มะรุม พืชมหัศจรรย์

13 พฤษภาคม 2556 ไม้ยืนต้น 0

มะรุม เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณในหลายด้าน เช่น ราก จะมีรสเผ็ด หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ เปลือก จะมีรสร้อน ช่วยขับลม ใบ ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ฝัก รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้ เป็นต้น

ชื่อสามัญ Horse Radish Tree, Drumstick Tree
วงศ์ Moringaceae
ชื่อวิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam.
ชื่ออื่นๆ : บ่าค้อนก้อม มะค้อนก้อม (ภาคเหนือ), มะรุม (ภาคกลาง), ผักอีฮุม (ภาคอีสาน), ผักอีฮืม

ลักษณะทั่วไป
มะรุม เป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 15-20 เมตร ลำต้นเป็นพุ่มโปร่ง เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอ่อน ผิวค่อนข้างเรียบ
มะรุม เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเชีย เช่น อินเดีย ศรีลังกา เป็นต้น และยังมีในเขตเอเชียไมเนอร์และแอฟริกา เป็นไม้ปลูกง่าย เจริญได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง งอกเร็ว ใช้เวลา 2 สัปดาห์ต้นกล้าสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร

maroomrom
มะรุม จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีประโยชน์เอนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหาร ยาและอุตสาหกรรม เป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่ายในเขตร้อน อาจจะเติบโตมีความสูงถึง 4 เมตรและออกดอกภายในปีแรกที่ปลูก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชนิดที่แตกใบย่อย 3 ชั้น ยาว 20 40 ซม. ออกเรียงแบบสลับ ใบย่อยยาว 1 3 ซม. รูปไข่ ปลายใบและฐานใบมน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่าและมีขนเล็กน้อยขณะที่ใบยังอ่อน ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาว บางพันธุ์ออกดอกหลายครั้งในรอบปี ดอกเป็นดอกช่อ สีขาว กลีบเรียง มี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ดอกมีรสขม หวาน มันเล็กน้อย ผลเป็นฝักยาว เปลือกสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมน เป็นระยะ ๆ ตามยาวของฝัก ฝักยาว 20 50 ซม. ฝักมีรสหวาน เมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยม มีปีกบางหุ้ม 3 ปีก เส้นผ่าศูนย์กลางของเมล็ดประมาณ 1 ซม.

คุณค่าทางอาหารของมะรุม
มะรุมเป็นพืชมหัศจรรย์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด กล่าวถึงในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่าเป็นพืชที่รักษาทุกโรค
ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน

maroomfag

นอกจากนี้ มะรุมมีธาตุอาหารปริมาณสูงเป็นพิเศษที่ช่วยป้องกันโรค นั่นคือ

  • วิตามินเอ บำรุงสายตามีมากกว่าแครอต 3 เท่า
  • วิตามินซี ช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม
  • แคลเซียม บำรุงกระดูกเกิน 3 เท่าของนมสด
  • โพแทสเซียม บำรุงสมองและระบบประสาท 3 เท่าของกล้วย
  • ใยอาหารและพลังงาน ไม่สูงมากเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
  • น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุม มีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
  • ใบ ใบสดใช้กินเป็นอาหาร ใบแห้งที่ทำเป็นผงเก็บไว้ได้นานโดยยังมีคุณค่าทางอาหารสูง ใบมะรุมมีวิตามิน เอ สูงกว่าแครอท มีแคลเซียมสูงกว่านม มีเหล็กสูงกว่าผักขม มีวิตามี ซี สูงกว่าส้มและมีโปแตสเซียมสูงกว่ากล้วย
  • ดอก ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แก้หวัด Helminths ป้องกันมะเร็ง
  • ฝัก ฝักมะรุม 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 32 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย เส้นใย 1.2 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 26 มิลลิกรัม เหล็ก 1.5 มิลลิกรัม วิตามินเอ 532 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.05 มิลลิกรัม ไนอาซิน 0.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 262 มิลลิกรัม
  • เมล็ด น้ำมันที่ได้จากการคั้นเมล็ดสดใช้เป็นน้ำมันปรุงอาหาร

maroomtone

สรรพคุณทางยาของ มะรุม
มะรุม ในทางการแพทย์จะช่วยใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ควบคุมภาวะความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

