ว่านสี่ทิศเป็นพรรณไม้อายุสั้นที่ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง เวลาปลูกให้ปุ๋ยสูตรที่มีโพแทสเซียม จะช่วยบำรุงหัวให้โต เมื่อดอกโรยก็รดน้ำเลี้ยงต่อไปให้หัวเก็บสะสมอาหารจนถึงต้นฤดูหนาว ไม้หัวส่วนใหญ่จะพักตัวจึงควรงดให้น้ำในช่วงฤดูนี้
ชื่อวิทยาศาสตร์: Hippeastrum johnsonii.
วงศ์: AMARYLLIDACEAE(วงศ์พลับพลึง)
ชื่อสามัญ: Wan-See-Til
ลักษณะทั่วไป
ว่านสี่ทิศเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์พลับพลึง เกิดจากกาบใบหุ้มซ้อนอัดกันแน่น ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือดินเป็นส่วนของแผ่นใบ มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดินมีลักษณะคล้ายกับหอมหัวใหญ่ ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือดินเป็นส่วนของก้านใบ และตัวใบเท่านั้น ลักษณะของใบเป็นสีเขียว รูปหอกยาวเรียว ปลายมน ขอบใบเรียบ ใบกว้างประมาณ 3-5 ซม. และยาวประมาณ 2530 ซม. ก้านดอกจะแทงสูงขึ้นจากกอ มีความประมาณ 25-30 ซม. ดอกออกตรงปลายก้านดอก มีสีชมพูตรงปลายดอก ดอกแยกออกเป็น 6 กลีบ เมื่อบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 6-8 ซม. และจะทยอยกันบานทีละ 4 ดอก หันไปทั้ง 4 ทิศ จึงนิยมเรียกกันว่า ว่านสี่ทิศ
การปลูกว่านสี่ทิศ
ควรปลูกในดินปนทราย ให้น้ำ และความชื้นปานกลาง ว่านสี่ทิศเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบแสงแดดมาก จึงควรต้องปลูกในที่แจ้ง จึงจะเจริญเติบโตและมีดอกได้ดี
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยแยกหน่อ หรือแยกหัวไปปลูกใหม่
ประโยชน์ของว่านสี่ทิศ ที่โดดเด่นก็คงหนีไม่พ้นการเป็นไม้ดอกไม้ประดับ เพราะมีดอกและสีที่งดงาม และยังถือว่าเป็นว่านมงคลอีกด้วย ในการขึ้นบ้านใหม่คนไทยก็นิยมปลูกว่านสี่ทิศไว้ในบริเวณบ้านด้วยเช่นกัน โดยจะปลูกไว้ทางทิศเหนือ ด้วยเชื่อว่าจะช่วยเสริมดวงให้เจริญก้าวหน้า มีวาสนาบารมี ช่วยปกป้องคุมครองภัยต่างๆ ว่านสี่ทิศตามความเชื่อแล้วจะเปรียบเสมือนกับต้นไม้เสี่ยงทาย
ความเชื่อเกี่ยวกับว่านสี่ทิศ
เชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงว่านสี่ทิศให้ออกดอกพร้อมกันได้ทั้งสี่ดอกหรือสี่ทิศผู้เลี้ยงจะมีโชคลาภ และหากว่าในช่วงที่ว่านสี่ทิศกำลังออกดอกทั้งสี่อยู่นั้น ผู้เลี้ยงคิดจะทำอะไร ก็จะประสบความสำเร็จทุกประการ แต่ถ้าหากว่า ว่านสี่ทิสออกดอกไม่ครบทั้งสี่ดอก หรือออกดอกแค่ 2 หรือ 3 ดอก ก็จะไม่เป็นผลดีแก่ผู้เลี้ยงเหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าจะมีสิ่งไม่ดีเกิดแก่ผู้เลี้ยง
ป้ายคำ : ว่าน