พริกกะเหรี่ยง เป็นพริกขี้หนูพันธุ์พื้นเมืองชนิดหนึ่งที่มีการปลูกกันมาตามแนวชายแดนไทย พม่า โดยเฉพาะในเขตทุ่งใหญ่นเรศวรจะปลูกไว้ในไร่ข้าวสำหรับนำมารับประทานในครัวเรือน และเมื่อชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงบางกลุ่มได้นำพริกขี้หนูพันธุ์พื้นเมืองดังกล่าว ออกมาจำหน่ายในเมือง ด้วยรสชาดที่เผ็ดร้อน ประชาชนทั่วไปจึงเรียกกันว่า “พริกกะเหรี่ยง”
ลักษณะทั่วไปของพริกกะเหรี่ยง คือ เมล็ดมีปลายแหลม ก้นโต สีส้มจัดไม่แดงคล้ำ ลักษณะเด่น คือ มีความเผ็ดมากและมีความหอม การปลูกจะปลูกแบบพืชไร่ โดยปลูกผสมกับพืชอื่น ๆ เช่น ฟัก แฟง แตงกวา ข้าว ต้นพริกกะเหรี่ยงจะทนต่อสภาพแวดล้อมและสภาวะอากาศปลูกได้ทุกฤดูกาล
ชื่อสามัญ BIRD CHILI, CHILI
ชื่อวิทยาศาสตร์ CAPSICUM FRUTESCENS LINN.
ชื่อวงศ์ SOLANACEAE
ลักษณะเด่นพริกกะเหรี่ยง
ลักษณะ
พริกกะเหรี่ยงเป็นไม้ล้มลุก สูง 0.3-1.5 เมตร กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่ปลายใบแหลม โคนใบสอบ สีเขียวสด
พริกเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เป็นแหล่งวิตามินซี มีสรรพคุณทางยามากมาย บรรเทาอาการหวัด หลอดลมอักเสบ ลดการอุดตันของเส้นเลือด ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ แต่ยังมีพริกอีกชนิดที่มีผลขนาดเล็ก มีความเผ็ดที่ร้อนแรง กลิ่นหอมฉุน ทนทานต่อสภาพแวดล้อมและโรคแมลงได้ดีกว่าพริกพันธุ์อื่นโดยเฉพาะโรค แอนแทร็กโนส ให้ผลผลิตติดต่อกันเป็นระยะเวลานานมากกว่า 2 ปี แหล่งปลูกส่วนใหญ่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า เกษตรกร เป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง ผู้บริโภคทั่วไปจึงเรียกว่าพริกกะเหรี่ยง
พริกกะเหรี่ยงของชาวกะเหรี่ยง เป็นการปลูกเพื่อการบริโภค มีบางพื้นที่เท่านั้นที่ปลูกเพื่อการค้า พริกกะเหรี่ยงแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ ชนิดผลเล็กเรียว ยาวผอม เมื่อผลดิบสีเขียวเข้ม เมื่อแก่สีแดง อีกชนิดหนึ่งผลใหญ่ อ้วนป้อม เมื่อดิบสีเขียวอมเหลืองอ่อน เมื่อแก่สีแดงเข้มมัน
การปลูกพริกกะเหรี่ยง
ควรเลือกพื้นที่ดินร่วนซุย น้ำไม่ขัง ปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ไม่ควรใช้ปุ๋ยเคมี เพราะจะมีผลต่อความหอมของพริกลดลง
การเตรียมแปลงเพาะกล้า
การเลือกพื้นที่สำหรับเพาะเมล็ดพันธุ์ต้องทำการเตรียมดินให้ละเอียดพร้อมผสมปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2:1 แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำเมล็ดพริกโรยเป็นแถวห่างกันประมาณ 3 นิ้ว กลบหน้าดิน ประมาณ1ซม. หลังเพาะนาน7-10วัน เริ่มงอกหมั่นรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมออย่าปล่อยให้แปลงแห้งจนกระทั่งต้น กล้าเจริญเติบโตมีใบประมาณ3-4คู่ หรือต้นกล้ามีอายุประมาณ30วัน สามารถนำไปปลูกในแปลงปลูก
การปลูกและการดูแลรักษา
การให้น้ำและปุ๋ย
การให้น้ำอาศัยน้ำฝนธรรมชาติ และช่วงที่เหมาะสมในการปลูกเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน การกำจัดวัชพืชไม่ใช้สารเคมี และไม่นิยมใส่ปุ๋ยเคมีเนื่องจากจะทำให้พริกกะเหรี่ยงที่มีความหอมที่มีลักษณะพิเศษ เฉพาะตัวลดลง
ศัตรูพืชที่สำคัญและวิธีการป้องกันกำจัด
การเก็บผลผลิต
หลังย้ายปลูกประมาณ60วัน พริกกะเหรี่ยงเริ่มทยอยผลผลิตและสามารถเก็บผลผลิตได้โดยเลือกเก็บ เมล็ดที่มีสีแดงสดเพื่อใช้ในการแปรรูป ผลผลิตพริกสดประมาณ 400-500 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งสามารถนำมาทำ เป็นพริกแห้งได้ประมาณ 80-100 กิโลกรัมๆ ละประมาณ 80-150 บาทรายได้เฉลี่ยประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อไร่
เอกสารอ้างอิง
บุญเลี้ยง ข่ายม่าน. 2548. เอกสารวิชาการเรื่องการปลูกพริกกะเหรี่ยงในจังหวัดกาญจนบุรี.ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูง จังหวัดกาญจนบุรี
ป้ายคำ : ผักพื้นบ้าน