  • ราก มีรสเผ็ด หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ
  • เปลือกจากลำต้น มีรสร้อน นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อนนำมาใช้ประคบ แก้โรค ปวดหลัง ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก) แพทย์ตามชนบท จะใช้เปลือกมะรุมสดๆ ตำบุบพอแตกๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมา
  • กระพี้ แก้ไข้สันนิบาดเพื่อลม
  • ใบ ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ ใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีแคลเซียม วิตามินซี แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก นอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่า ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนา และประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน
  • ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย
  • ฝัก รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้
  • เมล็ด นำ เมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันสามารถใช้ทำอาหาร รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา
  • เนื้อในเมล็ดมะรุม ใช้แก้ไอได้ดี การรับประทานเนื้อในเมล็ด เป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้

ใบมะรุม 100 กรัม (คุณค่าทางโภชนาการของอาหารอินเดีย พ.ศ. 2537)

maroomyodd

  • พลังงาน 26 แคลอรี
  • โปรตีน 6.7 กรัม (2 เท่าของนม)
  • ไขมัน 0.1 กรัม
  • ใยอาหาร 4.8 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 3.7 กรัม
  • วิตามินเอ 6,780 ไมโครกรัม (3 เท่าของแครอต)
  • วิตามินซี 220 มิลลิกรัม (7 เท่าของส้ม)
  • แคโรทีน 110 ไมโครกรัม
  • แคลเซียม 440 มิลลิกรัม (เกิน 3 เท่าของนม)
  • ฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 0.18 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 28 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 259 มิลลิกรัม (3 เท่าของกล้วย)

ตำรายาไทย ใช้ ใบสด มีวิตามินซีและเอมาก เป็นยาแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคเยื่อเมือกอักเสบ หรือใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นแผล เปลือกต้น มีรสร้อนเฝื่อน ใช้ขับลมในลำไส้ ทำให้ผายลมเรอ แก้ลมขึ้นเบื้องสูง คุมธาตุอ่อนๆ แก้ลม แก้ฝี แก้พยาธิ เป็นยาอายุวัฒนะ ต้มเป็นกระสาย แก้หอบหืด เปลือกสด ตำอม ถอนพิษเมาสุรา ฝัก มีรสหวานเย็น ดับพิษถอนไข้ แก้ปัสสาวะไม่ปกติ ราก มีรสเผ็ดหวานขม แก้บวม ช่วยกระตุ้นหัวใจ บำรุงหัวใจ บำรุงไฟธาตุ นำรากทุบพอแตกอมไว้ข้างแก้ม ดื่มสุราจะไม่เมา ดอก เป็นยาบำรุง ขับปัสสาวะ และขับน้ำตา ราก ทำให้ความดันเลือดสูง ทำให้หัวใจเต้นเร็ว นำมาปรุงเป็นยาบำรุงหัวใจ บำบัดโรคท้องมาน เมล็ด แก้หอบ แก้บวม บำรุงไฟธาตุ

