ผักกาดฮ่องเต้ (Pak Chai) หรือกวางตุ้งฮ่องเต้ เป็นพืชมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ญี่ปุ่นและเอเชียกลาง นำเข้ามาปลูกในไทยเป็นระยะเวลานาน เป็นพืช 2 ฤดู แต่ปลูกเป็นพืชฤดูเดียว ก้านใบมีสีเขียวอ่อน ลักษณะแบน ส่วนโคนก้านใบจะขยายกว้างมาก และหนา เนื้อกรอบ ปลายใบมน ไม่ห่อหัว
ชื่อสามัญ: Pak Chai, Green Pakchoi
ชื่อวิทยาศาสตร์: Brassica Chinensis var. Chinensis Mansf.
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ผักกาดฮ่องเต้เป็นพืชล้มลุก ก้านใบสีเขียวอ่อน ลักษณะแบน ส่วนโคนก้านใบจะขยายกว้างมาก และหนา เนื้อกรอบ ปลายใบมน ไม่ห่อหัว
สรรพคุณทางยา
ผักกาดฮ่องเต้ เป็นผักที่มีวิตามินสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินเอ วิตามินซี นอกจากนั้นยังมีธาตุอาหารพวกแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง นิยมนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ ผัดน้ำมันหอย หรือต้มเป็นแกงจืด รสชาติหวาน และกรอบ
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์
ดอกเป็นสีเหลือง ลำต้นอวบ ใบใหญ่สีเขียว ก้านใบสีเขียวอ่อน ส่วนโคนก้านใบขยายกว้างหนา ปลายใบมน ห่อหัวเล็กน้อย
ดิน/สภาพอากาศที่เหมาะสม
ชอบดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย
คำแนะนำในการปลูก
การดูแลและบำรุงรักษา
การให้ปุ๋ย
ครั้งที่ 1 ใส่รองพื้นก้นหลุมหรือใส่ผสมดินลงไปในแปลงก่อนย้ายกล้าลงปลูกผสมกับดินให้เข้ากัน ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อต้นพืชอายุได้ 7-14 วัน, ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้ว(ให้สังเกตพืชด้วยว่าปุ๋ยหมักเพียงพอกับความต้องการหรือไม่อาจจะให้เพิ่มอีกได้)
การกำจัดวัชพืชและพรวนดิน เมื่อมีการถอนหญ้าให้พรวนดินโดยรอบต้นด้วย โดยให้สังเกตภายในแปลงตามความเหมาะสม
การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ให้พอเหมาะกับพืชไม่ควรให้แห้งหรือแฉะมากเกินไป (ให้คอยสังเกตที่ดินปลูก)
โรค แมลง มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงมารบกวนน้อย เช่น หมัดกระโดด หนอนใยผัก ควรใช้วิธีกำจัดโดยใช้มือ หรือสมุนไพรนำมาหมักแล้วฉีดพ่นทุก 5-7 วัน
ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว
ผักกาดฮ่องเต้จะสามารถเก็บเกี่ยวกินหรือขายได้เมื่ออายุ 30 วันหลังย้ายปลูก
การเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อทำพันธุ์ต่อไป
เมื่ออายุ 90 วัน ฝักก็จะเริ่มแห้งสีเหลืองแก่ไปจนถึงสีน้ำตาล ก็สามารถทยอยตัดต้นผักกาดได้ โดยตัดแล้วกำเป็นกำๆ โดยใช้ตอกมัด แล้วใช้กระสอบรองตากเพื่อป้องกันเมล็ดร่วง ใช้เวลาตาก 2-3 แดด เมื่อแห้งแล้วให้เอาผักกาดแต่ละกำมาฟาดและใช้มือขยี้ช่วยในกระสอบเมล็ดก็จะหลุดออกจากกระฝัก จากนั้นก็นำมาผัดกับกระด้งทำความสะอาดผัดเอาฝุ่นละอองเศษกากต่างๆ ออกให้หมดแล้วใช้ตะแกรงร่อนทำความสะอาดอีกรอบ แล้วค่อยเก็บใส่ถุงกระดาษและเขียนชื่อและวันเดือนปีที่เก็บแล้วพับใส่ในถุงพลาสติกเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาอัตราการงอกและลดการหายใจของเมล็ดพันธุ์ให้น้อยที่สุด จะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ได้นานเกิน 2 ปีขึ้นไป
ที่มา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ป้ายคำ : ผักสลัด