ทองกวาว ความงามร้อนแรงแห่งฤดูแล้ง

19 เมษายน 2557 ไม้ยืนต้น 0

ทองกวาวหรือที่รู้จักกันดีในนามสมุนไพรไทยอีกชนิดหนึ่งที่นอกจากจะมีชื่อเรียกว่า ทองกวาว แล้วยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น จอมทอง , ทองกวาวต้น , กวาวก้าว ฯลฯ ทองกวาว นั้นเป็นไม้ยืนต้นขยายพันธุ์ในที่ลาบลุ่มต่ำ ส่วนของ ทองกวาว ที่นิยมนำมาใช้เป็นยา คือ ใบ ดอก ฝัก เมล็ด ราก แถบจะเรียกได้ว่าทุกส่วน

ชื่อ ทองกวาว
ชื่อวิยาศาสตร์ Butea monosperma (Lam.) Taub.
ชื่อวงศ์ FABACEAE (LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE)
ชื่อเรียกอื่น กวาว, ภาคเหนือเรียก ก๋าว , ภาคใต้เรียก จอมทอง , อิสานเรียก กาว ทองธรรมชาติ ทองพรมชาติ ทอง

ลักษณะทั่วไป
ทองกวาวเป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 8 – 20 เมตร เรือนยอดทรงกลมหรือรูปไข่ ทรงพุ่มทึบปานกลาง ผลัดใบ เจริญเติบโตช้ามากเนื่องจากเป็นไม้เนื้อแข็ง เวลาออกดอกใบจะร่วงหมด ดอกสะพรั่งเต็มต้น เป็นไม้ที่ทนต่อสภาพแห้งแล้งทนลมและสภาพดินเค็ม ถ้าปลูกในที่ชื้นหรือใกล้แหล่งน้ำจะไม่ค่อยออกดอก ปลูกจากเมล็ดจะออกดอกเมื่อมีอายุ 8 – 10 ปี โคนลำต้นมีลักษณะเป็นพูพอนเล็กน้อย ลำต้นมักจะบิดงอไม่ตั้งตรง กิ่งก้านจะแตกออกไม่เป็นระเบียบบิดโค้งและห้อยย้อยลงมา ลำต้นเมื่อมีอายุมาก ๆ มักจะเป็นโพรงกลวง

  • เปลือก สีเทาคล้ำแตกเป็นร่องตื้น ๆ ทั้งตามทางยาวและตามขวาง เมื่อแก่มีสีเทาคล้ำ จากนั้นจะแตกเป็นสะเก็ดหลุดลอกออก และเปลือกใหม่จะขึ้นมาแทนที่
  • ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก มี 3 ใบย่อยคล้ายใบถั่ว ออกสลับ ก้านใบ ยาว 25 – 30 เซนติเมตร โคนก้านใบบวม ใบยอดรูปไข่กลับปลายมน โคนสอบ ส่วนอีก 2 ใบ ออกตรงกันข้ามรูปไข่ค่อนข้างกว้างโคนใบเบี้ยว เส้นกลางใบนูนชัดเจน ขอบใบเรียบ ใบกว้าง 10 – 18 เซนติเมตร ยาว 15 – 20 เซนติเมตร
  • ดอก มีสีเหลืองแสดหรือสีส้ม ดอกเดี่ยว คล้ายดอกถั่ว หรือดอกทองหลาง กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันมีขนสีน้ำตาลเข้ม กลีบดอก 5 กลีบ ยาว 5-7 เซนติเมตร ปลายแหลมมน โค้งบิดงอ มีเกสรเพศผู้ 10 อัน ยาว 6 – 8 เซนติเมตร โค้งบิดงอเช่นเดียวกับกลีบดอก ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งก้านและปลายกิ่ง จะออกดอกในระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ – เมษายน
  • ผล เป็นฝักแห้ง สีน้ำตาลอมเหลือง มีขนนุ่ม รูปขอบขนาน แบนบาง สันหนา โค้งงอเล็กน้อย กว้าง 3 – 4 เซนติเมตร ยาว 12 – 15 เซนติเมตร มีเมล็ดอยู่ภายใน
  • เมล็ด ติดอยู่ที่ปลายฝัก รูปร่างเป็นแผ่นแบนบาง สีน้ำตาลคล้ายรูปไต กว้าง 1.0-1.2 เซนติเมตร ยาว 1.5-2.0 เซนติเมตร ฝักหนึ่งมีเมล็ด 1 – 2 เมล็ด

thongkwawbai thongkwawking thongkwaws thongkwawfag
ถิ่นกำเนิด หมู่เกาะอินเดียตะวันตก ประเทศไทยพบได้ทั่วไปในบริเวณพื้นที่ราบลุ่ม ป่าไม้ผลัดใบ ป่าละเมาะ และทุ่งนาที่แห้งแล้ง พบมากทางภาคเหนือ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และกระจัดกระจายตามภาคต่าง ๆ ยกเว้นภาคใต้