maroomton

ประโยชน์ทั้งหลายที่พอจะรวบรวมได้ มีดังต่อไปนี้…

  1. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดจนถึง ๑๐ ขวบ ลดสถิติการเสียชีวิตพิการและตาบอดจากการขาดสารอาหารได้เป็นอย่างดีในกรณีเด็กแรกเกิด การให้สารมะรุม ทำได้ดีที่สุดโดยผ่านทางน้ำนมมารดา เมื่อทารกดื่มน้ำนมมารดาที่รับประทานใบมะรุมอย่างสมำเสมอสารอาหารสำคัญ ๆ จะผ่านสู่ทารกโดยง่าย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานและเพิ่มแคลเซียมเ ข้าไปเสริมกระดูกให้มารดาเป็นอย่างดี ผลที่ได้ ๑๐๐ %มีตัวอย่างจากวารสารลอสแอนเจลิสไทม์ ฉบับลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ค.ศ.๒๐๐๐ เป็นบทความชื่อ ” มะรุม ต้นไม้ มหัศจรรย์ ” โดยมาริค พิส บรรยายถึงด.ช.ชาวเอธิโอเปียอายุ ๕ เดือน ซึ่งแพทย์หมดหวังที่จะให้การรักษาเพราะขาดสารอาหารอย่างรุนแรงต่อมาเมื่อมารดาได้รับการแนะนำ โดยนายแพทย์ซึ่งเป็นหมอสอนศาสนาจากกลุ่มองค์กรการกุศล ” ต้นไม้เพื่อชีวิต ” ให้รู้จักการใช้ใบมะรุมแห้งบดละเอียดนำมาทำอาหาร ขณะนี้เด็กชายผู้นั้นมีอายุ ๖ ขวบ สุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง พ้นจากภาวะตามืดบอดได้อย่างหวุดหวิด
  2. ช่วยผู้ปวยโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ สามารถลดการใช้ยาลงโดยความเห็นชอบและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้ทำการรักษา จากการตรวจวัดด้วยลูกดิ่ง ท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ได้บรรยาย ณ วัดป่าธรรมชาติว่า ถ้ารับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอย่อมมีโอกาสที่จะหายจากโรคเบาหวานได้ คณะแพทย์และนักวิจัยทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างสูง โดยหาดูรายละเอียดได้เว็บไซต์ทั่ว ๆ ไป
  3. ใช้ควบคุมความดันโลหิตสูงให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ แต่ทั้งนี้จะต้องช่วยตัวเองด้วยการควบคุมอาหาร การบริหารร่างกายแบบง่าย ๆเช่น เดิน รำมวยไท้ชี่ เป็นต้น มิฉะนั้นแล้ว การบำบัดด้านนี้จะไม่ได้ผลเท่าที่ควรดอกมะรุม
  4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ถ้ารับประทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากจะทำให้มารดามีสุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรงแล้ว ทารกที่เกิดมาก็จะมีสุขภาพสมบูรณ์และโอกาสที่ทารกจะติดเชื้อ hiv ย่อมลดน้อยลงด้วยมะรุมจะช่วยเพิ่มแคลเซียมให้แก่มารดาในระยะตั้งครรภ์ ได้เป็นอย่างดี คนทั่ว ๆ ไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองได้ถ้ารับประทานใบ มะรุมอย่างน้อยอาทิตย์ละ ๓ ครั้ง
  5. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานที่ต่ำลงของผู้ป่วยโรคเอดส์ ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ และสามารถมีชีวิตอยู่อย่างคนปรกติทั่วไปในสังคมการรักษาโรคเอดส์ประสบผลสำเร็จ อย่างกว้างขวางจากประเทศในกลุ่มทวีปแอฟริกา และได้รับความสำเร็จเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.๒๐๐๕ จากการค้นคว้าและทดลองของวัดแอฟริกาอินแลนด์ ประเทศทานซาเนีย โดยนายแพทย์เฟลิซิ และพยาบาลชาวเยอรมันชื่อไมค์กี้ เอตลิ่ง สำหรับท่านที่สนใจต้องการจะนำไปทดลองใช้ วิธีการรักษาจะอยู่ในบทความตอนท้ายของหนังสือเล่มนี้ โดยละเอียด
