กระเจี๊ยบแดง มีรสเปรี้ยว นำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาล ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยลดความดันโลหิต ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ทำให้ผู้ป่วยโรคนิ่วในท่อไต ถ่ายปัสสาวะสะดวกขึ้น ผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอาการปวดแสบ เวลาปัสสาวะน้อยลง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L.
วงศ์ MALVACEAE
ชื่ออื่น ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง ส้มปู กระเจี๊ยบเปรี้ยว ส้มพอเหมาะ Jamaica sorrel, Roselle of Rama
ลักษณะของพืช
พืชล้มลุก ลำต้นมีสีแดงอมม่วง ริ้วประดับและกลีบเลี้ยงอวบน้ำ สีแดง รับประทานได้ ใบมีหลายรูปแบบ มักแยกเป็นแฉก รูปหอกปลายแหลม มีขน หูใบรูปยาวแคบ ร่วงง่าย ดอกมีสีเหลืองอ่อนหรือชมพูอ่อน โคนกลีบสีแดง ผลรูปไข่ป้อม มีจงอยสั้นๆ มีขนหยาบสีเหลืองคลุม
ส่วนที่ใช้เป็นยา
สรรพคุณและวิธีใช้ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ทำให้กล้ามเรียบหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ขับน้ำดี ยาระบาย ลดการอักเสบ ต้านไวรัสเริม ไข้หวัดใหญ่ โปลิโอ ต้านยีสต์ ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ ฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจนและปรับระดับภูมิคุ้มกัน เพิ่มกรดยูริคในปัสสาวะ เพิ่มความเป็นกรดของปัสสาวะ
การทดสอบความเป็นพิษ พบว่าเมื่อป้อนสารสกัดกลีบเลี้ยงด้วยน้ำร้อนให้กระต่าย ขนาดที่ทำให้กระต่ายตายครึ่งหนึ่งคือ 129.1 ก/กก.
การขยายพันธุ์ ขยายพันธุด้วยเมล็ด พันธุกระเจี๊ยบแดงที่ใช้ปลูกคือพันธุซูดาน มีเนื้อหนาสีแดงเข้มจนถึงม่วง กลีบเลี้ยงค่อนข้างหนา กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชไวแสง ชอบอากาศร้อน ทนต่อความแห้งแล้ง ไม่ชอบน้ำขัง
สภาพดินฟ้าอากาศ กระเจี๊ยบแดงเป็นกึ่งร้อนหรือเขตร้อน มีกำเนิดในเอเชียใต้ เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิดเป็นพืชวันสั้น ต้องการช่วงแสง 13 ชั่วโมงในช่วงแรก 4 5 เดือนของการเจริญเติบโตเพื่อป้องกันการออกดอกก่อน
การเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อทำพันธุ์ต่อไป
เมื่อกระเจี๊ยบแดงอายุ 180 วัน ก็สามารถทยอยเก็บได้เรื่อยๆ จนหมดต้น โดยเลือกตัดดอกที่มีขนาดใหญ่ก่อน แล้วนำมาคว้านเอาเมล็ดออก ส่วนเนื้อสามารถนำไปตากทำชาหรือแยมกระเจี๊ยบได้ ส่วนเมล็ดให้นำไปตากแดด 3-4 แดด ให้แห้ง เมื่อแห้งให้เอาใส่ในกระสอบแล้วขึ้นเหยียบไปมาเมล็ดก็จะหลุดออกจากกระเปราะ แล้วก็นำออกมาทำความสะอาดโดยการใช้กระด้งผัดเอาเศษละอองฝุ่นต่างๆและเมล็ดที่ไม่ดีออกให้หมด แล้วค่อยเก็บใส่ถุงกระดาษและเขียนชื่อและวันเดือนปีที่เก็บแล้วพับใส่ในถุงพลาสติกเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาอัตราการงอกและลดการหายใจของเมล็ดพันธุ์ให้น้อยที่สุด จะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ได้นานเกิน 2 ปีขึ้นไป
เตรียมดิน อินทรีย์วัตถุ และแปลงปลูก
หมายเหตุ :
เตรียมเมล็ดพันธุ์
เตรียมสารอาหารเสริม
หมายเหตุ :
ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
วิธีปลูก
รองก้นหลุมด้วยกากสะเดา หรือใบสาบเสือ หรือใบยูคาลิบตัส หรือตะไคร้หอม บดป่นตากแห้ง 1 กำมือ ผสมให้เข้ากันดีกับเนื้อดิน แล้วหยอดเมล็ดลงหลุมปลูกโดยตรง หลุมละ 2-3 เมล็ด
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อกระเจี๊ยบแดง
1. ระยะต้นเล็ก
ทางใบ :
ทางราก :
หมายเหตุ :
2. ระยะก่อนออกดอก – ออกดอก – เก็บเกี่ยว
ทางใบ :
ทางราก :
หมายเหตุ :
น้ำกระเจี๊ยบแดง
น้ำกระเจี๊ยบ
เครื่องปรุง
วิธีทำ
ดอกกระเจี๊ยบแดงสด ล้างน้ำให้สะอาด ตัดเอาแต่รอบนอก กลีบสีแดงส่วนกลางแข็งไม่ใช้ หั่นใส่ถ้วย 1 ถ้วยตวง ใส่น้ำ 6 ถ้วยตวง ลงในหม้อ ตั้งไฟต้มให้เดือดจนกระเจี๊ยบเปื่อย จึงกรองด้วยผ้าขาวบางเอากากออกใส่น้ำตาล เกลือ ต้มแล้วจะเหลือประมาณ 5 ถ้วยตวง ตักใส่แก้ว ใส่น้ำแข็งทุบ ดื่มเป็นเครื่องดื่ม หรือแช่ตู้เย็นไว้ดื่ม
ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่ม
เครื่องปรุง
วิธีทำ
นำกระเจี๊ยบแช่ในน้ำปูนใส ใส่เกลือแช่ไว้ 1 คืน แล้วนำมาแช่น้ำเปล่า 1 คืน ให้คืนความเค็มสงขึ้นจากน้ำ เคี่ยวน้ำตาลกับน้ำให้เป็นน้ำเชื่อมแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ใส่กระเจี๊ยบลงแช่ค้างคืน สงขึ้นตากแดด แล้วนำน้ำเชื่อมไปอุ่น แล้วจึงแช่กระเจี๊ยบในน้ำเชื่อม ทำประมาณ 4 วัน จนกระเจี๊ยบใสกรอบ จึงนำมารับประทานได้
แยมดอกกระเจี๊ยบ
เครื่องปรุง
วิธีทำ
ฉีกดอกกระเจี๊ยบเป็นกลีบๆ แกะเอาเมล็ดออก นำกลีบดอกกระเจี๊ยบสดมาต้มกับน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำ 2 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง ใส่หม้อเคี่ยวจนเหนียวเป็นวุ้น ใส่ขวดที่ล้างด้วยน้ำร้อน คว่ำจนแห้ง ใส่แยมกระเจี๊ยบเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับทาขนมปังรับประทาน
ป้ายคำ : ผักพื้นบ้าน, สมุนไพร
ถ้าต้องการซื้อ ปริมาณ 10 ตันขึ้นไป จะติดต่อที่ไหนได้ค่ะ
ถ้าใครสนใจจะขาย ติดต่อ แพรว 081-9449112 คะ
ต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ต้องเป็นกระเจี๊ยบแดงสดที่แคะเม็ดออกแล้วนะ
สนใจติดต่อได้เลยค่ะ