“สงวน มงคลศรีพันเลิศ” หรือ “ลุงหงวน” เป็นปราชญ์ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านเขากลม ตำบลหนองทะเล จังหวัดกระบี่ ได้รับรางวัลมามากมายทั้งในระดับจังหวัด ระดับประเทศ อาทิ รางวัลเกษตรกรดีเด่นปี 2548 สาขาปศุสัตว์ รางวัล 76 คนดี แทนคุณแผ่นดิน ปี 2552 รางวัลการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้านประชาชนทั่วไป ปี 2550 รางวัลศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ชนะเลิศอันดับ 1 ระดับจังหวัดปี 2550 เป็นต้น
ในช่วงการของการดำเนินชีวิตที่ผ่านมา ปราชญ์สงวนเคยคิดอยากจะรวยจึงมุ่งหน้าสู่บริษัทเอกชน ไปเป็นมนุษย์เงินเดือนตอนนั้นได้รับเงินเดือนประมาณ 28,000 บาท ปราชญ์สงวนมีความเห็นว่า ถูกตีกรอบจนเกินไป จึงทำให้ชีวิตตีกรอบไปด้วย เหตุผลคือเงินเดือนและเงินในบัญชีไม่เหลือสักบาทในแต่ละเดือน ปราชญ์สงวนจึงคิดถึงคำสอนของพ่อหลวง ซึ่งปราชญ์เรียกว่าพ่อ ด้วยคำสอนที่ให้ไว้ว่า ให้คิดถึงเรื่องกิน ก่อนเรื่องเงินและทำให้ตัดสินใจเริ่มต้นการทำมาหากินแบบเกษตรกรบนพื้นที่ 8 ไร่หลังจากมาทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่
นับจากปี 2550 เป็นต้นมา ปราชญ์สงวนได้ดำเนินชีวิตตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงปราชญ์สงวนบอกว่า สิ่งที่ทำให้หันมาปฏิบัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ พระบรม-ราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้ประทานให้พสกนิกรชาวไทย ซึ่งเน้นการพึ่งตนเอง เลือกมีกิน ก่อนมีเงิน โดยการประกอบอาชีพ ยึดความจริง, ความเหมาะสม, ความรู้, ความไว และสถานที่ ในการประกอบอาชีพโดยการทำเกษตรแบบครบวงจร ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ให้ธรรมชาติเกื้อกูลกันเอง ที่สำคัญที่สุด ทุกกระบวนการของการทำการเกษตรที่ครบวงจรสามารถกำหนดราคาเองได้ เพราะทุกวันนี้ คนจำนวนมากฝากชีวิตไว้กับคนอื่นหมดแล้ว ท้องหิวก็ฝากไว้กับร้านค้า, ความรู้ฝากไว้กับสถาบันการศึกษา, ผลผลิตฝากไว้กับพ่อค้าและสุขภาพก็ฝากไว้กับหมอ
หลังจากนำเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ปราชญ์สงวนมีรายได้เดือนแรกจากการทำเกษตรเพียง 900 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้เมื่อยังทำงานในโรงงานก็ทำให้ปราชญ์สงวนรู้สึกใจหาย แต่เมื่อพบว่าเงินในบัญชีครัวเรือนยังมีเหลือ 300 บาท และด้วยความที่ยึดมั่นว่าพ่อ (พ่อหลวง) คงไม่หลอกลูกแน่ ทำให้ปราชญ์สงวน ได้ยึดมั่นและเดินตามรอยเท้าพ่อมาโดยตลอด ส่งผลให้ครอบครัวมีความอบอุ่น เป็นครอบครัวจริงๆ ไม่ใช่ครัวครอบ เหมือนดังที่ผ่านมาซึ่งได้ดำเนินชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนเชิงเดี่ยว
