กระเจี๊ยบแดง ลดไขมันในเส้นเลือด

19 พฤษภาคม 2556 สมุนไพร 1

กระเจี๊ยบแดง มีรสเปรี้ยว นำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาล ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยลดความดันโลหิต ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ทำให้ผู้ป่วยโรคนิ่วในท่อไต ถ่ายปัสสาวะสะดวกขึ้น ผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอาการปวดแสบ เวลาปัสสาวะน้อยลง

ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L.
วงศ์ MALVACEAE
ชื่ออื่น ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง ส้มปู กระเจี๊ยบเปรี้ยว ส้มพอเหมาะ Jamaica sorrel, Roselle of Rama

ลักษณะของพืช
พืชล้มลุก ลำต้นมีสีแดงอมม่วง ริ้วประดับและกลีบเลี้ยงอวบน้ำ สีแดง รับประทานได้ ใบมีหลายรูปแบบ มักแยกเป็นแฉก รูปหอกปลายแหลม มีขน หูใบรูปยาวแคบ ร่วงง่าย ดอกมีสีเหลืองอ่อนหรือชมพูอ่อน โคนกลีบสีแดง ผลรูปไข่ป้อม มีจงอยสั้นๆ มีขนหยาบสีเหลืองคลุม

krajeabfag

ส่วนที่ใช้เป็นยา

  • ใบ ละลายเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลำไส้ ทำให้โลหิตไลเวียนดี ช่วยย่อยอาหาร หล่อลื่นลำไส้ ขับปัสสาวะ เป็นยาระบายและบำรุงธาตุ ต้มชะล้างแผล หรือตำฟอกฝี แก้พยาธิตัวจี๊ด
  • ดอก ลดไขมันในเลือด ละลายเสมหะ ขับเมือกในลำไส้ให้ลงสู่ทวารหนัก ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้ไอ ทำให้สดชื่น ลดไข้ ขับน้ำดี แก้พยาธิตัวจี๊ด
  • ผล แก้ความดันโลหิตสูง ลดไขมันในเส้นเลือด แก้กระหายน้ำ แก้นิ่วในไต ในกระเพาะปัสสาวะ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร สมานแผลในกระเพาะอาหาร แก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ดีพิการ แก้ปัสสาวะพิการ แก้เส้นเลือดตีบตัน แก้พยาธิตัวจี๊ด
  • เมล็ด บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ แก้ดีพิการ แก้อ่อนเพลีย เป็นยาระบาย เป็นยาฆ่าพยาธิตัวจี๊ด


สรรพคุณและวิธีใช้
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ทำให้กล้ามเรียบหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ขับน้ำดี ยาระบาย ลดการอักเสบ ต้านไวรัสเริม ไข้หวัดใหญ่ โปลิโอ ต้านยีสต์ ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ ฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจนและปรับระดับภูมิคุ้มกัน เพิ่มกรดยูริคในปัสสาวะ เพิ่มความเป็นกรดของปัสสาวะ
การทดสอบความเป็นพิษ พบว่าเมื่อป้อนสารสกัดกลีบเลี้ยงด้วยน้ำร้อนให้กระต่าย ขนาดที่ทำให้กระต่ายตายครึ่งหนึ่งคือ 129.1 ก/กก.

krajeabpol

การขยายพันธุ์ ขยายพันธุด้วยเมล็ด พันธุกระเจี๊ยบแดงที่ใช้ปลูกคือพันธุซูดาน มีเนื้อหนาสีแดงเข้มจนถึงม่วง กลีบเลี้ยงค่อนข้างหนา กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชไวแสง ชอบอากาศร้อน ทนต่อความแห้งแล้ง ไม่ชอบน้ำขัง
สภาพดินฟ้าอากาศ กระเจี๊ยบแดงเป็นกึ่งร้อนหรือเขตร้อน มีกำเนิดในเอเชียใต้ เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิดเป็นพืชวันสั้น ต้องการช่วงแสง 13 ชั่วโมงในช่วงแรก 4 5 เดือนของการเจริญเติบโตเพื่อป้องกันการออกดอกก่อน

การเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อทำพันธุ์ต่อไป
เมื่อกระเจี๊ยบแดงอายุ 180 วัน ก็สามารถทยอยเก็บได้เรื่อยๆ จนหมดต้น โดยเลือกตัดดอกที่มีขนาดใหญ่ก่อน แล้วนำมาคว้านเอาเมล็ดออก ส่วนเนื้อสามารถนำไปตากทำชาหรือแยมกระเจี๊ยบได้ ส่วนเมล็ดให้นำไปตากแดด 3-4 แดด ให้แห้ง เมื่อแห้งให้เอาใส่ในกระสอบแล้วขึ้นเหยียบไปมาเมล็ดก็จะหลุดออกจากกระเปราะ แล้วก็นำออกมาทำความสะอาดโดยการใช้กระด้งผัดเอาเศษละอองฝุ่นต่างๆและเมล็ดที่ไม่ดีออกให้หมด แล้วค่อยเก็บใส่ถุงกระดาษและเขียนชื่อและวันเดือนปีที่เก็บแล้วพับใส่ในถุงพลาสติกเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาอัตราการงอกและลดการหายใจของเมล็ดพันธุ์ให้น้อยที่สุด จะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ได้นานเกิน 2 ปีขึ้นไป

krajeabdok

เตรียมดิน อินทรีย์วัตถุ และแปลงปลูก

  1. ไถดินเปล่าให้ขี้ไถขนาดใหญ่ ทิ้งตากแดดจัด 15-20 แดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและกำจัดเหง้าวัชพืช
  2. ใส่อินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ + มูลค้างคาว) หมักข้ามปี.ยิบซั่มธรรมชาติ. กระดูกป่น. เศษพืชบดป่น. หว่านทั่วแปลงแล้วไถพรวนอินทรีย์วัตถุคลุกเคล้าลงดินให้ทั่วถึง
  3. ไถยกร่องลูกฟูก สันร่องกว้าง 1-1.20 ม. โค้งหลังเต่าสูงจากพื้นระดับ 30-50 ซม.ร่องทางเดินระหว่างสันแปลงกว้าง 1 ม. ลึก 20-30 ซม.จากพื้นระดับ
  4. คลุมหน้าแปลงด้วยฟางหรือหญ้าแห้งหนาๆ
  5. บ่มดินโดยรดด้วยน้ำ + จุลินทรีย์หน่อกล้วยหรือปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ทุก 5-7 วัน ติดต่อกันนาน 1 เดือน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน กำจัดเชื้อโรค และย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้เป็นฮิวมิค แอซิด
  6. หยอดเมล็ดที่ริมสันลูกฟูกเป็น 2 แถวคู่ตรงกันหรือสลับฟันปลาก็ได้

หมายเหตุ :

  • กระเจี๊ยบแดงมีระบบรากตื้นจึงต้องการดินร่วนมากๆ แนะนำให้ใส่อินทรีย์วัตถุประเภทคงทน เช่น แกลบดิบ ปุ๋ยคอก เศษพืชป่น และสารปรับปรุงบำรุงดิน (ยิบซั่มธรรมชาติ) มากๆ และไถพรวนด้วยจอบหมุน (โรตารี่) หลายๆรอบ
  • ดัดแปลงร่องทางเดินข้างสันลูกฟูกสำหรับปล่อยน้ำ (น้ำเปล่าหรือน้ำสารอาหาร) จากลาดสูงไปหาลาดต่ำเข้าไปหล่อในร่องได้ 1-2 เดือน/ครั้งจะดีมาก
  • ติดตั้งระบบสปริงเกอร์เหนือยอด 30-50 ซม.สำหรับให้น้ำเปล่า น้ำสารอาหาร หรือ สารสกัดสมุนไพรนอกจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของเนื้องานแล้วยังช่วยประหยัดทั้งเวลาและแรงงานอีกด้วย

เตรียมเมล็ดพันธุ์

  • เมล็ดพันธุ์ที่เคลือบสารเคมีกำจัดโรคให้ล้างน้ำจนสารเคมีนั้นออกให้หมดก่อน ส่วนเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้เคลือบสารเคมีไว้ก่อนให้ดำเนินการได้เลย
  • นำเมล็ดแช่ในน้ำเปล่า คัดทิ้งเมล็ดลอย เก็บไว้เฉพาะเมล็ดจม
  • นำเมล็ดจมที่เลือกได้ลงแช่ในน้ำ + ไคตินไตโตซานหรือจุลินทรีย์หน่อกล้วย + ธาตุรอง/ธาตุเสริม นาน 6-12 ชม. นำขึ้นผึ่งลมจนแห้ง แล้วจึงนำไปหยอดในแปลงจริง

เตรียมสารอาหารเสริม

  • ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
  • ให้นมสัตว์สดหรือกลูโคส 1-2 เดือน/ครั้ง หลังจากเริ่มออกดอกแล้ว
  • ให้มูลค้างคาว 1-2 กำมือ/เดือน โดยละลายน้ำรดโคนต้นจะช่วยให้ดอกดกและสีจัดขึ้น
  • ให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน 1 เดือน/ครั้ง จะช่วยให้ต้นไม่โทรม ได้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น

หมายเหตุ :
ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง

krajeabton

วิธีปลูก
รองก้นหลุมด้วยกากสะเดา หรือใบสาบเสือ หรือใบยูคาลิบตัส หรือตะไคร้หอม บดป่นตากแห้ง 1 กำมือ ผสมให้เข้ากันดีกับเนื้อดิน แล้วหยอดเมล็ดลงหลุมปลูกโดยตรง หลุมละ 2-3 เมล็ด

ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อกระเจี๊ยบแดง
1. ระยะต้นเล็ก
ทางใบ :

  • ให้น้ำ 100 ล. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร ทุก 5-7 วันฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบ ลงถึงพื้นพอหน้าดินชื้น ช่วงเช้าแดดจัด
  • ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 3-5 วัน

ทางราก :

  • ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1-2 กก.)ไร่ ฉีดพ่นบริเวณโคนต้นหรือปล่อยไปกับสปริงเกอร์ ทุก 15-20 วัน
  • ให้น้ำพอหน้าดินชื้น ทุก 5-7 วัน

หมายเหตุ :

  • -เริ่มให้เมื่อต้นแตกใบใหม่ 2-3 ใบ

2. ระยะก่อนออกดอก – ออกดอก – เก็บเกี่ยว
ทางใบ :

  • ให้น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 25 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 15-20 ฉีดพ่นพอเปียกใบ
  • ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน

ทางราก :

  • ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (1-2 กก.)/ไร่ 2 รอบ สลับกับ 21-7-14(1-2 กก.)/ไร่ อีก 1 รอบ ห่างกันรอบละ 1 เดือน ด้วยการฉีดพ่นบริเวณโคนต้น
  • ให้น้ำพอหน้าดินชื้น ทุก 20-30 วัน

หมายเหตุ :

  • เริ่มให้เมื่ออายุต้นก่อนออกดอก 5-7 วัน จนถึงเก็บเกี่ยว
  • ให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน เดือนละ 1 ครั้ง

น้ำกระเจี๊ยบแดง
น้ำกระเจี๊ยบ

krajeabnam
เครื่องปรุง

  • ดอกกระเจี๊ยบแดงสด 1 ถ้วยตวง
  • น้ำ 6 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
ดอกกระเจี๊ยบแดงสด ล้างน้ำให้สะอาด ตัดเอาแต่รอบนอก กลีบสีแดงส่วนกลางแข็งไม่ใช้ หั่นใส่ถ้วย 1 ถ้วยตวง ใส่น้ำ 6 ถ้วยตวง ลงในหม้อ ตั้งไฟต้มให้เดือดจนกระเจี๊ยบเปื่อย จึงกรองด้วยผ้าขาวบางเอากากออกใส่น้ำตาล เกลือ ต้มแล้วจะเหลือประมาณ 5 ถ้วยตวง ตักใส่แก้ว ใส่น้ำแข็งทุบ ดื่มเป็นเครื่องดื่ม หรือแช่ตู้เย็นไว้ดื่ม

ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่ม
เครื่องปรุง

  • ดอกกระเจี๊ยบแดงสด 20 ดอก
  • น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
นำกระเจี๊ยบแช่ในน้ำปูนใส ใส่เกลือแช่ไว้ 1 คืน แล้วนำมาแช่น้ำเปล่า 1 คืน ให้คืนความเค็มสงขึ้นจากน้ำ เคี่ยวน้ำตาลกับน้ำให้เป็นน้ำเชื่อมแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ใส่กระเจี๊ยบลงแช่ค้างคืน สงขึ้นตากแดด แล้วนำน้ำเชื่อมไปอุ่น แล้วจึงแช่กระเจี๊ยบในน้ำเชื่อม ทำประมาณ 4 วัน จนกระเจี๊ยบใสกรอบ จึงนำมารับประทานได้

แยมดอกกระเจี๊ยบ
เครื่องปรุง

  • ดอกกระเจี๊ยบสด 1/2 ก.ก.
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  • น้ำ 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
ฉีกดอกกระเจี๊ยบเป็นกลีบๆ แกะเอาเมล็ดออก นำกลีบดอกกระเจี๊ยบสดมาต้มกับน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำ 2 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง ใส่หม้อเคี่ยวจนเหนียวเป็นวุ้น ใส่ขวดที่ล้างด้วยน้ำร้อน คว่ำจนแห้ง ใส่แยมกระเจี๊ยบเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับทาขนมปังรับประทาน

ป้ายคำ : ,

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด สมุนไพร

1 ความคิดเห็น

  1. แพรว
    บันทึก พฤศจิกายน 5, 2556 ใน 17:44

    ถ้าต้องการซื้อ ปริมาณ 10 ตันขึ้นไป จะติดต่อที่ไหนได้ค่ะ
    ถ้าใครสนใจจะขาย ติดต่อ แพรว 081-9449112 คะ
    ต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ต้องเป็นกระเจี๊ยบแดงสดที่แคะเม็ดออกแล้วนะ
    สนใจติดต่อได้เลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น