บ้านเรือนหรือร้านค้าใดมีว่านกุมารทองปลูกไว้จะเป็นสิริมงคลแก่สถานที่และผู้ปลูก เป็นว่านที่มีอำนาจ มีเทวดาคุ้มครอง เป็นที่ยำเกรงแก่ผู้พบเห็น ถ้าค้าขายก็จะขายได้กำไรไม่ล่มจม ให้อธิษฐานเอาเถิดในสิ่งที่ปรารถนา ถ้านำดอกว่านไปเคี่ยวน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันถั่วไว้ทาตัวจะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี ควรปลูกว่านต้นนี้ไว้ใกล้ๆ ศาลพระภูมิจะยิ่งดี เป็นว่านคู่กับ ว่านนางคุ้ม ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน
ว่านกุมารทอง ว่านชนิดนี้ นอกจากจะมีดอกสวยงามแล้ว ยังมีความเชื่อดีๆ มาแต่โบราณแล้ว โดยดอกของ ว่านกุมารทอง จะออกปีละครั้งในช่วงเดือน พฤษภาคม แทงช่อดอกขึ้นจากหัว ตัวดอกเป็นฝอยรูปทรงกลม สีแดงสดใสสวยงามมาก เวลามีดอกใบจะไม่มี ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ที่นิยมปลูกไม้ดอกชนิดมีหัวจะซื้อส่งกลับไปยังประเทศของเขาจำนวนมาก เมื่อถึงฤดูกาล ว่านกุมารทอง มีดอกเขาจะปลูกลงกระถางเล็กๆ นำไปตั้งบนโต๊ะหรือตั้งตามระเบียงสร้างบรรยากาศเป็นธรรมชาติดีมาก ที่สำคัญดอกสามารถบานอยู่ได้นานหลายวัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Haemanthus multiflorus (Tratt.) Martyn
ชื่อวงศ์ : Amaryllidaceae
ชื่อสามัญ : Blood flower, Powder puff lily
ชื่อพื้นเมือง : ว่านแสงอาทิตย์, ว่านตะกร้อ, ว่านกระทุ่ม, ว่านพู่จอมพล, ดอกพฤษภา
ลักษณะทั่วไป
ว่านกุมารทองเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กในวงศ์พลับพลึง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกาเขตร้อน
ลำต้นเป็นหัวลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่ เจริญอยู่ใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับรอบต้น ใบรูปรีแกมรูปไข่กลับ กว้าง 5-8 เซนติเมตร ยาว 15-20 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนาอวบน้ำ สีเขียวอมเหลือง ผิวเป็นมันอาจย่นเป็นคลื่นเล็กน้อย ก้านใบสั้นมีจุดประสีน้ำตาลแดง
ดอก : ออกดอกในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม โดยต้นจะพักตัวก่อนมีดอก เมื่อดอกโรยแล้วจึงจะผลิใบ ลักษณะดอกจะชูก้านดอกเป็นลำตรงสีเขียวอ่อน จากกลางต้นสูงมาพ้นใบ ยาว 30-40 เซนติเมตร ดอกมีสีแดงสด หรือแดงอมส้ม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแน่นจากกอ กลีบดอกและเกสรยาวเป็นเส้นฝอย ช่อดอกบานเต็มที่กว้าง 12-15 เซนติเมตร บานติดต้นอยู่ประมาณ 7-10 วัน จึงจะโรย
ความเชื่อ
