การออกแบบพื้นที่เกษตรยั่งยืน บนฐานเกษตรอินทรีย์เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยสร้างระบบการเกษตรที่ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ
เช่น สภาพพื้นที่ สภาพอากาศ ความต้องการของพืชและสัตว์ ตลอดจนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ต่อไปนี้เป็นแนวทางการออกแบบพื้นที่เกษตรอินทรีย์:
- ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน
- สภาพพื้นที่: ศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ดิน น้ำ และสภาพอากาศของพื้นที่
- ความต้องการของพืชและสัตว์: เลือกพืชและสัตว์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและตลาด
- ศึกษาภูมิสังคม ผู้คน ชุมชน โครงสร้างสังคม วัฒนธรรมและประเพณี ความเชื่อ และเศรษฐกิจชุมชน
- กฎหมายและข้อกำหนด: ตรวจสอบกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ที่ดินและการทำเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่
2. เลือกวิถึเกษตรที่เราต้องการ
- เกษตรยังชีพ การใช้ชีวิตบนวิถีเกษตร โดยใช้การทำเกษตรเป็นสิ่งตอบสนองความต้องการทางสังคม รักษาสิ่งแวดล้อม เป็นพื้นที่เรียนรู้ พื้นที่พักผ่อน หรือใช้ประโยชน์จากกิจกรรมการทำเกษตร
- เกษตรเลี้ยงชีพ ใช้การทำเกษตรเป็นอาชีพ ตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจ ให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว
3. ออกแบบระบบนิเวศเกษตร ในระบบเกษตรอินทรีย์
- ระบบวนเกษตร: ปลูกพืชหลายระดับร่วมกับไม้ยืนต้น เพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มรายได้
- ระบบเกษตรผสมผสาน: รวมกิจกรรมการเกษตรหลายอย่าง เช่น ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และการประมง ในพื้นที่เดียวกัน
- ระบบเกษตรทฤษฎีใหม่ โคกหนองนา : เกษตรที่พิจารณาการจัดการพื้นที่ให้เหมาะสมกับการจัดการน้ำ ในระบบ น้ำ 30: นา 30 : ป่า 30 : บ้าน 10 ส่วน
- ระบบเกษตรธรรมชาติ : การเกษตรที่พึ่งพาอาศัยธรรมชาติในการบริหารจัดการพื้นที่
- ระบบเกษตรอินทรีย์ประยุกต์ เช่น เกษตรฟื้นฟู เกษตรพลวัตร ป่าครอบครัว สวนสมรม ไร่นาป่าผสม
4. วางแผนการใช้พื้นที่
- แบ่งโซนพื้นที่: จัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ เช่น พื้นที่ปลูกพืช พื้นที่เลี้ยงสัตว์ พื้นที่เก็บน้ำ และพื้นที่อยู่อาศัย
- การจัดการน้ำ: ออกแบบระบบน้ำ เช่น สระน้ำ คลองส่งน้ำ หรือระบบน้ำหยด เพื่อให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอและประหยัด
- การป้องกันลมและแสงแดด: ปลูกต้นไม้หรือสร้างแนวกันลมเพื่อป้องกันความเสียหายจากลมแรงและแสงแดดจัด
5. เลือกพืชและสัตว์ที่เหมาะสม
- พืช: เลือกพืชที่เหมาะสมกับสภาพดินและอากาศ เช่น พืชท้องถิ่นหรือพืชที่ทนทานต่อโรคและแมลง
- สัตว์: เลือกสัตว์ที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพแวดล้อม เช่น เลี้ยงไก่ในสวนผลไม้หรือเลี้ยงปลาในนาข้าว
- จัดการดินและน้ำอย่างยั่งยืน
- ปรับปรุงดิน: เพิ่มอินทรียวัตถุในดินด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และพืชคลุมดิน
- ป้องกันการชะล้างพังทลาย: ปลูกพืชตามแนวระดับหรือสร้างคันดินเพื่อป้องกันการชะล้างของดิน
- จัดการน้ำ: สร้างระบบเก็บน้ำและระบายน้ำเพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดปี
6. ออกแบบระบบการผลิต
- การปลูกพืช: วางแผนการปลูกพืชให้เหมาะสมกับฤดูกาลและความต้องการของตลาด
- การเลี้ยงสัตว์: ออกแบบพื้นที่เลี้ยงสัตว์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมและความต้องการของสัตว์
- การแปรรูปผลิตภัณฑ์: ออกแบบพื้นที่สำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร เช่น การทำปุ๋ยหมักหรือการแปรรูปอาหาร
7. สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ
- ปลูกพืชหลายชนิด: เพื่อลดความเสี่ยงจากการเสียหายของพืชหลักและสร้างระบบนิเวศที่สมดุล
- อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ท้องถิ่น: เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่น
8. ออกแบบระบบพลังงานและของเสีย
- พลังงานทดแทน: ใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานชีวมวลเพื่อลดต้นทุนและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล
- จัดการของเสีย: นำของเสียจากฟาร์มมาใช้ประโยชน์ เช่น การทำปุ๋ยหมักจากเศษพืชและมูลสัตว์
9. ทำแผนผังแปลง พื้นที่เกษตรอินทรีย์
- ตรวจสอบและเปรียบเทียบกับพื้นที่จริง สำรวจพื้นที่จริง ทิศทางเหนือใต้ออกตก พื้นที่สูงต่ำ ทางไหลของน้ำ ชนิดของดิน น้ำ
- เขียนแผนผังแปลง ตามที่เราต้องการ
10. ลงมือสร้างพื้นที่แปลงเกษตรอินทรีย์
- ปรับพื้นที่
- ปลูกต้นไม้
- ปรับเปลียนตามความเหมาะสม
การออกแบบพื้นที่เกษตรอินทรีย์ต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการผลิตและการรักษาสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่ดีจะช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน เพื่อสร้างระบบการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับธรรมชาติ