แม้ว่าภูเก็ตจะถูกจดจำในฐานะแผ่นดินทองสำหรับการท่องเที่ยว และห่างไกลจากคำว่ากสิกรรมมากเพียงใด แต่สำหรับพื้นที่จำนวน 38 ไร่ ที่หมู่ 2 ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต กลับกลายเป็นสถานที่ล้ำค่าซึ่งอุทิศตนเพื่อถ่ายทอดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมอบภูมิปัญญาไทยกับการพึ่งตนเองแก่ประชาชน ที่แห่งนี้ก็คือ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ต
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ตศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ตศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ตเมื่อเดินทางมาถึงวัดเทพนิมิตร บริเวณใกล้เคียงกับที่ทำการเทศบาลตำบลวิชิต จะพบทางเข้าและป้ายบอกทางของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ต อยู่ฝั่งตรงกันข้าม เมื่อขับรถเข้าไปด้วยระยะทางประมาณ 500 เมตร จะพบกับพื้นที่หนึ่งซึ่งทำให้ผมได้รับรู้ว่า คำกล่าวที่ว่าจังหวัดภูเก็ตไม่เหมาะกับการทำกสิกรรมนั้นดูจะเป็นการดูแคลน แผ่นดินเกิดของพวกเราเกินไป เพราะภาพที่ผมได้เห็นจากที่ดินบริเวณนี้ ไม่แตกต่างจากสถานที่ทำกสิกรรมเชิงเกษตรที่อื่นๆ ทั้งความเขียวขจีของพืชพรรณ ดินที่ดูสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก และอากาศอันบริสุทธิ์
หรือว่าคำตอบของสิ่งที่ผมได้พบเห็นอาจจะอยู่ที่ หลักการทำกสิกรรมธรรมชาติ ตามแนวพระราชดำริ ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
คุณสุเทพ เอนกธรรมพินิจ ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ต
คุณสุเทพ เอนกธรรมพินิจ ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ต ชายวัยกลางคนสวมเสื้อม่อฮ้อม ท่าทางสุขุม ยิ้มทักทายต้อนรับผม พร้อมชักชวนให้ไปเดินสำรวจพื้นที่กสิกรรมพร้อมเล่าถึงความเป็นมาและแนวทางการดำเนินงานของศูนย์แห่งนี้ว่า
ลองมองไปรอบๆ บริเวณแห่งนี้ว่าคือสิ่งใด หลายคนคงตอบทันพลันว่าที่นี่คือแปลงเกษตรที่ปลูกขึ้นเพื่อขายทำกิน คำตอบนี้ไม่ได้ผิดหรอกนะครับ เพียงแต่เป็นคุณประโยชน์แง่มุมหนึ่งเท่านั้น หากอยากได้คำตอบว่าที่แห่งนี้มีความหมายอย่างไร ก็ขอตอบว่า เป็นสถานที่ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดแนวทางการใช้ชีวิตอย่างพอดี ตามแนวทางพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
แม้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะไม่ได้มีอาณาเขตใหญ่โต กระทั่งถูกแวดล้อมด้วยตึกรามบ้านช่อง และถนนสายใหญ่ที่มีรถยนต์วิ่งกันขวักไขว่ตามวิถีของดินแดนมากความเจริญอย่างเกาะภูเก็ต แต่พวกเราก็ขอแสดงให้สังคมได้เห็นถึงคุณค่าและคุณประโยชน์ของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ต อย่างเป็นรูปธรรมและจับต้องได้ อาทิเช่นการทำการเกษตรแบบธรรมชาติไร้สารพิษ, การผลิตน้ำมันไบโอดีเซล, การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ, การทำน้ำยาเอนกประสงค์, การผลิตถ่าน/น้ำส้มควันไม้ ฯลฯ รวมไปถึงมีอาคารอบรมที่รองรับประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งสนใจมาแสวงหาภูมิปัญญาแบบเกษตรพอเพียง
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ตศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ตศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ตศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ต ไม่มีใครเป็นเจ้าของ พวกเราคณะกรรมการทุกคนเป็นเพียงฟันเฟืองตัวเล็กๆ ซึ่งมีใจรักและมุ่งหวังให้แนวคิดนี้สามารถจุดประกายให้แก่ผู้อื่นได้ เพราะแก่นแท้ของความพอเพียงก็คือ การส่งเสริมความพอประมาณในการใช้ชีวิต ที่ไม่มากเกินและก็ไม่น้อยเกินไป ทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งรอบตัวเพื่อความสุขในการใช้ชีวิต และส่งเสริมกิจกรรมการมีส่วนร่วมในครอบครัวและในสังคม แน่นอนว่าหากได้ซึมซับและสัมผัสอย่างเข้าถึง ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการใช้ชีวิตได้ในทุกๆเรื่อง
ชีวิตก็เหมือน ต้นกล้า ของพืชผักปลอดสารพิษที่ศูนย์แห่งนี้ ซึ่งอาจจะโอนเอนหรืออ่อนล้าตามแรงลมและเม็ดฝนไปบ้าง แต่หากสามารถเติบโตเป็นต้นไม้ตามวิถีทางที่ถูกต้องแล้ว มันก็ยากที่จะล้มตาย หรือหากล้มมันก็จะกลับมาเติบโตได้ใหม่อย่างสง่าผ่าเผยในเวลาอันรวดเร็ว และไม่สร้างพิษภัยให้กับผู้ที่ได้รับประทานมันเข้าไป
พวกเราไม่ใช่ผู้รู้ที่เก่งกาจ ไม่ใช่นักปราชญ์ที่เก่งกล้า และไม่ใช่พ่อค้า-แม่ค้า ขายพืชผัก แต่พวกเราคือผู้ถ่ายทอดปรัชญาที่มากด้วยคุณค่า และเฝ้ารอให้ผู้ที่ตระหนักในแนวพระราชดำริของในหลวง เข้ามาร่วมรับแนวคิดนี้ พร้อมยินดีเปิดรับองค์ความรู้จากภายนอกมาร่วมกันแลกเปลี่ยน เพื่อพัฒนาศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ตแห่งนี้ และเรามั่นใจว่าสิ่งที่จะได้กลับไป จะต้องเป็นสิ่งที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับทุกๆคนได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูเก็ต ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 100/3 หมู่ 2 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุเทพ เอนกธรรมพินิจ โทร. 081-5697791 หรือทางอีเมล์ suthep6092@hotmail.com
ป้ายคำ : ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ, ศูนย์เรียนรู้