ว่าน กุมารทองรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง คือว่านแสงอาทิตย์ สมัยโบราณนั้นว่านกุมารทองนับว่าเป็นว่านที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเด่นในด้านเมตตามหานิยม เรียกลูกค้า เรียกโชคลาภเข้าร้าน ร้านค้าใดปลูกเลี้ยงไว้ กิจการงานจักเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งยังช่วยป้องกันบ้านเรือน นิยมปลูกคู่กับว่านนางคุ้ม ว่ากันว่าว่านชนิดนี้มีเทวดาเจ้าที่คุ้มครอง ดังนั้นผู้ปลูกเลี้ยงจึงนิยมนำไปปลูกไว้ใกล้ๆกับศาลพระภูมิ หากปลูกเลี้ยงและปฏิบัติอย่างถูกวิธี อธิษฐานขอสิ่งใดจะสมดังหมายทุกประการ และหากผู้ใดปลูกเลี้ยงว่านได้เจริญงอกงามเมื่อใดว่านออกดอกจะได้ลาภก้อนใหญ่ หากจะใช้ในด้านคงกระพันชาตรี โบราณว่าให้เคี่ยวดอกว่านกับน้ำมะพร้าว ทาตามเนื้อตัวจะคงกระพันยิ่งนัก ว่านกุมารทองนั้นถ้าจะให้ดีต้องปลูกในวันเกิดของผู้เลี้ยง และก่อนรดน้ำทุกครั้งต้องเสกน้ำด้วยคาถา นะโมพุทธายะ 3 จบ
ลักษณะของว่านกุมารทอง : หัว ว่านมีลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่ มีจุดสีแดงออกคล้ำแต้มหัวว่านส่วนบนและโคนลำต้นไปจนถึงเกือบปลายยอด เมื่อยังอ่อนจะมีฐานรากสีขาวเป็นแท่นรอง ใบเหมือนใบขนุนแต่ใหญ่กว่าเป็นมันเงาคล้ายว่านมหาลาภ
ประโยชน์/สรรพคุณ
สรรพคุณ
นำดอกไปเคี่ยวกับนํ้ามันมะพร้าวไว้ทาตัวจะยืนยงคงกระพันชาตรียิ่งนัก ถ้าผู้ใดปลูกว่านต้นนี้ไว้กับบ้าน หรือห้างร้าน บริษัทต่างๆ ร้านค้าย่อยหรือร้านค้าใหญ่ จะเกิดค้าขายได้กำไรไม่ล่มจม ว่านต้นนี้เป็นสิริมงคลแก่ผู้ปลูกให้อธิฐานเอาเถิดในสิ่งที่เราปรารถนาจะได้สมประสงค์ทุกประการ ว่านต้นนี้เป็นว่านมีอำนาจ มีเทวดาคุ้มครอง ว่านตลอดจนถึงผู้ปลูกและรดน้ำด้วย ผู้ปลูกควรปลูกว่านต้นนี้ไว้ใกล้ ๆ
วิธีปลูกว่านกุมารทอง
สิ่งที่ว่านกุมารชอบมากก็คือดินที่สามารถระบายอากาศได้ดีและสามารถที่จะระบายน้ำได้ดีด้วย ดินที่มีลักษณะอย่างนี้จะเป็นดินร่วนปนทรายซึ่งจะสามารถที่จะช่วยให้ว่านเจริญเติบโตได้ดี แต่ถ้าเราอยากจะให้มั่นใจว่าดินเราจะสามารถระบายน้ำได้ดี และถ่ายเทอากาศได้ดีนั้นเราก็ควรที่จะเอาเศษอิฐหรือเศษกระเบื้องลงในก้นกระถางก่อนที่จะใส่ดิน เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วเราก็เอาดินใส่ลงไปประมาณ 2 ส่วนของกระถาง และนำหัวว่านมาใส่ลงในกระถางก่อนที่จะกลบดินเล็กน้อยแต่ไม่ต้องกดให้แน่นนะครับ ว่านนี้ควรที่จะปลูกวันอังคารเป็นวันทำการปลูกหากได้วันอังคารเดือน 6 จะเพิ่มความขลังยิ่งขึ้น ส่วนน้ำที่จะรดในคราวแรกปลูก ควรเสกด้วยคาถา นะโมพุทธายะ 3 ครั้ง แล้วจึงนำไปรดหัวว่านที่เพิ่งลงดิน
ที่มา
คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร
ป้ายคำ : ว่าน