ลางสุก เป็นไม้ผลยืนต้น มีทรงพุ่มขนาดใหญ่ ความสูง 20 เมตร ชอบขึ้นบริเวณมีอากาศร้อนชื้น นิยมปลูกด้วยเมล็ด เริ่มให้ผลครั้งแรกอายุ 8-9 ปี ต้นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ให้ผลผลิต 70-100 กิโลกรัมต่อต้น ออกผลเป็นช่อ เช่นเดียวกับลางสาด ลองกอง ถ้าตัดแต่งช่อดอกจะได้ช่อที่มีขนาดใหญ่ 1-2 กิโลกรัม ออกดอกช่วงมิถุนายน-ตุลาคม เก็บเกี่ยวหลังดอกบาน 120 วัน
ลักษณะผลภายนอก ผิวเปลือกผลก่อนสุกมีสีเขียวเข้ม ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวขี้ม้า เมื่อใกล้สุก และมีสีเหลืองเข้มเมื่อสุก เนื้อภายในผลเป็นกลีบ จำนวน 5 กลีบ บางผลมีเมล็ด 1-2 เมล็ด บางผลก็มีเมล็ดลีบทั้งหมด ระหว่างกลีบมีเยื่อบางๆ เป็นผนังกั้น ถ้ารับประทานติดเยื่อบางๆ นี้จะมีรสชาติขมเล็กน้อย เมื่อผลสุกเต็มที จะมีรสชาติหวาน และมีกลิ่นหอม ชวนรับประทาน ปลูกมากในพื้นที่รอบๆ เทือกเขาหลวง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช แถบอำเภอนบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ลานสกา ช้างกลาง สิชล ขนอม ฯลฯ มีพื้นที่ปลูกทั้งหมดประมาณ 2,000 ไร่ ปลูกมากที่สุดในอำเภอนบพิตำ ประมาณ 640 ไร่ ให้ผลแล้วประมาณ 600 ไร่ มีผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 1,000 กิโลกรัม/ไร่/ปี
นิสัยของลางสุก ชอบขึ้นในที่ร่มรำไร มีต้นไม้ชนิดอื่นขึ้นบังแสงบ้างจะเจริญเติบโตได้ดี แต่ถ้าปลูกเชิงเดี่ยว จะต้องปลูกกล้วยแซมช่วยบังร่มไปจนกว่าต้นลางสุกจะโต การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก เพราะเป็นพืชพื้นเมืองที่ทนทาน ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกปีละ 1 ครั้ง ครั้งละ 5 กิโลกรัม/ต้น คือในช่วงหลังเก็บเกี่ยว และช่วงติดผลอ่อน ครั้งละ 1-1.5 กิโลกรัม/ต้น หลังจากนั้น ใส่ปุ๋ยและให้น้ำตามปกติ
ความเป็นพืชพื้นเมือง พืชประจำถิ่น ที่สามารถปรับตัวได้ดี ทนสภาพแห้งแล้ง ฝนชุก ไม่มีแมลงศัตรูรบกวน ใช้สารเคมีน้อย นอกจากจะเป็นไม้ผลที่ทำรายได้ทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกร อาจจะเป็นรายได้หลักหรือรายได้เสริม ตามแต่เจตนาของผู้ปลูกแล้ว ลางสุกยังจะเป็นพืชที่สร้างสีเขียว สร้างความร่มรื่น ชุ่มชื้นให้แก่โลกใบนี้ไม่ใช่น้อย ควรค่าแห่งการอนุรักษ์ และปลูกเพิ่มในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อไป
ป้ายคำ : ผลไม้