ขนุนไม้มงคลของไทยอีกชนิดหนึ่งที่มีรสชาติหอมหวาน ถูกปากนักชิมที่ชอบผลไม้ทั้งหลายมานาน ผลขนุนอ่อนจะมีใยอาหารมาก จึงมีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายทำให้การบีบตัวของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ ทำให้ท้องไม่ผูก สุขภาพดีอาการท้องอืดท้องเฟ้อก็ไม่มีเช่นกัน อีกทั้งรสฝาดของขนุนยังช่วยรักษาอาการท้องเสียได้ด้วย ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อระบบการขับถ่ายของเราอย่างมาก ส่วนขนุนสุกก็มีคาร์โบไฮเดรตในรูปของน้ำตาลมาก จึงทำให้ผู้กินสดชื่น แต่สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานควรหลีกเลี่ยง เพราะจะยิ่งเพิ่มระดับน้ำตาลให้มากขึ้น ส่วนสีต่างๆ ในเนื้อขนุนที่มีสารแคโรทีนยังเป็นสารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน จึงป้องกันมะเร็งที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artocarpus heterophyllus Lam.
ชื่อสามัญ : Jack fruit tree
วงศ์ : MORACEAE
ชื่ออื่น : ขะนู (ชอง-จันทบุรี) ขะเนอ (เขมร) ซีคึย, ปะหน่อย (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) นะยวยซะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) นากอ (มลายู-ปัตตานี) เนน (ชาวบน-นครราชสีมา) มะหนุน (ภาคเหนือ,ภาคใต้) ล้าง,ลาน (ฉาน-เหนือ) หมักหมี้ (ตะวันออกเฉียงเหนือ) หมากกลาง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
นิเวศวิทยา มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินเดียเป็นพืชเศรษฐกิจเมืองร้อนที่ให้ผลมีขนาดใหญ่ที่สุดสามารถ บริโภคทั้งผลดิบและผลสุก นอกจากนี้ยังนำไปแปรรูปเป็นอาหารชนิดต่างๆ มีปลูกทั่วทุกภาคของประเทศไทย
ขนุนเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ สามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพพื้นที่ของประเทศไทย สภาพของดินที่ใช้ปลูกที่เหมาะสมควรมี PH อยู่ระหว่าง 5.5-7.5 ดินควรเป็นดินร่วน หรือร่วนปนทราย มีการระบายน้ำดี อายุการให้ผลจะเริ่มให้ผลเมื่ออายุประมาณ 4 ปี สามารถให้ผลต่อไปได้อย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 25 ปี อายุตั้งแต่เริ่มออกดอกถึงดอกบาน 20-25 วัน หลังดอกบานผลจะแก่เมื่ออายุ 120-150 วัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อต้นเมื่ออายุประมาณ 10 ปี อยู่ระหว่าง 25-30 ผล น้ำหนักต่อผลมีตั้งแต่ 5-50 กิโลกรัม ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต ถ้าเป็นขนุนในฤดูจะเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือน มกราคม-พฤษภาคม และถ้าเป็นขนุนนอกฤดูจะเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ตุลาคม
ออกดอก จะออกปีละ 2 ครั้ง คือ ช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม และเมษายน – พฤษภาคม
ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด ติดตา และทาบกิ่ง
ประโยชน์ ผลอ่อนใช้ปรุงอาหารผลสุกเยื่อหุ้มเมล็ดมีรสหวาน เมล็ดปรุงอาหาร เนื้อไม้ใช้ทำพื้นเรือนและสิ่งก่อสร้าง ครก สากกระเดื่อง หวี โทน รำมะนา ระนาด รากและแก่นให้สีเหลือง ถึงเหลืองอมน้ำตาล ใช้ย้อมผ้าและแพรไหม รากนำมาปรุงเป็นยาแก้ท้องร่วง แก้ไข้ ใบเผาไฟกับซังข้าวโพดให้ดำเป็นถ่าน แล้วใส่รวมกับก้นกะลามะพร้าวขูด โรยรักษาบาดแผล
สรรพคุณ
การปลูกเเละการดูเเลรักษา
วิธีการปลูก
การให้น้ำ
หลังการปลูกถ้าฝนไม่ตกควรรดน้ำทุกวัน หลังจากนั้นถ้าฝนไม่ตกอีกควรรดน้ำประมาณ 3-4 วัน/ครั้ง จนเห็นว่าตั้งตัวดีจึงเว้นการรดน้ำให้ห่างออกไป ในฤดูแล้งนั้นควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ
การปฏิบัติอื่นๆ
หลังจากปลูกไปแล้วเมื่อต้นมีการเจริญเติบโตสูงประมาณ 70 ซม. ควรตัดยอด หรือเด็ดยอดเพื่อให้แตกกิ่งแขนงข้าง แล้วเลือกกิ่งแขนงไว้ประมาณ 3-4 กิ่ง โดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ ทำมุมกว้างกับลำต้น ในปีที่ 2-3 ปล่อยให้กิ่งแขนงที่เลือกไว้เจริญเต็มที่ แต่ถ้ามีกิ่งแขนงย่อยแตกจากกิ่งแขนงใหญ่แน่นเกินไป ให้ตัดกิ่งแขนงย่อยออกบ้าง นอกจากนี้ให้ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรค กิ่งที่ฉีกขาดและแห้ง กิ่งกระโดงออก โดยเฉพาะหลังเก็บเกี่ยวแล้ว
ป้ายคำ : ผลไม้