ไม้มงคลชนิดหนึ่งที่ควรมีไว้ในบริเวณบ้าน โดยปลูกไว้ทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ร่วมปลูกกับไผ่รวก และทุเรียน ถือว่าเป็นเคล็ดลับในชื่อเรียกที่เป็นมงคลนาม จะทำให้เกิดกำลังใจ ให้เกิดความมานะพยายามที่จะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต นอกจากนี้มะตูมยังเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมและพิธีมงคลของไทย การทำน้ำมนต์เพื่อสะเดาะเคราะห์ ครอบครูจะใช้ใบมะตูมเป็นองค์ประกอบในพิธี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใช้ใบมะตูมทัดหูให้แก่ทูตที่เข้าเฝ้า เพื่อกราบถวายบังคมลาไปรับราชการต่างประเทศ สำหรับในทางไสยศาสตร์ ชาวฮินดูถือว่าไม้มะตูมเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และใบมะตูมเป็นใบไม้ที่ป้องกันเสนียดจัญไร และขับภูติผีปีศาจได้
ชื่อวิทยาศาสตร์ Angle Marmelos
ชื่อสามัญ Bael, Bengal Quince, Bilak
ชื่อวงศ์ Rutaceae
ชื่อท้องถิ่น มะปิน (ภาคเหนือ) กะทันตาเถร ตูม ตุ่มตัง (ภาคใต้) มะตูม (ภาคกลาง, ภาคใต้) บักตูม (ยโสธร,อีสาน) หมากตูม (อุดรธานี,มหาสารคาม,อีสาน) พะเนิว (เขมร) ตุ่มตัง (ล้านช้าง) มะปิส่า(กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน)
มะตูม เป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับประเพณีต่างๆ โดยเฉพาะพิธีของชาวฮินดู โดยชาวฮินดูถือว่าใบมะตูมเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระอิศวร เวลาบูชาพระอิศวรต้องมีใบมะตูมเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย ทั้งนี้เพราะคนอินเดียเชื่อว่ามะตูมเป็นต้นไม้แห่งพระอิศวร ทำให้สวนของทุกวัดในอินเดียจึงปลูกแต่ต้นมะตูมเต็มไปหมด มะตูมนั้นถือว่าเป็นไม้มงคลตามความเชื่อโบราณ ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน โดยมักปลูกร่วมกับไผ่รวกและทุเรียน ถือเอาว่าเป็นเคล็ดลับในชื่อเรียกที่เป็นมงคลนาม จะทำให้เกิดกำลังใจ เกิดความมานะพยายามที่จะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต นอกจากนี้ยังเชื่อว่าใบมะตูมเป็นใบไม้ที่ป้องกันเสนียดจัญไรและขับภูตผีปีศาจได้ และยังเป็นพันธุ์ไม้ประจำจังหวัดชัยนาทอีกด้วย ในประเทศไทยพบได้ในป่าธรรมชาติ ประเภทป่าเบญจพรรณ ป่าผสมผลัดใบ ป่าแดง ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมนำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้าน ตามสวนหรือหัวไร่ปลายนา เพราะมะตูมเป็นไม้ที่ให้ประโยชน์หลายอย่าง ทั้งใช้เป็นอาหาร เป็นยาสมุนไพร ไม้ใช้ทำเกวียน ลูกหีบ หวี ยางในผลมะตูมใช้แทนกาว และเปลือกผลทำเป็นสีย้อมผ้าให้สีเหลืองได้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินเดีย ศรีลังกา และออสเตรเลีย สำหรับประเทศไทยพบประปรายตามป่าเบญจพรรณ เจริญงอกงามได้ในดินทั่วไปทุกภาค ทนแล้งได้ดี ยกเว้นทางภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคใต้ สถานที่พบส่วนมากสูงจากระดับน้ำทะเล 50-700 ม. ในต่างประเทศพบที่อินเดียแถวแคว้นอัสสัม ศรีลังกา กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ต้นมะตูมป่ามักเกิดตามป่าดงทั่วไป การปลูกนิยมตอนเอากิ่งมาปลูกจะได้ผลดี หรือเอาเมล็ดมาเพาะก็ได้ โดยเอาต้นกล้าที่ปลูกเอาไว้ในถุงพลาสติกรอจนต้นแข็งแรงเสียก่อนจึงเอาไปปลูกในหลุมต่อไป ดูแลรดน้ำเป็นระยะพร้อมทั้งกำจัดวัชพืช
สรรพคุณ
ตำรายาไทย: ผลอ่อน รสฝาดร้อนปร่าขื่น ฝานบางๆ สดหรือแห้ง ชงน้ำรับประทานแก้ท้องเสีย แก้บิด แก้โรคกระเพาะอาหาร ฝาดสมาน เจริญอาหาร เป็นยาธาตุ แก้ธาตุพิการ ขับผายลม บำรุงกำลัง และรักษาโรคลำไส้เรื้อรังในเด็ก ผลแก่ที่ยังไม่สุก รสฝาดหวาน แก้บิด แก้เสมหะ แก้ลม บำรุงไฟธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ผลแก่สุก ทุบให้เปลือกแตกต้มทั้งลูกกับน้ำตาลแดง เป็นยาระบายท้อง เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ท้องผูกเป็นประจำ ช่วยขับผายลม แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ลมเสียดแทงในท้อง แก้มูกเลือด แก้บิดเรื้อรัง บำรุงไฟธาตุ แก้โรคไฟธาตุอ่อน แก้ครั่นเนื้อตัว ช่วยย่อยอาหาร มะตูมทั้ง 5 ส่วน (ราก ลำต้น ใบ ดอก และผล) รสฝาดปร่าซ่าขื่น ใช้แก้ปวดศีรษะ ตาลาย เจริญอาหาร ลดความดันโลหิตสูง
