การเพาะพันธุ์พืชเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีตอนกิ่ง ปักชำ แต่ขั้นตอนการบำรุงเลี้ยงดูให้รากงอกเติบโตขึ้นมาได้ ต้องประคบประหงมดูแลกันยิ่งกว่าลูกเมีย แต่ ลุงเฉลิม พีรี ปราชญ์ชาวบ้านจากพิษณุโลก ซึ่งสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร นำมาเปิดห้องเรียนประชาชนสอนการขยายพันธุ์พืช ใน งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 56 จัดโดยสำนักงานคณะ กรรมการวิจัยแห่งชาติ มีวิธีการไม่เหมือนใคร…การขยายพันธุ์พืชแบบปักชำ (ควบแน่น)
ไม่จำเป็นต้องเอากิ่งแก่มาชำเหมือนเมื่อก่อน อยากปลูกต้นอะไร มะนาว มะกรูด ชมพู่ สะเดา มะเดื่อ หม่อนบราซิล แค่เอายอดกิ่งอ่อนๆมาชำ แถมทำได้ทีละมากๆ แถมพันธุ์ไม้ไม่กลายพันธุ์ แข็งแรงกว่าการตอนกิ่งปักชำธรรมดา ที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาประคบประหงมให้น้ำใส่ปุ๋ย
การขยายพันธุ์พืชแบบควบแน่น โดยแนวคิดของนายเฉลิม พีรี ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านวัดใหม่ ๗๕ หมู่ ๓ ต.บึงสามัคคี อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร ๐๘๙-๕๖๗๐๕๙๑ วิธีนี้ใช้ได้กับพืชผักและผลไม้ ๓๐ กว่าตัวอย่าง สามารถขยายได้ทีละมากๆ เมื่อเกิดน้ำท่วม หรือลมพัดต้นแม่พันธุ์เสียหาย สามารถใช้วิธีนี้อนุรักษ์พันธุ์พืชได้ การขยายพันธุ์พืชผักพื้นบ้านแบบควบแน่นอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีการที่สามารถลดเวลา ต้นทุน และการดูแลรักษา สามารถกำหนดปริมาณของผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดและการบริโภคได้อย่างแม่นยำ
การขยายพันธุ์มะนาว แบบควบแน่น
องค์ประกอบในการควบแน่นมะนาว มีดังนี้
- ยอดมะนาว ความแก่อ่อน ๔๐ ๖๐%
- น้ำสะอาด
- แก้วพลาสติค ขนาดบรรจุ ๑๐ ออนซ์
- ถุงพลาสติคใสขนาด ๖ x ๑๑ นิ้ว
- ยางวงเส้นเล็ก
วิธีทำ
- เก็บดินจากบริเวณที่มีอินทรีวัตถุน้อย ทำดินให้ร่วนซุย
- พรมน้ำคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วปั้นดู พอติดมือ (กำพอเป็นก้อน)
- นำดินใส่ให้เต็มแก้วพลาสติค โดยแบ่งใส่ ๓ ครั้ง แต่ละครั้งกดดินให้แน่น ระดับ ๘๐%
- ใช้ไม้แหลมหรือกรรไกรเสียบตรงกลางแก้วที่ใส่ดินให้ลึกไม่เกิน ๓ ใน ๔ ส่วนของแก้ว
- ใช้กรรไกรคม ตัดยอดมะนาวตามที่ต้องการ ตัดให้ยาวประมาณ ๑๒ ๑๘ ซม. ข้อสำคัญ อย่าให้แผลที่ตัดเปลือฉีก จะออกรากไม่ดี
- ใช้กรรไกรตัดหนามออกให้หมด ป้องกันหนามแทงถุง ถ้าอากาศเข้าจะออกรากยาก
- นำยอดมะนาวเสียบลงในรูที่เสียบไว้ ให้สุด
- กดดินรอบกิ่งมะนาวให้แน่น อย่าให้หลวม จะออกรากยาก
- นำถุงพลาสติคครอบลงแล้วรัดด้วยยางวงจำนวน ๒ เส้น แล้วดึงก้นถุงให้ยางไปรัดอยู่ที่ขอบปากแก้ว
- นำไปเก็บไว้ในที่ร่มรำไร หลังจากนั้น ๑๕ ๒๐ วัน ให้ตรวจดูราก พอพบรากให้ปล่อยจนรากมีสีน้ำตาลค่อยกลับถุง
การกลับถุง มีวิธีดังต่อไปนี้
- ให้นำถุงออกจากแก้ว ช่วงประมาณ ๑๘.๐๐ น. เพื่อป้องกันความร้อน
- นำถุงออกแล้ว นำแก้วมะนาวที่ออกรากแล้ว ใส่กลับลงไปในถุง (เปิดปากถุงไว้ ไม่ต้องใช้ยางวงรัด)