ลุงหงวนบอกว่า วันนี้ใครที่คิดจะพึ่งตนเอง ก้าวแรกที่จะต้องทำอันดับแรก คือ
ขั้นตอนที่ 1 ต้องมีปรัชญาความพอเพียง คือต้องมีหลักคิดมาก่อน ต้องเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตจึงจะเปลี่ยน
วิธีการคิดให้ท่อง 4 ข้อ คือ ตั้งคำถามว่า ทำ…ทำไม, ทำอย่างไร, ทำเมื่อไร และทำให้ใคร…
ขั้นตอนที่ 2 คือ ใช้ปัญญา ความพากเพียร ความกล้าหาญ และ 3) แสวงหาความรู้ และใช้ความรู้ เพราะความสำเร็จของคนไม่ใช่ “พรสวรรค์” แต่เป็น “พรแสวง” ทั้งสิ้น
โลกนี้อยู่ในระบบทุนนิยม ถามว่าทุนนิยมผิดมั้ย…ตอบว่าไม่ผิดถ้าเรารู้จักบริโภค มันเป็นโลกาภิวัตน์ ยังไงเราก็หนีไม่พ้นวงจรนี้ แต่ปัจจุบันคนเลือกบริโภคไม่เป็น โดนครอบงำด้วยสื่อ เชื่อตามนั้น คนหลงไปหมดแล้ว วันนี้ประเทศไทยสอนมากกว่าเรียน
“สมัยพ่อแม่คิดให้รอด ไม่คิดให้รวย แต่รวยน้ำใจ รวยเพื่อน คนสมัยก่อนเอาชีวิต เอาความสุขเป็นเป้าหมาย เอาตังค์มาเป็นเครื่องมือ แต่สมัยนี้เอาชีวิตเข้าแลก ขายตัวก็ยอม ทิ้งลูกแลกกับเงิน ติดยาเสพติดเต็มไปหมด”
ฉะนั้น วิกฤตมากเท่าไหร่…ดีเท่านั้น เพราะคนจะกลับมาหาความจริงมากขึ้น แต่ทำไมคนยังไม่กลับบ้าน เพราะวันนี้ความฝันของเขายังไม่หมด วันนี้คนที่ทำงานมีเงินเดือน เราอย่าไปถามว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ แต่ให้ถามว่าเหลือเท่าไหร่
ลุงหงวนฝากข้อคิดถึงคนรุ่นใหม่ที่จะกลับมาถิ่นเกิด หรือกลับมาทำการเกษตรว่า เรามีทุนทางธรรมชาติมหาศาลอยู่แล้ว แต่อย่ากลับมาเป็น “อาชีพเกษตรกร” ให้กลับมาเป็น “มืออาชีพ” เท่านั้น ซึ่งเกษตรกรมืออาชีพต้องมี 7 เรื่อง คือ 1.มีที่ดินและดินดี 2.มีน้ำ 3.มีอากาศ 4.มีจุลินทรีย์ 5.มีพืช 6.มีสัตว์ 7.มีคน
สุดท้ายคนก็จะตายลงดิน
สิ่งที่ปราชญ์ชาวบ้านคนนี้ห่วงใยที่สุดในเวลานี้ก็คือ คนแห่ขายที่ดิน ไม่มีที่ทำกินแล้ว
“คนไทยต้องคิดไว้เสมอว่า…อย่าทิ้งผืนแผ่นดิน”
ในพื้นที่เกือบ 8 ไร่ของคุณสงวน นอกจากจะแบ่งที่ดิน 5 ไร่ทำไร่นาสวมผสมแล้ว ยังจัดตั้งเป็นศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลหนองทะเล, ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน และศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนบ้านเขากลม ซึ่งที่ผ่านมามีเกษตรกรจำนวนหลายหมื่นคนเข้ามาอบรมดูงาน รวมทั้งนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ มาฝึกงานเรียนรู้วิธีการทำการเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีจุดเรียนรู้ 22 จุด
ป้ายคำ : ปราชญ์