ตำรายาไทยมีการใช้ ผลมะตูมในพิกัดตรีผลสมุฎฐาน คือการจำกัดจำนวนตัวยาที่มีผลเป็นที่ตั้ง 3 อย่าง มีผลมะตูม ผลยอ ผลผักชีลา สรรพคุณแก้สมุฎฐานแห่งตรีโทษ ขับลมต่างๆ แก้โรคไตพิการ
ในประเทศอินเดีย: ใช้ผลมะตูมเป็นยาแก้ท้องเสีย และโรคที่เกี่ยวกับลำไส้
รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา:
แก้คลื่นไส้ อาเจียน จากธาตุไม่ปกติ ใช้ผลดิบสดหั่นเป็นแว่นย่างไฟพอเหลือง หรือใช้ผลดิบที่หั่นเป็นแว่นตากแห้งไว้ก็ได้ นำมาย่างไฟพอเหลือง ใช้ครั้งละ 1 กำมือ หรือประมาณ 25 กรัม (2-3 ชิ้น) ต้มเอาน้ำดื่ม
ประโยชน์ทางยา
ส่วนที่ใช้เป็นยา ราก ใบ ผลแก่และสุก เปลือกราก ทั้ง 5
รสและสรรพคุณในตำรายาไทย
ขนาดและวิธีใช้
ข้อแนะนำ
สารสำคัญ
ประโยชน์ทางอาหาร
ส่วนที่ใช้เป็นผัก ยอดอ่อน ผลดิบ
ช่วงฤดูกาลที่เก็บ ยอดอ่อนออกตลอดปี ลูกอ่อนพบในช่วงฤดูฝน ผลสุกมีในช่วงกลางฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง
การปรุงอาหาร
คนไทยทุกภาครับประทานยอดอ่อนและใบอ่อนของมะตูมเป็นผักสด ในตลาดท้องถิ่นมักพบในมะตูมอ่อนจำหน่ายเป็นผักชาวเหนือรับประทานแกล้มลาบ ชาวอีสานรับประทานร่วมกับก้อย ลาบหรือแจ่วป่น ชาวใต้รับประทานร่วมกับน้ำพริกและแกงรสจัด สำหรับภาคกลางไม่นิยมรับประทานยอดอ่อน แต่พบว่ามีการใช้มะตูมดิบมาปรุงเป็นยำมะตูม
ประโยชน์อื่น
ไม้มะตูมใช้ทำเกวียน ลูกหีบ หวี ยางในมะตูมใช้แทนกาวได้ และเปลือกผลทำเป็นสีย้อมผ้าให้สีเหลืองได้
คติความเชื่อ ตามความเชื่อว่าเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่ควรมีไว้ในบริเวณบ้าน โดยปลูกไว้ทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ปลูกร่วมกับไผ่รวก และทุเรียน ถือว่าเป็นเคล็ดลับในชื่อเรียกที่เป็นมงคลนาม จะทำให้เกิดกำลังใจ ให้เกิดความมานะ พยายามที่จะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต นอกจากนี้มะตูมยังเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมและพิธีมงคลของไทยการทำ น้ำมนต์เพื่อสะเดาะเคราะห์ ครอบครูจะใช้ใบมะตูมเป็นองค์ประกอบในพิธี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใช้ใบ มะตูมทัดหูให้แก่ทูตที่เข้าเฝ้าเพื่อกราบบังคมลาไปรับราชการต่างประเทศ
สำหรับในทางไสยศาสตร์ ชาวฮินดูถือว่า ไม้มะตูมเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และใบมะตูมเป็นใบไม้ที่ป้องกันเสนียดจัญไร และขับภูตผีปีศาจได้
การปลูก
ต้นมะตูมป่ามักเกิดตามป่าดงทั่วไป โดยเฉพาะป่าเบญจพรรณ เจริญงอกงามได้ในดินทั่วไปทุกภาค การปลูกนิยมตอนเอากิ่งมาปลูกจะได้ผลดี หรือเอาเมล็ดมาเพาะก็ได้ โดยเอาต้นกล้าที่ปลูกเอาไว้ในถุงพลาสติก รอจนต้นแข็งแรงเสียก่อนจึงเอาไปปลูกในหลุมต่อไป ดูแลรดน้ำเป็นระยะ พร้อมทั้งกำจัดวัชพืช
มะตูมขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง มะตูมเป็นไม้ปลูกกลางแจ้งและทนต่อความร้อนได้ดี
น้ำมะตูม
ส่วนผสมของการทำน้ำมะตูม
วิธีทำ
นำมะตูมแห้งมาล้างให้สะอาด ปิ้งไฟให้หอม นำไปใส่หม้อเติมน้ำตั้งไฟเคี่ยวสักครู่ ยกลงกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำตาลทรายตั้งไฟให้ละลาย ชิมรสตามชอบ ยกลง ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
คุณค่าทางยา : เป็นยาระบาย ขับลม ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงธาตุ ทำให้ขับถ่ายดีและเจริญอาหาร ขับเสมหะแก้อาการร้อนในได้ดี
ป้ายคำ : ผลไม้