ผ่าน ปันคำ เกษตรอินทรีย์เพื่อสังคม

ปราชญ์ชาวบ้านแห่งเมืองเชียงราย “นายผ่าน ปันคำ” ผู้อุทิศตนพัฒนาเกษตรกรรมธรรมชาติ เกษตรอินทรีย์ ให้เป็นแหล่งอาหารที่ปลอดภัย เพื่อชาวบ้านมีสุขภาพดี

นายผ่าน ปันคำ เกษตรกรชาว จ.เชียงราย ที่ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่กู้ยืมมาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จ.เชียงราย แต่ประสบปัญหาความไม่คุ้มทุนด้วยราคาค่าปุ๋ย ค่ายาสูงขึ้น ขณะที่ราคาผลผลิตตกต่ำ ไม่สามารถชำระเงินกู้คืนได้ จึงเริ่มแก้ปัญหาให้ตัวเองด้วยทำบัญชีครัวเรือน และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น กระทั่งพ้นภาระหนี้ได้สำเร็จ “จึงตัดสินใจเริ่มเรียนรู้การทำเกษตรแบบลดต้นทุน ที่ไม่พึ่งสารเคมี หรือเกษตรอินทรีย์ และชวนเพื่อนเกษตรกรในชุมชน ร่วมเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ส่วนตัวผมก็เปิดบ้านเป็นศูนย์เรียนรู้วิทยาการด้านเกษตรกรรมธรรมชาติ ถ่ายทอดประสบการณ์ อีกทั้งรวมกลุ่มเพื่อนเกษตรกรก่อตั้งโรงเรียนชาวนาเกษตรยั่งยืน ต.ศรีเมืองชุม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในปี 2547 เป็นต้นมา”

นายผ่าน ปันคำ วิทยากรประจำ โรงเรียนชาวน้าเกษตรยั่งยืน ต.ศรีเมืองชุม เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่กู้ยืมมาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจ.เชียงรายตามโครงการต่างๆที่ภาครัฐจัดสรรมาให้ แต่ประสบปัญหาความไม่คุ้มทุนด้วยราคาค่าปุ๋ย ค่ายาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาผลผลิตตกต่ำ ไม่สามารถชำระเงินกู้คืนได้
จึงมานั่งคิดทบทวนมูลเหตุของการเกิดหนี้ว่ามาจากใคร ก็ตัวเราเอง จึงหันมาทำบัญชีรับ-จ่าย จึงทราบว่า ได้เสียค่าสุรา และ ค่าหวย ปีหนึ่งๆ จำนวนมาก จึงตัดรายจ่ายนี้ไปเป็นการตัดรายจ่ายที่ไม่เป็นประโยชน์ออก ต่อมาภรรยาคู่ใจชื่อพรรณพิมล ปันคำ ปราชญ์ชาวบ้านได้ทำหนังสือเชิญ อ.สุวัฒน์ ทรัพย์ประภา วิทยากรด้านการเกษตรอินทรีย์ชื่อดังของเมืองไทย มาให้คำแนะนำการทำการเกษตรแบบลดต้นทุนไม่พึ่งพาสารเคมี

panpunkams

ตลอด 10 ปี นายผ่านมุ่งมั่นอุทิศตนเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ และวิทยาการใหม่ๆ ด้านเกษตรอินทรีย์ อีกทั้งขยายโอกาสการเรียนรู้เกษตรกรรมธรรมชาติแก่เกษตรกรและผู้สนใจผ่านโรงเรียนชาวนาในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น จ.พะเยา จ.น่าน จ.เชียงใหม่ จ.แพร่ และ จ.อ่างทอง โดยได้รับการสนับสนุนจาก ธ.ก.ส. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ การอบรมหลักสูตรพัฒนาเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ในโครงการ ฟื้นฟูและพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจน การอบรมพัฒนาการเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2551-2556 เป็นต้น
ผลจากการทำงานที่ไม่ย่อท้อทำให้เขาได้รับรางวัล “อิสรเมธี” ตอบแทนในฐานะเกษตรกรผู้ทำดีเพื่อสังคม ของมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปี 2556

ผ่าน ปันคำ เป็นปราชญ์ภูมิปัญญาชาวบ้าน และเกษตรกรตัวอย่างชาวจังหวัดเชียงราย ที่สร้างตัวจากสองมือเปล่าจนประสบความสำเร็จในฐานะเกษตรกรตัวอย่างที่สามารถ เปลื้องตนให้พ้นจากภาระหนี้สินได้สำเร็จ และมองเห็นว่าเพื่อนชาวเกษตรกรไทยอีกมากมายยังคงอยู่ในวังวนของความทุกข์จาก การขาดทักษะ การทำมาหากิน การมีหนี้สินครัวเรือนสูง การกู้หนี้นอกระบบ ครอบครัวแตกแยก และสุขภาพที่ทรุดโทรมจากการทำเกษตรกรรม ที่ใช้สารเคมีเข้มข้น เพื่อเพิ่มผลผลิต และยังส่งผลร้ายต่อผู้บริโภคที่เป็นคนเมืองและขาดทางเลือกเพื่อคุณภาพชีวิต เมื่อมองเห็นปัญหาแล้ว จึงตัดสินใจเริ่มต้นเรียนรู้การทำการเกษตรแบบลดต้นทุน ที่ไม่พึ่งพาสารเคมี หรือเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งชักชวน สนับสนุนให้เพื่อนเกษตรกรในชุมชน ได้ร่วมเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงจัง และอุทิศภูมิปัญญา ประสบการณ์ของตน เปิดบ้านเป็นศูนย์การเรียนรู้และวิทยาการด้านเกษตรกรรมธรรมชาติ กระทั่งสามารถรวบรวมกลุ่มเกษตรกรและก่อตั้งโรงเรียนชาวนาเกษตรยั่งยืน ต.ศรีเมืองชุม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในปี 2547 เป็นต้นมา ตลอดเวลากว่า 10 ปี ได้อุทิศตนเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ ควบคู่กับการเพิ่มพูนเทคนิคและวิทยาการใหม่ๆ ด้านเกษตรอินทรีย์ กระทั่งเป็นวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านข้าว ไบโอดีเซล ไบโอแก๊ส จุลินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์ และสมุนไพร สามารถขยายแนวคิดเกษตรกรรมธรรมชาติเผยแผ่ออกไปหลายจังหวัดและหลายภูมิภาคของ ประเทศไทย ทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งเกษตราจารย์ของโรงเรียนชาวนาพุทธ เศรษฐศาสตร์ มหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ เป็นคนแรกอีกด้วย

ทั้งมวลนี้ นายผ่าน เชื่อมั่นว่าการเกษตรแบบอินทรีย์เป็นผลดีต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค เพราะเป็นแหล่งอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของคนไทยทุกคน ซึ่งเป็นวิถีการดำรงชีพที่มีสุขทั้งกายที่แข็งแรงและใจที่มีความสุขอย่างยั่งยืนและพอเพียง

ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก

ป้ายคำ : ,

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด ปราชญ์ของแผ่นดิน

แสดงความคิดเห็น