ไดแคลเซี่ยมฟอสเฟต ใช้เป็นแหล่งในการให้ทั้งธาตุแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส โดยให้แคลเซี่ยม ประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์ และฟอสฟอรัส ประมาณ 12-18 เปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปแล้ววัตถุดิบประเภทนี้จะมีราคาแพงกว่าพวกที่ให้แร่ธาตุแคลเซี่ยมเพียงอย่าง เดียวดังนั้นควรพิจารณาใช้เพื่อเป็นแหล่งในการให้ในการให้ธาตุฟอสฟอรัสให้เพียงพอกับต้องการของสุกรและสัตว์ปีกก่อนและเลือก
ใช้เปลือกหอยป่น หินปูน หรือหินฝุ่นเพื่อเป็นแหล่งให้แร่ธาตุแคลเซี่ยมเสริมแก่สัตว์
เนื้อและกระดูกป่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตต่อเนื่องมาจากโรงฆ่าสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีการฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมาก วัตถุดิบของเนื้อและกระดูกป่นเป็นส่วนที่ถูกแล่ออกมาจากชิ้นส่วนซากที่จะนำไปบริโภค ส่วนที่แล่ออกนี้ได้แก่ มัน เนื้อติดมันบางส่วน เครื่องใน กระดูก ทั้งหมดจะนำไปผ่านกระบวนการผลิตเนื้อและกระดูกป่นที่ใช้อุณหภูมิต้มสูง 133 องศาเซลเซียส เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง โดยใช้ความดัน 1 6.5 บาร์ เพื่อลดการปนเปื้อนเชื้อโรค ผลที่ได้จากสิ่งนี้คือไขมันจากสัตว์ซึ่งบีบออกมาจากเนื้อและกระดูกป่น ไขมันนี้จะถูกทำให้บริสุทธิ์มีสีเหลืองใสนำไปใช้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์บริโภค หรือใช้เป็นวัตถุดิบของเครื่องสำอางชนิดต่าง ๆ ส่วนของกระดูกที่แข็งและมีสีขาวเมื่ออบแห้งจะนำไปสกัดได้เจลาตินซึ่งมีราคาสูงใช้ทำแคปซูลของยาหรือสิ่งอื่น ๆ
ในกระดูกป่น วิเคราะห์ผลโดยกรมวิชาการเกษตร พบว่ามีส่วนสำคัญประกอบด้วย ธาตุไนโตรเจน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และแมกนีเซียม คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ดังนี้ 2.15, 0.13, 35.90, 26.45 และ 0.5 ตามลำดับ และมีความเป็นกรด-ด่าง ที่ 6.9 หรือมีค่าเกือบเป็นกลาง จะเห็นว่าในกระดูกป่นมีธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียมอยู่ในปริมาณค่อนข้างสูง เมื่อนำไปเผาจะทำให้คุณค่าทางอาหารของพืชลดลงบ้าง แต่ข้อดีของการเผากระดูกก่อน ช่วยให้ฟอสฟอรัสปลดปล่อยออกมาได้ง่ายขึ้น อีกทั้งได้เถ้าบางส่วนมีฤทธิ์เป็นด่าง เมื่อใส่ลงดินที่เป็นกรด จะช่วยปรับปรุงดินได้ด้วย ทั้งนี้ ธาตุฟอสฟอรัส มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้ต้นให้แตกรากได้ดีขึ้นและเร่งการออกดอกดีขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลระบุว่า อัตราการใช้กับพืชแต่ละชนิดเป็นเท่าใด แต่โดยทั่วไปแล้วนิยมใช้รองก้นหลุมปลูกต้นไม้ ต้นละ 1 กระป๋องนม ก็พอ นี่เป็นเพียงค่าโดยประมาณเท่านั้น สำหรับธาตุแคลเซียม นอกจากช่วยให้ผนังเซลล์ของเปลือกผลเหนียวขึ้น ไม่แตกง่ายแล้ว ยังช่วยลดความเป็นกรดของดินลงได้อีกทางหนึ่ง
ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ผงกระดูกเป็นวัตถุดิบ แร่ที่สามารถใช้สำหรับอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพไม่ดีอาจนำมาใช้เป็นปุ๋ย กระดูกสัตว์คิดเป็นสัดส่วนสำคัญของซากหมูเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 13%, 20.5%, วัวแกะและแม้กระทั่งถึง 40% ยัน ดังนั้นการใช้กระดูกสัตว์เป็นผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์โครงการการประมวลผลที่สำคัญ องค์ประกอบหลักเป็น แคลเซียมฟอสเฟต คอลลาเจนและไขมัน กระดูกป่น, กระดูกป่นสามารถแบ่งออกเป็นดิบ (กระดูกป่นหยาบ), ลอกกาวกระดูกป่น (กระดูกป่นนึ่ง) และกระดูกป่นหางสาม หรือที่เรียกว่ากระดูกดิบปรุงอาหารและกระดูกป่น, กระดูกสัตว์บดก่อนโดยการต้ม 3-8 ชั่วโมงเพื่อขจัดไขมันและน้ำ บางส่วนที่จะทำให้คอลลาเจนและท่อระบายน้ำหลังจากที่อุณหภูมิ 100 ~ 140 C แห้งบดเสร็จสิ้น เพราะมีโปรตีนไขมันมากขึ้นและยากที่จะบันทึก กระดูกป่นนึ่งไม่ได้มีข้อเสียนี้ สายการผลิตจะถูกตั้งค่าถังแรงดันสูงในกระดูกสัตว์ที่ผ่านการอบไอน้ำที่อุณหภูมิ 105 ~ 110 น้ำมัน heating oil ทุกๆกาวเหลวปล่อยชั่วโมงแล้วลบมากที่สุดของไขมันที่ตกค้างและกาวกระดูกแห้งบดเป็น เปอร์เซ็นต์ กระดูกป่นดิบและกระดูกป่นนึ่งประมาณ 23% และ 30% แคลเซียมฟอสฟอรัส 10% และ 14.5% กระดูกมักจะเป็นผงสีขาว, ไม่ละลายในน้ำพืชใช้ช้ามากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินเนื้อปูน แต่ได้เร็วขึ้นในดินที่เป็นกรด สำหรับปุ๋ยขั้นพื้นฐาน ผสมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยหมักนำมาใช้หลังจากที่สามารถปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ ยังสามารถใช้เป็นอาหารสัตว์และยาสีฟันที่มีสารฟอสฟอรัส
ทำ “กระดูกป่น” ใช้เอง….
เพียงเท่านี้ก็ได้ทั้ง “กระดูก + ไขกระดูก” สารพัดสารอาหารอยู่ในไขกระดูก ส่วนเนื้อกระดูกแท้ๆมีแต่แคลเซียม.
ใช้ “กระดูกบดละเอียด” 1 ล. + น้ำ 500 ล. ฉีดพ่นบนพื้นบริเวณทรงพุ่ม 1-2-3 เดือน/ครั้ง
แบบนี้จะประหยัดต้นทุน กับได้คุณภาพกว่าซื้อกระดูกป่นที่มีแต่กากกระดูกแท้ๆ
ที่มา
http://www.kasetloongkim.com/modules.phpname=Content&pa=showpage&pid=1757
ป้ายคำ : ปุ๋ยหมัก, ปุ๋ยหมักชีวภาพ