การสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง สามารถแก้ไขปัญหาและยืนได้ด้วยตนเองอย่างมั่นคงนั้น นอกจากต้องมีความรักความสามัคคี การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และความตั้งใจในการเรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังแล้ว ผู้นำที่เข้มแข็งย่อมเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญ ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ชุมชนเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และใช้ศักยภาพของชุมชนได้อย่างเต็มที่
แม่หลวงเล็ก วริษา จิตใหญ่ ผู้นำชุมชนบ้านแป้นใต้ ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง หนึ่งในผู้หญิงเก่งและเป็นผู้นำที่ชุมชนบ้านแป้นใต้ภาคภูมิใจ เล่าว่า ชุมชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพหลัก โดยเน้นปลูกข้าวไว้รับประทานในครัวเรือน และหากมีผลผลิตเพียงพอก็จะส่งขาย ดังนั้นเพื่อเพิ่มผลผลิต ทุกครัวเรือนจึงใช้สารเคมีในการเกษตร ส่งผลให้ผู้คนในชุมชนร้อยละ 90 มีปัญหาสุขภาพ และยังตรวจพบสารเคมีในเลือดในระดับที่อันตราย ชุมชนจึงเริ่มลด ละ เลิกการใช้สารเคมีในการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชผักสวนครัวที่ชุมชนรับประทานเป็นประจำ
การดูแลสุขภาพของชุมชนบ้านแป้นใต้ไม่ได้หยุดเพียงแค่การลดการใช้สารเคมีในการเกษตรเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมให้คนในชุมชนมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว ด้วยการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอย่างข้าวกล้องอีกด้วย จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างชุมชนบ้านแป้นใต้และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด ในเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง หรือปูนลำปาง ที่ใช้แนวทางการบริหารจัดการองค์ความรู้อย่างเป็นระบบของบริษัท ในการส่งเสริมให้ชุมชนบ้านแป้นใต้พูดคุยกันเพื่อตกผลึกถึงปัญหาสุขภาพที่ชุมชนประสบ และแนวทางการแก้ไขที่ชุมชนสามารถทำได้เอง โดยต้องเป็นการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
โรงสีในพื้นที่ชุมชนบ้านแป้นใต้ส่วนใหญ่เป็นโรงสีข้าวขาว เราจึงอยากจัดตั้งโรงสีข้าวกล้อง เพื่อให้ได้ข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมารับประทานภายในครัวเรือน และสามารถส่งขายเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งทางปูนลำปางที่ส่งเสริมชุมชนบ้านแป้นใต้ในการทำวิจัยเรื่อง การฟื้นฟูและอนุรักษ์วิถีการบริโภคอย่างยั่งยืน” ภายใต้โครงการ เอสซีจี รักษ์น้ำเพื่ออนาคต ได้สนับสนุนชุมชนให้จัดตั้งวิสาหกิจชุมชน โรงสีข้าวกล้องเพื่อชุมชนตำบลบ้านสา เพื่อให้ชุมชนของเราเกิดการเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการร่วมกัน และพัฒนาสู่ชุมชนต้นแบบที่สามารถเผยแพร่องค์ความรู้สู่ชุมชนอื่นได้”
“วริษา จิตใหญ่” ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านแป้นใต้ ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง กล่าวว่า ชุมชนบ้านแป้นใต้เป็นชุมชนต้นแบบในการพึ่งพาตนเอง อย่าง “โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์วิถีชีวิตการบริโภคอย่างยั่งยืนบ้านแป้นใต้”
“ถือเป็นโครงการวิจัยสำคัญของชุมชน โดยจะส่งเสริมให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าของพืชผักพื้นบ้าน รู้จักกินอยู่อย่างสุขภาพดี เพราะเดิมทีชาวบ้านหลายคนมีสารพิษตกค้างในร่างกาย จากการทำการเกษตร เพราะขาดความรู้เรื่องสารเคมี ดังนั้นโครงการนี้จึงมาช่วยให้ความรู้และพัฒนาชาวบ้าน โดยเราจะเวียนจัดอบรมกันตามบ้านของผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้าน ทำให้ต้องเจอปัญหาเรื่องการขนย้ายอุปกรณ์การอบรม”
“ดังนั้นเราจึงต้องการอาคารที่สามารถเป็นศูนย์ถาวรที่จะเป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน ซึ่งอาคารศูนย์เรียนรู้และวิสาหกิจชุมชน จะเป็นศูนย์รวมในฝึกอบรม ฝึกวิชาชีพ จัดพิธีกรรมทางศาสนา และกิจกรรมอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะมีพื้นที่ให้ใช้สอยทั้งด้านบนอาคารและด้านล่างอาคารเพราะออกแบบให้ยกพื้นที่สูง ต้องขอบคุณตราช้างที่สร้างอาคารตามรูปแบบการใช้งานที่เราเสนอไป”
แม่หลวงเล็กเล่าต่อว่า เริ่มแรกมีการจัดตั้งคณะทำงาน 16 คน เพื่อบริหารจัดการโรงสีข้าวกล้อง กำหนดกฎระเบียบเบื้องต้น และสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจในชุมชน โดยมีปูนลำปางเป็นที่ปรึกษา และกำหนดค่าสีข้าวให้เป็นไปตามราคาตลาด โดยสีเฉพาะข้าวกล้องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่ดำเนินธุรกิจโรงสีข้าวขาว
โดยข้าวที่ชุมชนบ้านแป้นใต้นำมาผลิตเป็นข้าวกล้องเป็นข้าวอินทรีย์ที่ปลูกในพื้นที่ของชุมชนบ้านสามขา ซึ่งข้าวที่ได้จากการสีจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีเบต้าแคโรทีน สามารถป้องกันมะเร็งและผิวหนังเหี่ยวย่น จึงไม่น่าแปลกใจที่ข้าวกล้องจากบ้านแป้นใต้จะสามารถสร้างรายได้ให้ทั้งชุมชนบ้านสามขาและบ้านแป้นใต้ได้เป็นอย่างดี
จากเดิมที่ผู้คนในชุมชนประสบปัญหาสุขภาพ บ้านแป้นใต้กลายเป็นชุมชนเข้มแข็งที่มีโรงสีข้าวกล้องเป็นของตัวเอง เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนที่เป็นแบบอย่างแนวคิดดีๆ ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนอย่างสร้างสรรค์ สามารถต่อยอดความคิดและสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมได้ และเมื่อชุมชนและสังคมเข้มแข็ง ก็จะสามารถแก้ปัญหาในอนาคตของตนเองได้อย่างยั่งยืน
ป้ายคำ : ศูนย์เรียนรู้