ประโยชน์

  • เนื้อไม้ใช้ทำเครื่องเรือนและเครื่องมือการเกษตร เมื่อแห้งจะมีน้ำหนักเบาและหดตัวมาก เปลือกใช้ทำเชือกและกระดาษ ดอกใช้ย้อมผ้า ขับปัสสาวะถอนพิษไข้ เมล็ดบดให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำมะนาวทาแก้คันและแสบร้อน ใบตำพอกฝีและสิว ถอนพิษ แก้ปวด รากใช้ประคบบริเวณที่เป็นตะคริวได้มีการทดลองพบว่าเปลือกมีสารฮอร์โมนคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีคุณสมบัติทางเภสัช
  • เปลือกใช้ทำเชือกและกระดาษ ยางแก้ท้องร่วง ใบตำพอกฝีและสิว ถอนพิษ แก้ปวด ท้องขึ้น ริดสีดวง เข้ายาบำรุงกำลังดอก ถอนพิษไข้ ขับปัสสาวะ ให้สีเหลืองใช้ย้อมผ้า เมล็ด ใช้ขับพยาธิตัวกลม บดให้ละเอียดผสมกับน้ำมะนาวทาแก้คันและแสบร้อน

ในประเทศอินเดียเรียกต้นทองกวาวว่า KAMARKAS มีความหมายว่า กล้ามเนื้อหลังที่แข็งแรงและยืดหยุ่น เพราะสมัยก่อนผู้หญิงอินเดีย มักจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อหลังและในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังการคลอดบุตร จึงใช้ทองกวาวเป็นยาช่วยบำบัดและบำรุงร่างกาย และช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายจากอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะกระดูกเชิงกรานและกล้ามเนื้อให้กระชับมีรูปร่างดังเดิมหลังการคลอดบุตร นอกจากนั้นยังใช้บำรุงผิวพรรณและเพิ่มความงดงามเปล่งปลั่งของร่างกายอีกด้วย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA thongkwawb

ข้อควรระวัง : เนื่องจากหลักฐานทางด้านความเป็นพิษมีน้อย จึงควรที่จะได้ระมัดระวังในการใช้ และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานๆ

ด้านฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา มีรายงาน 2 ฉบับคือ

  • รายงานผลด้านฮอร์โมนเพศหญิง ผู้วิจัยพบว่า ถ้าใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ในขนาดตั้งแต่ 3.2 มก./กก./วัน ขึ้นไปมีผลด้านฮอร์โมนเพศหญิง
  • รายงานเรื่องการสกัดแยกสารไดโซบิวตริน (Isobutrin) และ บิวตริน (Butrin) ซึ่งมีฤทธิ์ป้องกันอันตรายต่อตับเนื่องจากสารพิษ ได้แก่ คาร์บอน เตทตร้าคลอไรด์ และ กาแลคโตซามีน ได้

สารเคมี
สารเคมีที่พบในดอกทองกวาว คือ Pongamin (Karanin), Kaempferol, -sitosterol, Glabrin, Glabrosaponin, Stearic acid, Palmitic acid, Butrin, Isobutrin coreopsin, Isocoreopsin, Sulfurein monospermoside และ Isomonospermoside สารที่พบส่วนใหญ่คือสาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบของสีดอกทองกวาว มีสารที่มีรสหวานคือ glabrin.

thongkwawdok

การขยายพันธุ์ เมล็ด
วิธีปฏิบัติต่อเมล็ดและการเพาะเมล็ด เด็ดปีกแล้วนำไปแช่น้ำเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนจะนำไปปลูก เมล็ดงอกใช้เวลาประมาณ 10 วัน

การดูแล

  • แสง ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
  • น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้ง
  • ดิน ชอบดินร่วนซุย
  • ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2:3 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 3-5 ครั้ง
  • โรค ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นไม้ที่ทนต่อโรคพอสมควร

thongkwawban

ทองกวาวเป็นต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัด เจริญเติบโตได้ดีกลางแจ้งในดินทุกสภาพ โดยเฉพาะดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี ทนต่อสภาพแห้งแล้ง ต้องการน้ำน้อยไม่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงเหมาะสำหรับปลูกประดับสถานที่

ป้ายคำ :

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด ไม้ยืนต้น

แสดงความคิดเห็น