให้เป็น หนึ่งในคณะทำงานของโครงการรักษ์ป่าฯ จากประสบการณ์ และความรู้ที่เหมาะสม มีหน้าที่การให้ความรู้ที่เกี่ยวกับการเกษตร ทั้งในเรื่องการทำนา การปลูกไม้ยืนต้น โดยเฉพาะการปลูกยางพารา การเลี้ยงสัตว์ การปลูกหญ้าแฝก และการทำบัญชีครัวเรือน

นอกจากนี้ ในฐานะปราชญ์ผู้รู้ ปัจจุบัน พ่อผลมีประสบการณ์ความรู้มากพอที่จะถ่ายทอดให้กับครัวเรือนอาสาได้ ในเรื่องของการปลูกยางพารา การใช้ปุ๋ยหมัก ควบคู่กับปุ๋ยเคมี อีกทั้ง ในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบัน พ่อผล มีองค์ความรู้ที่สามารถถ่ายทอด และหนุนเสริมให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ได้ อาทิ การเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน และเลี้ยงแบบอินทรีย์ รวมทั้ง ยังสามารถพัฒนาสายพันธุ์เองได้อีกด้วย อาทิ การผสมข้ามสายพันธุ์หมูระหว่างหมูป่า และหมูบ้าน การอนุรักษ์พันธุ์ไก่พื้นบ้าน 3 สายพันธุ์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันนี้ พ่อผลยังสามารถเลี้ยงวัว และหมูหลุม เพื่อใช้มูลในการทำปุ๋ยหมักใช้เองได้อีกด้วย โดยซื้อเพิ่มเป็นบางส่วนเท่านั้น

polmesritrain

ด้วยการพัฒนา และสั่งสมองค์ความรู้ในเรื่องการเกษตรผสมผสานเหล่านี้ ปัจจุบันทำให้ พ่อผล ได้รับการเชิญให้เป็นวิทยากรต่างๆ จากหลากหลายหน่วยงาน จนได้รับรางวัลต่างๆ มากมายจำนวน 27 รายการ ได้รับการยกย่องให้เป็นครูยางกิตติมาศักดิ์ อีกทั้งปัจจุบัน ที่ศูนย์การเรียนรู้ (บ้านพ่อผล) มีหน่วยงานและผู้ที่สนใจมาศึกษาดูงานเฉลี่ยปีละ 800-1,000 คน เป็นประจำทุกปี

การดำเนินชีวิตมีการยึดหลักคิด และแบบอย่างของความพอเพียง คือ เห็นว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่ความพอเพียงนั้นเป็นเรื่องที่ยาก หากแต่ เมื่อเริ่มจากเรื่องยากๆ ทุกเรื่องต่อๆ ไปก็จะเป็นเรื่องง่าย ดังนั้นพ่อผลจึงเห็นว่าควรเริ่มเสียตั้งแต่วันนี้ และเริ่มก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องยาก นี่แหละ ในทางกลับกัน การเริ่มจากเรื่องยากๆ (ความพอเพียง) ควรเริ่มทำจากน้อยๆ ไปหามาก ค่อยๆ เปลี่ยน แต่ขอให้ยั่งยืน

ปัจจุบัน การทำสวนผสมผสานของพ่อผลใช้แรงงานในครัวเรือนเป็นสำคัญ โดยพยายามใช้แรงงานที่มีอยู่ในครัวเรือนเป็นเบื้องต้น โดยมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ให้เหมาะสมกับแต่ละคน อีกทั้งปัจจุบัน พ่อผลยังสามารถชักชวนให้ลูกชายที่เคยไปทำงานที่กรุงเทพฯ กลับมาช่วยงานที่บ้านได้สำเร็จ จนทำให้ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง

polmesrikai

โดยในแต่ละวัน พ่อผล กล่าวว่า ทุกคนต้องได้รับการพัฒนาความมีวินัยในการทำงาน และสร้างความรับผิดชอบ โดยการตื่นนอนตั้งแต่ตอน 5 นาฬิกา ทำธุระส่วนตัว และแยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่ แม้แต่หลานสาวก็ต้องฝึกการทำงานบ้านก่อนไปโรงเรียน และแต่ละคนจะต้องทำงานจนแล้วเสร็จในเวลา 17 นาฬิกา แล้วก็กลับมาทานข้าวเย็นร่วมกัน พ่อผลเสริมว่าตนได้หลักการนี้เมื่อครั้งไปเป็นทหาร แต่เห็นว่าเป็นประโยชน์และนำมาใช้อย่างน้อยก็ฝึกวินัยให้กับทุกคนในครัวเรือน และทำให้ทุกคนได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครอบครัว

เนื่องจาก ปัจจุบันพ่อผลมีที่ดินทางการเกษตรทั้งหมดกว่า 84 ไร่ และจัดสรรปันส่วนเพื่อปลูกทั้งข้าว ลำไย มะม่วง แฝก และที่สำคัญก็คือ ยางพารากว่า 700 ต้น พ่อผลกล่าวว่า หากต้องใช้เคมีภัณฑ์ทั้งหมดต้องใช้เงินเป็นหลักแสนหลักล้าน ดังนั้น หากว่าต้นทุนทางการเกษตร และสามารถผลิตใช้ หรือจัดการเองได้บางส่วน หรือพึ่งพาตนเอง นั้นเอง เราก็จะลดต้นทุนทางการเกษตร หรือพึ่งพาตลาดได้น้อยลง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น ภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคเกษตร ภาคธุรกิจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ทั้งในด้านการทำงานและการดำเนินชีวิต ซึ่งหากประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง มีความตั้งใจและลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ย่อมจะประสบความสำเร็จ สร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับชีวิต ครอบครัว ชุมชน และองค์กร ตลอดจนสร้างความมั่นคงให้กับประเทศได้อย่างแท้จริง

polmesrimoo

ปัจจุบันบ้านของลุงผล เป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ลุงผล มีศรี ที่มีหน่วยงานและผู้ที่สนใจเดินทางมาศึกษาดูงานเฉลี่ยปีละกว่า 1 พันคนเป็นประจำทุกปี เป็นปราชญ์ชาวบ้านที่ถ่ายทอดให้ความรู้ที่เกี่ยวกับการทำการเกษตรให้กับเกษตรกรและชุมชนต่างๆที่สนใจทั้งในจังหวัดพะเยาและจังหวัดอื่นๆ ทั้งในเรื่องการทำการเกษตรแบบผสมผสาน การอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยการปลูกหญ้าแฝก และหนุนเสริมให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ได้ นำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต โดยลุงผลจะย้ำถึงคติของความสำเร็จของตนให้ผู้อื่นฟังเสมอว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างทำไม่ยาก แต่มันยากตรงที่เราไม่ทำ แต่ถ้าเราทำอย่างตั้งใจ เราขยัน เราซื่อสัตย์ เราประหยัด เราอดทน แล้วทุกอย่างจะสำเร็จ”

ป้ายคำ : ,

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด ปราชญ์ของแผ่นดิน

แสดงความคิดเห็น