  6. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันมะเร็งและถ้าหาก เป็นอยู่ก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ ถ้าใช้ควบคู่กับยาแพทย์แผนปัจจุบัน หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ได้รับการรักษาด้วยรังสีการ ดื่มน้ำมะรุมจะช่วยลดการแพ้รังสีช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น และมีร่างกายแข็งแรง ขณะนี้สถาบันค้นคว้า โรคมะเร็งของมหาวิทยาลัยการแพทย์จอนฮอพกินส์ ตลอดจนหน่วยงานการวิจัยหลายสถาบัน กำลังเร่งทำหารค้นคว้าด้านนี้อย่างจริงจังท่านสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็ปไซต์ WWW.PUBMED.GOV โดยพิมพ์คำว่า MORINGA ท่านจะได้ข้อมูลการวิจัยอย่างมากมาย
  7. ช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของโรคเก๊าท์ โรคข้อและกระดูกอักเสบโรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม มีรายละเอียดบางส่วนจากการค้นคว้าด้านนี้ ในบันทึก ของ Dr.Lowell J. Fuglie และในเว็บไซต์ของหมอชาวบ้าน สำหรับกรณีของโรคเก๊าท์ และโรคไขข้ออักเสบผู้เขียนและเพื่อน ๆ ชาวต่างชาติมีประสบการณ์โดยตรง ส่วนโรคมะเร็งในกระดูกนั้นมารดาอายุ 65 ปี ของเพื่อนร่วมงานชาวพม่าเมื่อ เริ่มทานใบมะรุม ได้ 1 ปี ก็พบว่ามีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุขภาพอยู่ในขั้นดี ไม่มีอาการทรุดโทรมเช่น ผู้ป่วยมะเร็งรายอื่น ๆ
  8. ช่วยรักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะทำให้สายตาดีขึ้นบุตรชายของผู้เขียนรับประทานใบมะรุมนานประมาณ 1 ปีครึ่ง ก็ปรากฏว่า อาการสายตาสั้นที่เป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมจนสังเกตได้ตัวผู้เขียนองเป็นโรคตา กลูโคม่า อย่างรุนแรง มีอาการน่าวิตก หลังรับประทานมะรุมอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 4 ผลปรากฏว่าดีขึ้นอย่างมาก จนแพทย์ ผู้ทำการรักษาประหลาดใจและงุนงงเมื่อทราบว่าเป็นผลมาจากการทานใบมะรุมที่ท่า นปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนนั่นเอง
  9. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง โรคพยาธิในลำไส้ เป็นต้น ในปี 2003 ผู้เขียนป่วยหนักด้วยโรคลำไส้อักเสบอย่างรุนแรง แพทย์ลงความเห็นว่าควร ตัดส่วนที่เป็นปัญหาทิ้งเพื่อกันการลุกลามจนอาจถึงเป็นมะเร็งได้ แต่เนื่องจากสุขภาพในขณะนั้นไม่อำนวยให้ทำการผ่าตัด ประกอบกับลำไส้ ยังอักเสบอยู่หลังจากออกจากโรงพยาบาล แพทย์ให้รับประทานยาปฏิชีวนะจนหมด และนัดให้กลับไปตรวจใหม่ แต่ด้วยความกลัวประกอบกับมารดาผู้เขียนเสียชีวิตด้วยโรคเดียวกัน หลังผ่าตัดเพียง 4 วัน ผู้เขียนจึงตัดสินใจไม่กลับไปหาหมออีก ระหว่างนั้นก็รับประทานใบมะรุมทั้งสดและแห้งรวมทั้งใบบัวบกด้วยอาการ เจ็บปวดอย่างรุนแรงก็หายไป หนึ่งปีต่อมาทางโรงพยาบาลยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่กลับไปตรวจลำไส้อีก และถ้าหากมีการอักเสบซ้ำซ้อน ทางบริษัทประกันสุขภาพจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนจึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาผลปรากฏว่าโรคลำไส้หายเป็นปรกติ ไมมีอาการแทรกซ้อนใด ๆ ทั้งสิ้น
  10. รักษาปอดให้แข็งแรงและช่วยรักษาโรคปอดอักเสบ จากการค้นคว้าของแพทย์หลาย ๆ ท่านและจากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียนที่เคยเป็นโรคปอดมาก่อน เมื่อรับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอ รู้สึกได้ว่าสุขภาพปอดดีขึ้น
  11. รักษาโรคทางเดินหายใจอักเสบ โรคโพรงจมูกอักเสบ หอบหืด และโรคภูมิแพ้ ทุกคนในครอบครัวผู้เขียนได้รับผลน่าพอใจอย่างยิ่งจากการใช้มะรุมผง โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ อาการภูมิแพ้ของผู้เขยลดลงจนเกือบจะหายดี หอบหืดหายไป หายใจสะดวกขึ้นจนคนใกล้ชิดสังเกตเห็นได้ในระยะแรก ๆ ของการรับประทานใบมะรุม ผู้เขียนมีอาการไอมากพอสมควร แต่เพื่อนชาวจีนได้ให้ข้อสังเกตว่า นี่คืออาการขับพิษของมะรุมเมื่อขับพิษหมด อาการไอจะหายไปเอง ในขณะเดียวกันชาวต่างชาติผู้ขายผงมะรุม ได้นำเม็ดมะรุมมาให้ทดลองรับประทานดู ปรากฏว่าอาการไอหายไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้แทบจะไม่มีอาการไออีกเลย นอกจากเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงมาก ๆ จะไอบ้างเล็กน้อยแต่ไม่รุนแรงนัก
