มะขามแขก เป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกในเชิงธุรกิจหรือเพื่อเข้าสู่ในอุตสาหกรรมผลิตยา ใบมะขามแขก มีฤทธิ์ขับความร้อน ช่วยให้ถ่ายและขับปัสสาวะ สรรพคุณรักษาอาการ ท้องผูกและปวดหลัง ลดอาการบวมน้ำ ใช้เป็นยาถ่ายที่ดี รักษาอาการท้องผูก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Senna alexandrina P.Miller
วงศ์ Legumimosae
ชื่ออื่น Alexandria senna, Alexandrian senna,Indian senna, Senna
ลักษณะของพืช ไม้พุ่มสูง0.5-1.5 เมตร ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยรูปวงรีหรือรูปใบหอก ดอกช่อออกที่ซอกใบตรงปลายกิ่ง กลีบดอกสีเหลือง ผลเป็นฝักแบน รูปขอบขนาน
ส่วนที่ใช้เป็นยา
ใบ ถ่ายพิษเสมหะ เป็นยาระบายอ่อน แก้ท้องผูก ขับลมในลำไส้ ถ่ายพิษอุจจาระเป็นมูก ถ่ายแก้พิษไข้ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ฝัก ถ่ายแก้พิษไข้ เป็นยาระบาย แก้ท้องผู้ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ขับลมในลำไส้ แก้สะอึก
สรรพคุณและวิธีใช้ สารประกอบทางเคมีที่สำคัญ ในใบและฝักมะขามแขกนั้น คือ “แอนทราควิโนน”มะขามแขกเป็นยาถ่ายที่มีประวัตินานถึง 100 ปีสาร แอนทราควิโนน นี้จะออดฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ให้ถ่ายท้องได้ ในการศึกษาพบว่า การใช้มะขามแขกนั้นนานๆ จะทำให้ขาดสารโปแตสเซียม ได้ด้วยถ้าจำเป็นต้องใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ควรรับประทานโปแตสเซียมควบคู่กันไป
ใบและฝักอ่อน ใช้เป็นยาระบาย โดยนำใบซึ่งเก็บก่อนมีดอก ตากแห้ง 3-10 กรัม หรือฝักแห้ง 4-5 ฝัก ชงน้ำร้อนทิ้งไว้ 10 นาที ดื่มก่อนนอน สารที่ออกฤทธิ์ระบาย คือ Sennosides A และ B อาการข้างเคียงที่พบคือ ปวดมวนท้อง ซึ่งมักเกิดจากใบมากกว่าฝัก แต่สามารถบรรเทาโดยใช้สมุนไพรขับลมผสมร่วมด้วย เช่น กระวาน การพลู เป็นต้น
การขยายพันธุ์ การเก็บเมล็ดทำพันธุ์ ฝักแก่จะเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นน้ำตาลและดำ ถ้าทิ้งไว้กับต้นนานเกินไปฝักจะแตก เมล็ดจะร่วงลงดินหมด ต้องเก็บ ในระยะที่ฝักเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ควรผึ่งในร่ม 1-2 วัน หรือผึ่งจนแห้งแล้วจึงนำไปผึ่งแดด 1 วัน เพื่อให้แห้งสนิทอีกครั้งหนึ่ง ฝักที่แห้งแล้วนำไปเก็บในถุงพลาสติกที่สะอาดและแห้ง ปิดปากถุงด้วยเครื่อง ปิดถุง หรือรัดด้วยยางวงให้แน่น เพื่อเตรียมบรรจุหีบห่อและขนส่งต่อไป ผลผลิต ในเนื้อที่ปลูก 1 ไร่ จะเก็บใบมะขามแขกตากแห้งได้ประมาณ 130 กก. และเก็บฝักตากแห้งได้ประมาณ 100-150 กก.
