ถั่วแปบเป็นถั่วพื้นบ้านดั้งเดิมที่แข็งแรงทนทานต่อดินฟ้าอากาศและโรคแมลงได้ดีที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดาผักพื้นบ้านของไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งมีความหลากหลายของสายพันธุ์มากที่สุดชนิดหนึ่งอีกด้วย ถั่วแปปบจึงเป็นผักที่ปลูกและบำรุงรักษาได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะใยช่วงฤดูฝนที่ผักอื่นๆ ปลูกได้ยาก
ถั่วแปบมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dolichos lablab Linn. อยู่ในวงศ์มากมาย เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วพู ฯลฯ ภาษาอังกฤษเรียก Lab lab Bean หรือ Hyacinth Bean ภาษาไทยเรียกถั่วแปบหรือถั่วหนัง ถั่วแปบเป็นไม้เถาล้มลุก มีเถาเลื้อยแข็งแรงลักษณะใบเป็น ๓ ใบย่อยบนก้านเดียวกันคล้ายถั่วพู แต่ถั่วแปบมีขนอ่อนตามลำต้นและใบทั่วไป กลีบดอกมีสีขาว ชมพู หรือม่วง แตกต่างไปตามสายพันธุ์ซึ่งมีความหลากหลายมาก ฝักแบนกว้างประมาณ ๒-๔ เซนติเมตร ยาว ๕-๑๐ เซนติเมตร ฝักอ่อน สีเขียวหรือม่วงเมื่อแก่เมล็ดมีสีหลากหลายไปตามสายพันธุ์ ตั้งแต่ครีม น้ำตาลจนถึงแดง เมล็ดกลมผิวเรียบ ถั่วแปบเป็นถั่วที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่แถบร้อน (tropical) ของทวีปเอเชีย รวมทั้งพื้นที่ประเทศไทยด้วยจึงพบว่ามีสายพันธุ์หลากหลายมาก จนอาจกล่าวได้ว่าถั่วแปบเป็นพืชที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์มากที่สุดอย่างหนึ่งในบรรดาผักพื้นบ้านของไทยในปัจจุบัน
อาหาร
ส่วนที่นำมาใช้เป็นผักคือฝักอ่อนของถั่วแปบ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งฝัก เพราะยังมีความอ่อนนุ่ม ฝักอ่อนถั่วแปบนิยมนำมาทำให้สุกก่อนกิน เช่น ใช้เป็นผักจิ้มกับเครื่องจิ้มชูรสต่างๆ จำพวกน้ำพริก ปลาร้า ปลาส้ม ฯลฯ ฝักอ่อนของถั่วแปบ ยังใช้ผัดและแกงได้หลายอย่าง เช่น ภาคกลางใช้แกงส้ม ภาคอีสานใช้แกงซุปเช่นเดียวกับซุปบักมี่ (ขนุนอ่อน)
สมุนไพร
เมล็ดแก่ของถั่วแปบนิยมใช้เป็นอาหารวัวควาย หรือใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคบางชนิดดังปรากฏในตำราสมุนไพรไทยว่า เมล็ดถั่วแปบ : รสมัน แก้ไข้ แก้โรคตา แก้เสมหะในร่างกาย บางตำราระบุว่า เมล็ดถั่วแปบ ใช้บำรุงธาตุและแก้อาการเกร็งด้วย
ประโยชน์ด้านอื่นๆ
ถั่วแปบบางสายพันธุ์ นิยมปลูกเป็นอาหารสัตว์ในทุ่งหญ้า นับเป็นพืชอาหารสัตว์ที่สำคัญชนิดหนึ่ง รู้จักกันดีในชื่อถั่ว Lab lab นอกจากนั้นยังใช้ปลูกคลุมดิน ป้องกันวัชพืชและรักษาความชุ่มชื้นในสวนผลไม้ บำรุงดินเพราะมีปมที่รากจับไนโตรเจนจากอากาศมาเปลี่ยนเป็นปุ๋ยไตเตรดได้ หรือใช้เป็นปุ๋ยพืชสด
ถั่วแปบ (Lablab purpureous) เป็นพืชตระกูลถั่ว มีการเจริญเติบโตรวดเร็วมาก ขึ้นได้ดีในพื้นที่ดินทราย ซึ่งโดยธรรมชาติดินชนิดนี้มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้น้อย แต่เนื่องจากเมล็ดถั่วแปบมีวัสดุคล้ายฟองน้ำ ซึ่งสามารถดูดซับความชื้นจากดินได้ดีกว่าเมล็ดพืชชนิดอื่น ๆ ได้หลายเท่า ทำให้ถั่วแปบงอกได้โดยใช้เวลาน้อยกว่า และอัตราการงอกสูงกว่า นอกจากนั้น ถั่วแปบมีระบบรากลึก ถือว่าเป็นพืชบำรุงดินที่ดีมากชนิดหนึ่ง แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าไมยราบไร้หนาม เพราะต้องปลูกใหม่ทุกครั้ง ไม่สามารถสร้างคลังเมล็ดในดิน เนื่องจากเมล็ดไม่มีการพักตัว
สำหรับวิธีการปลูกทำได้ 2 ลักษณะ คือ การปลูกเดี่ยว และการปลูกร่วมกับพืชอื่น
การปลูกเดี่ยว
ถั่วแปบเป็นพืชที่ปลูกเป็นแถวเป็นแนวได้ง่าย เนื่องจากเมล็ดมีขนาดเท่ากับข้าวโพด สามารถปลูกโดยใช้เครื่องปลูกข้าวโพดได้ การปลูกเพื่อบำรุงดินให้ได้ผล ต้องมีจำนวนต้นประมาณ 25,000 ต้นต่อไร่ จะต้องระยะปลูกระหว่างแถว 50 เซนติเมตร ระหว่างต้น 12.5 เซนติเมตร (ปริมาณเมล็ดที่ใช้ 10 กิโลกรัมต่อไร่)
เนื่องจากถั่วแปบเป็นพืชที่ไวต่อช่วงแสง เช่นเดียวกับไมยราบไร้หนาม คือถั่วแปบมีการเจริญเติบโตทางลำต้นตลอดช่วงฤดูฝน และจะออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม ดังนั้นถ้าจะปลูกถั่วแปบเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ควรปลูกในช่วงวันยาวคือปลายมีนาคมเป็นต้นไป แล้วไถกลบในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงฝนทิ้งช่วง เพื่อทำการปลูกข้าวโพดต้นเดือนกรกฎาคม แต่ถ้าต้องการรวบรวมเมล็ดไว้ใช้ ควรปลูกตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม และเพื่อให้การเจริญเติบโตดีขึ้นและลดปริมาณเมล็ดหญ้าในแปลงปลูก
การปลูกร่วมกับพืชอื่น
ถั่วแปบปลูกร่วมกับข้าวโพดหวานได้ดี โดยปลูกถั่วแปบแซมระหว่างต้นข้าวโพด เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวโพดแล้ว ตัดต้นข้าวโพดพร้อมถั่วแปบนำไปเลี้ยงโคได้ หรือปล่อยให้ถั่วแปบเจริญเติบโตอีก ประมาณ 1 เดือน แล้วไถกลบลงไปในดินเพื่อบำรุงดินต่อไป
ที่มา นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่: 221
ป้ายคำ : ปุ๋ยพืชสด, ผักพื้นบ้าน