  12. ช่วยเชื่อมต่อกระดูกที่หักได้ผลรวดเร็ว มีหลายกรณีที่เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ ก่อนที่ผู้เขียนจักเริ่มรับประทานมะรุม ขณะนั้นสุขภาพทรุดโทรมมากและหก ล้มเป็นประจำเพราะเข่า อ่อน มีครั้งหนึ่งหกล้มนิ้วเท้าหักแพทย์ผู้ทำการรักษาประเ มินผลการรักษาว่าจะหายได้ในระยะเวลา 7 8 เดือนเป็นอย่างน้อย โชคดีที่ผู้เขียนเริ่มรับประทานมะรุมแคปซูลอย่างสม่ำเสมอ ปรากฏว่าอาการดีขึ้น เริ่มใส่รองเท้าได้ภายใน 3 อาทิตย์ และสามารถเดินได้เป็นปรกติในระยะเวลาแค่ 3 เดือน ผู้สูงอายุหลายท่านแห่งหมู่บ้านออนท็อปออฟเดอ-เวิลร์ด เมืองโอคาล่า มลรัฐฟลอริดาและชาววัด ป่าธรรมชาติ เมืองลาพวนเต้ หลายท่านก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับกระดูกหักและใช้มะรุมช่วยรักษาเช่นเดียวกันสำหรับ ผู้เขียนเองนอกจากจะช่วยเรื่องกระดูกหักแล้ว ยังช่วยโรคกระดูกเสื่อมในผู้สูงวัยอีกด้วยคุณหมอโมนา ได้ตกลงตรวจกระดูกให้ผู้เขียนหลังจากที่ได้ขออนุญาตท่านหยุดทานแคลเซียมเป็นเวลา 8 เดือน และกลับไปเอ็กซเรย์กระดูกใหม่ ผลปรากฏว่าความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มขึ้น 1% ถึงแม้จะเป็นอัตราส่วนที่เล็กน้อย แต่คุณโมนากล่าวว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของผู้เขียนและจากผลการตรวจ ท่านได้สั่งหยุดยารักษาโรคทุกชนิดเหลือ แต่ยาความดัน ให้มีติดตัวไว้เสมอเพื่อความไม่ประมาทส่วนยาหยอดตา ผู้เขียนยังคงใช้เป็นประจำ
  13. ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษ มีผลในเพศหญิงเต็ม 100% ชาย 75% ใบมะรุมผงสามารถรักษาจนผู้เขียนหายขาดจากโรคคอหอยพอก ในอดีต แพทย์ที่ให้การรักษาให้ยาเกินขนาด จนร่างกายผู้เขียนรับไม่ไหวระยะเวลาเพียง 6 เดือนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 50 ปอนด์ ในที่สุดแพทย์ที่ทำการรักษายอมแพ้ และส่งต่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคดูแลต่อกว่าจะถึงมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เขียนอาการทรุดลงมากแล้ว โรคเบาหวานเข้าแทรก โรคไขมันในเม็ดเลือด ความดันสูง โรคตับ โรคไต โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคกระเพาะ พร้อมใจกันคุกคามอย่างหนัก สายตาเสื่อมลง การหายใจผิดปรกติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คุณหมอโรเซ็นเบอร์กถึง กับส่ายหน้าเพราะไม่ทราบจะเริ่มรักษาส่วนใดก่อนดี ในระยะเริ่มแรกที่ทำการรักษา ผู้เขียนเกิดอาการโรคลำไส้แทรกซ้อนแทบเอาชีวิตไม่รอดในตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าผู้เขียนจะรอดชีวิตมาได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ดูจะสุดวิสัยแพทย์จะเยียวยาได้หลังจากออกจากโรงพยาบาล คุณหมอโรเซ็นเบิร์กตัดสินใจจะรักษาโรคคอหอยพอกก่อน ซึ่งขณะนั้นมีให้เลือก 2 ทางคือดอกมะรุม
    • การผ่าตัด กรณีนี้ผู้เขียนกลัวมากเพราะมารดาเคยได้รับการผ่าตัด แบบเดียวกัน แต่โชคร้ายการผ่าตัดไม่ประสบผลเท่าที่ควรมีโรคแทรกซ้อนจนเกิดอาการทางประสาท และต้องนอนโรงพยาบาลนานถึง 2 ปี
    • การใช้รังสีปรมาณู เพื่อนหลายคนของผู้เขียนได้รับการรักษาประเภทนี้ และประสบปัญหายุ่งยากทางสุขภาพ พอดีในขณะนั้นสุขภาพของผู้เขียนไม่อำนวยให้ทั้ง 2 ทางหมอจึงขอเวลา 3 เดือน

