บุญเพ็ง คำเลิศ ภูมิปัญญาด้านเศรษฐกิจพอเพียง

นายบุญเพ็ง ศรีเลิศ เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้ โดยการศึกษาจากประสบการณ์ในการดำเนินชีวิต ด้วยการนำบุคคลในครอบครัว ทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ไปศึกษาดูงาน

จากกลุ่มที่มีความสำเร็จจากลายแห่ง จนประสบความสำเร็จ จึงถ่ายทอดให้กับชาวบ้านโดยการตั้งกลุ่มเกษตรกรและจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงครบวงจรบ้านนาทุ่งพัฒนา

รางวัลที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศการทำไร่นาสวนผสมจากจังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี ๒๕๕๓ ได้รับรางวัลคนดีศรีแผ่นดิน ของหนังสือเส้นทางผู้นำร่วมกับศูนย์ศิลปินและศิลปวัฒนธรรมไทย รางวัลชนะเลิการประกวดผลงานตามหลักปรัชญา

boonpeangkamleadpo

เศรษฐกิจพอเพียง จากสนง.คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร)ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา การถ่ายทอดประสบการณ์ เป็นวิทยากรโครงการพัฒนาพัฒนาศักยภาพกองทุน กข.คจ.เรื่อง การสนับสนุน

boonpeangkamleadp

การประกอบอาชีพ ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นวิทยากรบรรยายให้กับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดศรีสะเกษ เรื่อง การนำปรัชญาเศรษฐกิจพเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นคณะกรรมการภาคประชาสังคมอำเภอขุขันธ์,เป็นคณะ

กรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านประปุนและกศน.อ.ขุขันธ์ ผ่านการอบรมการเลี้ยงปลาระบบอินทรีย์ในบ่อดินของกรมประมง

นายบุญเพ็ง คำเลิศ อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 14 ต.สำโรงตาเจ็น อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า วิธีการทำฟาร์มเลี้ยงหอยเชอรี่ของตนทำอย่างง่ายๆ โดยจะใช้พื้นที่ประมาณ 1 งาน จากนั้น ทำคันนาให้สูงเพื่อป้องกันไม่ให้หอยหนีออกไปและป้องกันน้ำท่วม ทำที่ระบายน้ำให้น้ำไหลตามธรรมชาติ และหว่านข้าวลงไปในช่วงประมาณต้นเดือน พ.ค.ให้ต้นข้าวแข็งแรง

boonpeangkamleadmoo

โดยยึดหลักการง่ายๆ คือ หอยเชอรี่จะไม่กัดกินต้นข้าวที่แก่แล้ว แต่ว่าจะกัดกินต้นข้าวที่ยังอ่อนๆ เมื่อมีน้ำ และต้นข้าวแข็งแรงแล้วก็ไปหาเก็บหอยเชอรี่ในทุ่งนาของตนเอง และของเพื่อนบ้าน เลือกเอาหอยที่ตัวใหญ่พอสมควรเอามาโยนลง

boonpeangkamleadt boonpeangkamleadta

ไปในฟาร์มที่เตรียมไว้ ซึ่งการเลี้ยงหอยเชอรี่ไม่ต้องหาอาหารเลี้ยงหอยแต่อย่างใด หอยจะกินเศษใบไม้ ใบข้าวที่ร่วงลงมา และบางทีตนก็นำเอาเศษผักโยนลงไปให้หอยเชอรี่กินเป็นอาหาร พอช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงน้ำแห้งก็จะเก็บเอาหอยเชอรี่ไปขาย มีราคา กก.ละ 60-70 บาท ทำให้สร้างรายได้ในช่วงว่างเว้นจากการทำนา เป็นรายได้เสริมปีละ 15,000-20,000 บาท เป็นประจำทุกปี

นายบุญเพ็ง กล่าวต่อไปว่า เคยมีชาวบ้านมาดูงานกับตนหลายคณะแต่ไม่ทราบว่านำเอาไปปฏิบัติได้หรือไม่ ซึ่งหากทำได้ก็จะเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยตลาดจำหน่ายจะนำเอาไปขายตามตลาดทั่วไป ซึ่งเนื้อหอยเชอรี่มีโปรตีนสูงถึง 34-53 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 1.66 เปอร์เซ็นต์ ใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง หรือทำน้ำปลาจากเนื้อหอยเชอรี่ ใช้ทำเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด ไก่ สุกร เปลือกก็สามารถปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินได้ ตัวหอยทั้งเปลือกถ้านำไปฝังบริเวณทรงพุ่มไม้ผล เมื่อเน่าเปื่อยก็จะเป็นปุ๋ยทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตเร็ว และได้ผลผลิตดี

ต่อไปนี้ หอยเชอรี่ อาจจะไม่ใช่ศัตรูที่ชาวนาศรีสะเกษหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว เมื่อใช้วิธีการธรรมชาติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาบริหารจัดการก็ทำให้เป็นรายได้เพิ่มขึ้นมาให้แก่ชาวนาได้อีกทางหนึ่ง เป็นวิธีการที่เรียกว่า หอยเลี้ยงคนเพราะว่าคนไม่ต้องหาอาหารเลี้ยงหอยเชอรี่ แต่หอยกลับสร้างรายได้ให้แก่ชาวนาศรีสะเกษได้เป็นอย่างดี

ติดต่อ
นายบุญเพ็ง ศรีเลิศ บ้านเลขที่ ๙๕ หมู่ ๑๔ บ้านาทุ่งพัฒนา ตำบลสำโรงตาเจ็น อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ป้ายคำ :

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด ปราชญ์ของแผ่นดิน

แสดงความคิดเห็น