กมล พรหมมากเป็นเด็กเร่ร่อนพเนจร อายุ ๒-๓ ขวบ ป่วยไปอยู่กับหลวงตาหิน ที่วัดบ้านโคกพรมเพื่อรักษาโรคผิวหนังพุพองเปื่อยเน่า พ่อแม่หย่าร้างกัน ตั้งแต่อายุ ๕ ขวบ แต่โชคดีสอบชิงทุนเด็กฉลาดระดับอำเภอได้ เมื่อจบ ป.๔ ที่โรงเรียนบ้านโคกพรม ต.โนนไทย อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา กว่าจะเรียนจบชั้น ป.๗ ย้ายโรงเรียน ๔ ครั้ง ประสบการณ์ต่อสู้ชีวิตวัยเด็กเพียบเลย รับราชการครูกรมสามัญศึกษา โรงเรียนโชคชัยสามัคคี เมื่อ ๑ สิงหาคม ๒๕๒๑ ปี ๒๕๒๒ ย้ายไปโรงเรียนครบุรี อ.ครบุรี ปฏิบัติธรรมกับชาวอโศกเมื่อปี ๒๕๒๙ เริ่มใช้ชีวิตคู่ปี ๒๕๓๕ เป็นเวลา ๑๐ ปี ไม่มีบุตร สร้างบ้านเสร็จปี ๒๕๔๕ ลาออกจากราชการครูปี ๒๕๔๗ ไม่มีหนี้สิน ไม่เคยกู้เงินสหกรณ์ครู ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ที่พุทธสถานสีมาอโศก อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดำเนินชีวิตในระบบบุญนิยม ยึดหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง สนใจในกสิกรรมไร้สารพิษ ทดลองทำกสิกรรมที่แปลกออกไป ชอบคิดและทดลองอะไรที่นอกกรอบ และมีอุดมการณ์ของตนเกี่ยวกับกสิกรรมไร้สารพิษว่า “ดินดำ น้ำชุ่ม ต้อง นุ่มลึก”
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “อาหารเป็นหนึ่งในโลก” ความมั่นคงและปลอดภัยด้านอาหาร (Food Security) กำลังเป็นปัญหาของมนุษย์ในยุคนี้ เราจึงควรใส่ใจต่อการผลิตอาหารให้ปลอดภัย และมีปริมาณที่เพียงพอ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง คือ ต้นเหตุการตายของมวลมนุษย์มากที่สุดในโลก เป็นเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและอีกหลายโรคที่ไม่พบเชื้อโรค เราจึงควรใส่ใจให้ความสนใจในเรื่องการปลูกพืชผักผลไม้ด้วยตัวของเราเอง ไม่มีใครรับประกันคุณภาพของอาหาร จากพืชผักผลไม้ ได้ดีเท่ากับตัวเราเป็นผู้ปลูกเอง
ที่อยู่ ๑๔๕ หมู่ ๖ บ้านพะเนา ต.พะเนา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ๓๐๐๐๐
http://k2499.blogspot.com
ป้ายคำ : ปราชญ์, เกษตรอินทรีย์