- ทิ้งไว้ในร่มรำไร ประมาณ ๕ ๗ วัน ค่อยนำแก้วมะนาวออกจากถุง เพื่อให้มะนาวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม
- หลังจากนั้นนำแก้วมะนาวที่ออกจากถุง พักตัวไว้ในร่ม ๗ ๑๐ วัน ค่อยนำไปเพาะในกระถาง หรือนำไปปลูกได้เลย
การขยายพันธุ์วิธีนี้เป็นแนวคิดของ อ.เฉลิม พีรี วิธีนี้ใช้ได้กับพืชผักและไม้ผล 30 กว่าตัวอย่าง และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆแล้วท่านจะได้แบ่งปันองค์ความรู้เพื่อเป็นทานต่อไป
ปัจจุบันนี้ครอบครัวคุณลุงเฉลิม ยังคงกิจกรรมเดิม คือปลูกอ้อยไว้ส่วนหนึ่ง แต่ได้ปรับปรุงสวนส้มโอที่มีอยู่เดิม ให้เป็นส้มโอปลอดภัย แต่มุ่งสู่การผลิตส้มโอแบบอินทรีย์ คือมีเป้าหมายพร้อมเริ่มดำเนินการปรับเปลี่ยนจากการใช้ปุ๋ยเคมี ยาเคมี มาเป็นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ที่เป็นมูลสัตว์ที่ลี้ยงสุกร ไก่ เป็ด โดยเฉพาะการเลี้ยงหมูหลุม จะได้ปุ๋ยอินทรีย์ปริมาณมากพอ ที่จะนำไปใส่ส้มโอ จากนั้นก็มีการผลิตน้ำส้มควันไม้และการผลิตน้ำหมักจากพืชสมุนไพรที่หาได้ในท้องถิ่น มาใช้ทดแทนการใช้สารเคมี นอกจากนั้นยังได้ปรับสวนส้ม เป็นการปลูกไม้ยืนต้นแบบผสมผสาน ร่มเย็น ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
จาการที่ทีมงาน ได้ลงไปพูดคุยกับคุณลุงเฉลิม ก็ทำให้เราได้ทราบว่า เป็นบุคคลที่มีความรู้ ด้านการเกษตรอย่าง ที่รู้จริง พร้อมเป็นคนที่ปฏิบัติจริง เป็นคนที่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้ปรับปรุงพื้นที่รอบๆที่อยู่อาศัย และปรับปรุงสวนส้มโอให้เป็นฐานการเรียนรู้หลายฐาน ปัจจุบันได้เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ที่เป็นแบบอย่างในชุมชน และมีผู้สนใจ มาขอศึกษา และมาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่องในปีหนึ่งไม่น้อยกว่าพันคนแล้วครับ นอกจากนั้นยังมีหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้มาประสานงานแห่งความร่วมมือ เพื่อพัฒนากิจกรรมของลุงเฉลิม เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ อีกด้วย ซึ่งลุงเฉลิม ได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานภาคี พร้อมได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร หลายต่อหลายครั้ง พร้อมยังได้นำความรู้กลับมาพัฒนาฟาร์มของตนเอง จนเป็นที่สนใจของคนที่อยู่ในชุมชนและนอกชุมชน ได้มาศึกษาดูงานและขอรับความรู้อย่างต่อเนื่อง
แต่ก็มีกิจกรรมในฐานการเรียนรู้ที่สนใจ คือฐานการขยายพันธุ์พืชแบบควบแน่น และนำองค์ความรู้การขยายพันธุ์พืชแบบควบแน่น โดยมีวิธีการและขั้นตอนมีดังนี้ครับ
- ขั้นที่ ๑ เริ่มต้นเลือกยอดต้นไม้ที่ต้องการจะขยายพันธุ์ ขีดเส้นใต้ว่า ยอดของต้นไม้ เพราะไม่จำเป็นต้องเป็นกิ่งแก่ แบบที่ใช้ปักชำกันทั่วไป ตัดด้วยกรรไกรหรือมีดคมๆ ให้รอยตัดเป็นแนวเฉียงจะเหมาะสมที่สุด การเลือกยอดไม้ เลือกกิ่งที่มีตาออกที่กิ่งแล้ว ระวังอย่าให้เปลือกบริเวณที่ตัดฉีก หรือมีแผล เพราะจะทำให้รากบริเวณนั้นไม่งอก หรืองอกแต่ไม่ดี
