การปักชำ คือการใช้ส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ราก หรือ ลำต้น ไปปักชำ และส่วนของพืชเหล่านี้จะเจริญงอกงามเป็นลำต้นต่อไป การปักชำเป็นวิธีขยายพันธุ์พืชที่ดีวิธีหนึ่งซึ่งมีข้อดี ขยายพันธุ์ได้ปริมาณมาก ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องอาศัยเทคนิคหรือความสามารถมาก ต้นพืชเจริญเติบโตเร็ว โดยใช้ระยะเวลาไม่นาน และพืชต้นใหม่ที่ได้จะมีลักษณะเหมือนต้นเดิมทุกประการ
ลักษณะของกิ่ง : ใช้ กิ่งแก่ที่มีสีน้ำตาล เป็นกิ่งสมบูรณ์ หรืออายุมากกว่าหนึ่งปีขึ้นไป แต่ยกเว้นที่ตัดออกจากกิ่งตอนมา เพาระกิ่งตอนก็มีอายุเท่ากับแม่ก็ว่าได้ (ไม่ยืดยาวหรือมีข้อห่างหรือกิ่งเล็ก) มีอาหารสะสมมาก เพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับการออกรากและการเจริญของตาเป็นกิ่งใหม่ อาหารในกิ่งนี้ต้องเลี้ยงต้นใหม่จนกว่าจะเลี้ยงตัวได้เอง
การปักชำการปักชำในถุง
ใช้ดินผสมขุยมะพร้าวอย่างละครึ่ง แล้วผสมปุ๋ยคอกอีกประมาณ 2/5 ของดินทั้งกองแล้วนำดินใส่กระถาง รดน้ำให้ชุมเตรียมรอไว้
อุปกรณ์อื่น ๆ ก็มี มีดบางคม หนังยาง ไม้สำหรับค้ำ และถุงพลาสติกใส
ตัดกิ่ง เด็ดใบล่างออก นำปักชำโดยใช้ไม้ขนาดใกล้เคียงกับกิ่งกดลงไปในดินให้เป็นรูลึกประมาณ 2-3 นิ้วแล้ว ปักกิ่งลงไป กดดินผสมเบา ๆ ให้ดินยึดติดแนบกับกิ่ง รดน้ำให้ชุ่ม
นำถุงมาสวมกระถางและปักไม้ค้ำ ดึงถุงขึ้นและมัดด้วยหนังยาง
การอบด้วยถุงพลาสติกนี้ ช่วยให้กิ่งชำมีความสดชื่นมีอายุอยู่ได้นานพอ และมีความแข็งแรงพอจะสร้างรากใหม่ได้ เพราะน้ำที่ระเหยออกจากกิ่ง ยังคงวนเวียนให้ความชุ่มชื้นอยู่ภายในถุง ระเหยหนีไปไหนไม่ได้
ถ้าไม่อบพืชในถุงแบบนี้ กิ่งชำจะเหี่ยวเร็วมาก เพราะน้ำระเหยออกไปได้ และเนื่องจากกิ่งชำถูกตัดขาดออกมาจากต้นแล้ว ไม่มีรากดูดน้ำส่งมาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทดแทนเหมือนตอนที่ยังติดอยู่กับต้น ทำให้กิ่งชำนั้นเหี่ยวแห้งและตายง่าย
ตั้งทิ้งไว้ในที่ร่ม 15 วัน ก็เปิดถุง แต่ให้ตั้งกระถางไว้ในถุงอยู่อย่างนั้น
เพื่อให้กิ่งชำค่อย ๆ ปรับตัวให้ค่อย ๆ คุ้นชินกับอากาศภายนอก หาไม้ค้ำมาปักเพิ่มกันปลายถุงทับกิ่งปักชำหักด้วย
นำถุงไปล้าง ตากแดดแล้วนำกลับมาใช้ในการชำครั้งต่อ ๆ ไปได้ ถ้าถุงขาดหรือมีรูรั่ว อากาศเข้านิดหน่อย ก็ยังใช้ได้
ป้ายคำ : การขยายพันธุ์