maroomdoks

วิธีปลูกมะรุม
มะรุม เป็นพืชที่ปลูกง่าย มะรุมเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำ การปลูกการดูแลรักษาก็ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อนเกษตรกรจึงมักนิยมปลูกมะรุมไว้ ริมรั้วบ้านหรือหลังบ้าน 1-5 ต้น เพื่อให้เป็นผักคู่บ้านคู่ครัวแบบพอเพียงที่ไม่ต้องซื้อหา

การเตรียมพันธุ์ปลูก ที่นิยมปฏิบัติทำได้ดังนี้

  1. การเพาะเมล็ด โดยนำดินร่วนและแกลบดำผสมใส่ถุงเพาะ ขนาด 4 x 6 นิ้ว จัดวางในที่ร่มรำไรแล้ววางเมล็ด 1-2 เมล็ด ลงในถุงเพาะ โรยดินกลบแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ปล่อยเลี้ยงไว้ 7-10 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก เมื่อต้นกล้าเจริญเติบโตมีอายุได้ประมาณ 60 วัน ก็สามารถนำลงปลูกในแปลง
  2. การปักชำ โดยนำดินร่วนและแกลบดำผสมใส่ในถุงเพาะหรือกระบะเพาะที่จัดวางไว้ในที่ร่ม รำไร เลือกกิ่งมะรุมที่ไม่อ่อนและแก่เกินไป ขนาดพอประมาณหรือเท่ากับแท่งดินสอดำ ตัดให้มีความยาวประมาณ 1 คืบ แล้วนำไปปักชำรดน้ำให้ชุ่ม ปล่อยเลี้ยงไว้ 10-15 วัน กิ่งปักชำจะเริ่มแตกยอดใหม่ออกมา จากนั้นคอยดูแลเพื่อให้กิ่งปักชำเจริญเติบโตแข็งแรงก่อนจึงนำลงปลูกในแปลง

maroomdok

ปลูกอย่างไร
โดยทั่วไปจะขุดหลุมปลูกกว้าง ยาว และลึก ด้านละ 30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ย คอกแห้งคลุกเคล้ากับดินบน (หรือตากแดด 1-2 วัน ก่อนปลูกก็ได้) จากนั้นนำกิ่งพันธุ์ลงปลูก เกลี่ยดินกลบ รดน้ำให้ชุ่ม หลังจากปลูกแล้วจะคอยดูแลใส่ปุ๋ยให้น้ำกระทั่งเจริญเติบโต เมื่อต้นมะรุมมีอายุประมาณ 1 ปี ก็จะเริ่มเก็บยอดอ่อนไปรับประทานได้ เนื่องจากมะรุมเป็นพืชที่ไม่มีโรคแมลงรบกวน จึงไม่มีการใช้สารเคมีฉีดพ่นเพื่อป้องกันกำจัด ผลผลิตที่ได้รับจึงปลอดภัย

การเก็บเกี่ยวอย่างไร คุณภาพจึงจะดี
เนื่อง จากมะรุมมีทรงต้นค่อนข้างสูง เกษตรกรมักจะเก็บเกี่ยวโดยใช้เหล็กทำเป็นข้องอผูกติดปลายไม้ยาวๆ นำขึ้นไปเกี่ยวที่ขั้วผลหรือฝักมะรุมแล้วกระตุกให้ขาดร่วงลงมา ซึ่งฝักอาจจะหักได้บ้างเมื่อกระแทกกับพื้น หรือบางรายใช้กรรไกรเก็บเกี่ยวผลไม้มาใช้ โดยตัดหนีบที่ขั้วผลแล้วนำลงมาวางที่พื้น ผลหรือฝักจึงไม่ร่วงลงมาแตกหัก ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเล่าให้ฟังว่า ผลหรือฝักมะรุมที่เก็บมาใหม่ๆ เมื่อนำไปปรุงรสหรือรับประทานทันทีจะทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมกรอบอร่อย มีข้อแนะนำเกี่ยวกับการเก็บรักษาผลหรือฝักมะรุมให้มีความสดได้ยาวนานคือ ถ้าเก็บฝักมะรุมในตอนเช้าแล้วนำไปขายในตอนเย็น หรือเก็บในตอนเย็นแล้วนำไปขายตอนเช้าควรนำไปแช่น้ำไว้ หรือวางบนพื้นสะอาดคลุมด้วยผ้า รดน้ำให้ชุ่ม ก็จะช่วยป้องกันการคายน้ำ คงความสดได้นานขึ้น แล้วยังทำให้ได้รสชาติหวานกรอบเหมือนเดิม

maroomkang

ป้ายคำ :

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด ไม้ยืนต้น

แสดงความคิดเห็น