- ขั้นที่ ๒ นำมาปักชำในดินที่เตรียมไว้ แต่ต้องเป็นดินที่ผ่านการเตรียมพร้อม ตามแบบฉบับของลุงเฉลิม พีรี คือดินที่ขุดลึกลงไปจากหน้าดิน ประมาณ ๑๐ ๒๐ ซม. ไม่ใช้หน้าดินหรือดินผสมปุ๋ยใดๆ
- ขั้นที่ ๓ นำดินที่ได้มาพรมน้ำให้พอชุ่ม หากสังเกตง่ายๆพอกำดินแล้งปั้น พอติดมือ นำดินมาใส่ภาชนะที่เราจะใช้ชำยอดไม้ ควรใช่ถ้วยใสขนาดประมาณ ๕-๘ ออนซ์ ให้สามารถมองเห็นได้ว่ารากจากยอดต้นไม้ งอกออกมาหรือยัง กดดินใส่ถ้วยให้แน่นพอประมาณ แต่อย่าให้แน่นจนเกินไป
- ขั้นที่ ๔ ใช้ไม้แหลมกดลงไปในดินให้ลึกประมาณ ๓/๔ ของความสูงของแก้วหรือถ้วยใส สำหรับเป็นรูเพื่อปักยอดกิ่งไม้ลงในดิน
- ขั้นที่ ๕ นำยอดกิ่งไม้ที่ต้องการขยายพันธุ์ปักลงในรูที่เจาะไว้ แล้วใส่ดินกลบ กดให้แน่นพอประมาณ
- ขั้นที่ ๖ นำถุงพลาสติกใสขนาดกำลังพอเหมาะที่สามารถคลุมยอดกิ่งไม้ที่จะชำได้หมด ครอบลงบนยอดกิ่งไม้ แล้วทำการมัดปากถุงกับปากแก้วหรือถ้วยใสด้วยยางวง สำหรับยอดไม้ที่มีหนาม ควรริดหนามตามกิ่งยอดไม้ออกให้หมดเสียก่อน เพราะหนามอาจจะทำให้ถุงพลาสติกเป็นรู กระบวนการ ควบแน่น ที่เร่งตาเร่งใบจะไม่สมบูรณ์
- ขั้นที่ ๗ นำถุงที่รัดยางสนิทแล้วไปวางเรียงไว้ในที่ร่มรำไร หรือในเรือนเพาะชำ สังเกตดูจะเห็นว่าในถุงมีไอน้ำจากการคายน้ำของใบเกาะอยู่ทั่วถุง อันนี้แหละสำคัญเพราะอากาศที่ปิดและไอน้ำจะทำให้กิ่งชำมีน้ำตลอด และไอน้ำจะเร่งตาให้ออกใบใหม่ขึ้นมา เร่งให้ใบเปิด เพื่อรับแสง จะส่งผลให้เกิดการสังเคราะห์เป็นอาหาร เร่งให้กิ่งเกิดราก ทิ้งไว้ประมาณ ๑๕ วัน จะเกิดรากงอกออกมาให้เห็น โดยสังเกตง่ายๆก็หมั่นมองดูที่แก้วหรือถ้วยใสนั่นแหละ
- ขั้นที่ ๘ พอมองเห็นรากออกมีสีขาวๆ จนเป็นรากสีเขียวอมน้ำตาล ก็จะถึงเวลาเปิดถุง มีขั้นตอนตามแบบนักวิจัยชาวบ้านหรือปราชญ์ชาวบ้าน คนเก่งโดยทำการ เจาะช่องที่ถ้วยหรือแก้ว แล้วนำไปแช่น้ำ ดินในแก้วหรือถ้วย จะดูดน้ำเข้าไป เอาแค่พอประมารชักครึ่งหนึ่งของระดับดินในถ้วยหรือแก้วก็พอ จากนั้นแกะถุงออก แต่เพื่อให้กิ่งที่เคยอยู่ในอากาศปิดได้มีโอกาสปรับตัว เมื่อทำการแกะถุงออกแล้วก็ให้กลับถุงเอาถ้วยที่มีกิ่งชำใส่ในถุง แต่คราวนี้ไม่ต้องปิดมักด้วยยางวง แล้วก็นำไปวางเรียงไว้ในร่มรำไร อีกประมาณ ๗ วัน ให้กิ่งชำได้ปรับตัวกับอากาศภายนอก แนะนำให้แกะถุงตอนเย็นๆ เพราะกลางวันหากมีแดดร้อนมาก กิ่งชำอาจจะเหี่ยวเฉาตายได้ จากนั้นก็นำกิ่งออกจากถุง โดยให้นำไปพักไว้อีก ๕-๗ วัน ก็พร้อมที่จะนำไปปลูกได้ สำหรับไม้ที่เหมาะกับกรรมวิธีนี้มีหลายอย่างด้วยกัน ที่ลุงเฉลิมได้ทดลองทำแล้ว ได้แก่ มะนาว มะกรูด ชมพู่ สะเดา มะเดื่อ หม่อนบราชิล ทับทิม แคนา แคป่า มะกอก มะไฟ ตะขบป่า แมงลัก ผักแพ้ว ผักขม เป็นต้น สามารถขยายพันธุ์ได้ครั้งละมากๆตามที่ต้องการ พืชไม่กลายพันธุ์ และมีความแข็งแรงกว่าการตอนกิ่งหรือปักชำแบบธรรมดา
ข้อดีของวิธีการขยายพันธุ์พืชมะนาวโดยวิธีนี้
- ขยายได้ทีละมากๆตามที่ต้องการ
- เกิดน้ำท่วมกะทันหัน หรือ ลมพัดหักให้ใช้วิธีอนุรักษ์มะนาวได้
ศูนย์เศรษกิจพอเพียง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านวัดใหม่ 75 หมู่ 3 ต.บึงสามัคคี อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร