จันผาเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่หรือไม้ต้นขนาดเล็ก ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปทรงไข่ เมื่อต้นโตจะแผ่กว้าง เปลือกต้นสีน้ำตาลหรือน้ำตาลอมเทา แตกเป็นร่องตามยาว ทรงพุ่มสวย ดอกมีกลิ่นหอม ปลูกเป็นไม้ประธานในสวนหิน ปลูกเป็นกลุ่ม ปลูกประดับในอาคาร สระว่ายน้ำ ริมทะเล ทนลมแรง ทนเค็ม ไม่ทนน้ำท่วมขัง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dracaena loureiri Gagnep
ชื่อวงศ์ AGAVACEAE
ชื่ออื่น ลักกะจันทน์ จันแดง จันทร์แดง
ลักษณะทั่วไป
จันทร์ผา เป็นไม้ป่าประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ จันทร์ผามีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่ง จันทร์แดง หรือลักจั่นจันทร์ผาจัดเป็นไม้ยืนต้น มีความสูงประมาณ 5 – 7 ฟุต ลำต้นแกร่ง เปลือกนอกลำต้นมีลักษณะเกลี้ยงเป็นสีเทานวลลักษณะลำต้นตั้งตรงเป็นลำคล้ายหมาก
ใบของจันทน์ผา จะแตกใบเป็นช่อเฉพาะส่วนยอด ไม่ผลัดใบ รูปทรงไม่แน่นอน อาจจะมีการแตกแขนงออกจากลำต้นใหญ่ได้อีก ลักษณะใบของจันทร์ผาจะมีลักษณะใบเรียวยาว ใบจันทร์ผาจะสีเขียวเข้มปลายใบจะแหลมเป็นรูปหอก ริมใบเรียบเกลี้ยง ส่วนก้านใบจะมีลักษณะเป็นกาบหุ้มซ้อนทับอยู่รอบ ๆ ต้นขนาดของใบจะยาวประมาณ 1.5 – 2 ฟุต มีความกว้างของใบราว 4 – 5 เซนติเมตร ดอกของจันทร์ผาจะออกดอกเป็นพวง โดยแตกออกจากโคนก้านใบคล้ายกับจั่นหมากด้วยเหตุนี้เอง จันทร์ผา จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ลักจั่น หมายถึง ต้นไม้ที่ไม่ใช้ต้นหมากหรือมะพร้าวแต่สามารถออกดอกเป็นจั่นได้อย่างจั่นหมากหรือจั่นมะพร้าว เข้าทำนองว่าคล้ายกับการไปลักจั่นหมากหรือจั่นมะพร้าวมาออกที่ต้นของมันได้นั่นเอง จั่นดอกของจันทร์ผาพวงหนึ่ง ๆ จะมีดอกเล็ก ๆ มากมายหลายพันดอก ในแต่ดอกจะมีกลีบสีขาวเล็ก ๆ จำนวน 6กลีบที่บริเวณกลางดอกจะเป็นจุดสีแดงสด เมื่อดอกบานเต็มที่มีความกว้างดอกประมาณ 0.8 เซนติเมตร ในจั่นดอกจั่นหนึ่ง ๆ จะใช้เวลาการบานดอกนานประมาณ 10-15 วัน
จั่นดอกของจันทร์ผาแต่ละจั่นจะห้อยเป็นพวงระย้ายาว เมื่อดอกแก่และมีการผสมติดก็จะเกิดเป็นผลมีลักษณะเป็นผลกลมเล็ก ๆ ขนาดเท่ากับขนาดของผลมะแว้งผล เมื่อยังอ่อนอยู่จะมีผลเป็นสีเขียว แต่เมื่อผลแก่สุกก็จะกลายเป็นสีแดงสดและจะกลายเป็นสีดำคล้ำ เมื่อผลจันทร์ผาแก่จัดในช่วงที่ผลจันทร์ผาเป็นสีดำคล้ำหรือแก่จัดนี้เองเป็นช่วงที่สามารถนำไปเพาะเพื่อขยายพันธุ์ได้
การขยายพันธุ์จันทน์ผา จะใช้วิธีปักชำก็ได้ เช่น หรือจะใช้วิธีหักต้นไปปักให้ขึ้นเป็นต้นใหม่ได้ จันทร์ผาจัดเป็นไม้กลางแจ้งที่ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมสูง เนื่องจากวงการไม้ประดับนิยมจะนำจันทร์ผาไปตกแต่งสวนหย่อมกันมากนั่นเอง
การปลูกจันทร์ผา ควรปลูกในดินที่ผสมด้วยหินหรือลูกรังให้มาก ดังนั้นในหลุมที่ขุดเตรียมไว้เพื่อปลูกจันทร์ผา จึงควรมีการผสมดินปลูกใหม่ให้เหมาะสมดังกล่าว เพราะถ้าหากปลูกจันทร์ผาโดยวิธีการปลูกลงในดินล้วน ๆ แล้ว ยอดของจันทน์ผาที่เกิดใหม่จะลีบเล็กลง ทั้งนี้เพราะจันทร์ผาเป็นไม้ที่มีรากแข็งแรงและชิบฝังรากลึก ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี การปลูกจันทร์ผาโดยใช้ส่วนผสมที่มีหินหรือลูกรัง จะช่วยรากของจันทร์ผาแข็งแรงและทนแล้งได้ดี
ดังนั้น หากปลูกจันทร์ผาในดินล้วน ๆ รากของจันทน์ผาจะไม่แข็งแรง และมีผลทำให้ยอดลีบเล็กลงได้จากเหตุผลดังกล่าวมานี้เอง เราจึงมักจะพบเห็นจันทร์ผาในธรรมชาติขึ้นอยู่ตามภูเขาสูง ๆ หรือตามเกาะแก่งกลางทะเลที่ห่างไกลจากฝั่ง การขยายพันธุ์จันทร์ผาในสมัยก่อนนิยมใช้วิธีการปักชำโดยการตัดหน่อหรือกิ่งของจันทร์ผาจากต้นเดิมแล้วนำมาปักชำในกะบะเพาะชำ หรือจะใช้วิธีการหักต้นจันทร์ผาไปเพาะชำ หรือปักลงในแปลงปลูกโดยตรง จันทน์ผาก็สามารถจะเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่
การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ดหรือปักชำ
การกระจายพันธุ์ ชอบขึ้นบริเวณแสงแดดจัด ทนแล้ง ลมแรง และทนเค็ม ไม่ชอบน้ำขังแฉะ
ประโยชน์ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ประโยชน์ด้านสมุนไพร แก่นมีรสขมเย็น ใช้แก้ไออันเกิดจากซางและดี บำรุงหัวใจ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้บาดแผล และใช้เป็นส่วนผสมในน้ำยาอุทัย ใช้ทำยาหอม ช่วยบำรุงหัวใจ ดับพิษไข้
ฤดูกาลออกดอก : กรกฎาคม – สิงหาคม
สรรพคุณทางยา : แก่นมีรสขมเย็น ใช้แก้ไออันเกิดจากซางและดี แก้ไข้ทุกชนิด แก้เหงื่อตก กระสับกระส่าย บำรุงหัวใจ ฝนทาภายนอกแก้ฟกช้ำ ฝี บวมบำรุงหัวใจ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้บาดแผล และใช้เป็นส่วนผสมในน้ำยาอุทัย ใช้ทำยาหอม
ป้ายคำ : ไม้ประดับ