สภาพดินฟ้าอากาศ ควรปลูกในระยะที่มีฝนน้อยเพื่อหลีกเลี่ยง การถูกฝนหนักในระยะที่เป็นต้นอ่อน ในช่วงที่ต้นกำลังเจริญเติบโต ควรมีฝนตกสม่ำเสมอ และเก็บเกี่ยวได้ในช่วงที่ไม่มีฝน ยกตัวอย่างเช่น ปลูกในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีฝนน้อย เมื่อต้นเจริญเติบโตแล้วจะได้ รับฝนพอเหมาะในเดือนมิถุนายน ออกดอกในเดือนสิงหาคม ซึ่งไม่มีฝนหนัก หลังจากเก็บฝักในเดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนตุลาคมแล้ว จึงตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้แตกใบใหม่ในระหว่างที่มีฝนตกหนัก
การปลูก
ต้องใช้เมล็ดปลูก หยอดเมล็ดลงไปในหลุมเลยหรือเพาะเมล็ดให้เป็นต้นกล้าก่อนและค่อยย้ายออกไปปลูกในหลุมได้ ในระยะแรกจะต้องดูแลเอาใจใส่ให้ดี รดน้ำทุกวัน
การเตรียมดิน ได้ไถดะแล้วไถแปร จากนั้นนำรถไถไถชักร่องปลูก หรือบางครั้งก็ใช้จอบขุดทำเป็นหลุมปลูกกว้างและยาวด้านละ 1 หน้าจอบ และลึกประมาณ 2-5 เซนติเมตร สำหรับระยะห่างของหลุมปลูกที่เหมาะสม ประมาณ 1.20 เมตร และระยะห่างระหว่างแถว 2.20-3 เมตร การปลูก
ระยะห่างนี้จะทำให้ได้ทรงพุ่มสูง ประมาณ 1 เมตร ซึ่งสะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษาเก็บเกี่ยว ถ้าปลูกในระยะที่ชิดกันกว่านี้ต้นมะขามแขกจะเบียดกันแน่น ทำให้ทรงต้นแข่งกันสูงถึง 2 เมตร การดูแลรักษาจะยุ่งยากกว่ากัน
การปลูก เมื่อเตรียมดินดีแล้วจะหยอดเมล็ดพันธุ์ 2-3 เมล็ด ต่อหลุม เกลี่ยดินกลบ รดน้ำให้ชุ่มหลังจากนั้นอีก 15 วัน เมล็ดจะงอกแล้วถอนแยกให้เหลือเพียงหลุมปลูกละ 1-2 ต้น ในช่วงนี้ลำต้นจะไม่แข็งแรงได้ใช้สารเคมีฉีดพ่นเพื่อป้องกันและกำจัดแมลงไม่ให้มากัดกินบริเวณโคนต้นอ่อน
ขณะเดียวกันก็จะฉีดพ่นปุ๋ยทางใบไปด้วย โดยการฉีดพ่นหนึ่งครั้งจะเว้นระยะห่าง 7-10 วัน เมื่อมะขามแขกมีความสูง 1 ศอก หรือ สูง 50 เซนติเมตร หรือช่วงเริ่มติดดอกซึ่งจะเป็นช่วงที่แมลงศัตรูพืชไม่สามารถเข้ามาทำลายได้แล้วจะหยุดการฉีดพ่นเพื่อไม่ให้มีสารพิษตกค้างในผลผลิตก่อนการเก็บเกี่ยว
มะขามแขก เป็นพืชทนแล้งที่ไม่ต้องการน้ำมากนัก เมื่อมีการเจริญเติบโต ใบจะมีลักษณะเรียวยาว 4-7 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ใบเป็นสีเขียว จะออกคู่ขนานกัน มีประมาณ 10 คู่ ใบแก่ที่เก็บจากด้านล่างโคนต้นนำมาตากแห้งจะขายได้ 40-45 บาท ต่อกิโลกรัม หรือนำมาชงดื่มคล้ายน้ำชาจะเป็นยาช่วยในการระบายได้ดี
การติดดอกติดฝัก มะขามแขกจะออกดอกเป็นช่อสีเหลืองคล้ายดอกโสนหรือดอกขี้เหล็ก จะแทงช่อดอกบริเวณโคนก้านใบ ยอดอ่อนที่แตกออกมาใหม่ไม่นานจะเริ่มติดฝักอ่อนแล้วเจริญเติบโตไป กระทั่งถึงฝักแก่ที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวได้
การเก็บเกี่ยว เมื่อฝักมะขามแขกเริ่มทยอยแก่ก็จะเริ่มเก็บเกี่ยว ซึ่งถ้าผลผลิตออกมากจะจ้างแรงงานในชุมชนมาช่วยเก็บเกี่ยว โดยจ่ายเป็นค่าแรงในอัตรา 3 บาท ต่อกิโลกรัม เมื่อเก็บเสร็จแล้วนำมาเทกองรวมกันบนเสื่อ เกลี่ยให้กระจายเสมอทั่วกัน ตาก 2-3 แดด ให้แห้ง จากนั้นบรรจุใส่ภาชนะเตรียมส่งขายให้กับพ่อค้าที่เข้ามารับซื้อ นับตั้งแต่ปลูกจะใช้เวลา ประมาณ 4 เดือน หรือราว 120 วัน จะเริ่มเก็บเกี่ยวฝักมะขามแขกครั้งแรกและเก็บไปกระทั่งถึงเดือนพฤษภาคมก็หมด จากนั้นจะไถกลบให้เป็นปุ๋ยพืชสดเพื่อปลูกข้าวโพดหรืออ้อย
การเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ทำพันธุ์ปลูก จะเก็บฝักแก่หรือแก่สุกคาต้นมาตากแดดแล้วกะเทาะเอาเปลือกออกไปทำเป็นปุ๋ยหมัก ใน 1 ฝัก มี 7-10 เมล็ด
แล้วนำเมล็ดไปตากแดดอีกครั้ง จากนั้นจัดเก็บใส่ภาชนะที่โปร่งอากาศถ่ายเทได้ดี ถ้าอากาศมีความชื้นจะนำออกตากแดดบ้างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา เมล็ดพันธุ์ที่เก็บไว้นี้จะนำมาปลูกปีต่อปี
ป้ายคำ : สมุนไพร