สมอพิเภก แก้เสมหะจุกคอ ทำให้ชุ่มคอ

16 เมษายน 2558 ไม้ยืนต้น 0

ไม้สมอพิเภกซึ่งเป็นไม้พื้นเมืองของประเทศไทย การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย สามารถขึ้นได้ในดินแถบทุกชนิด ดังนั้นในเรื่องพื้นที่ปลูกจึงไม่ค่อยมีปัญหาสำหรับไม้ชนิดนี้ การปลูกสมอพิเภกด้วยต้นกล้านั้น สามารถย้ายต้นกล้ามาปลูกได้โดยวิธีไม่มีดินหุ้มราก ขนาดของต้นกล้าที่เหมาะสมในการย้ายปลูกควรมีอายุ 6-7 เดือน มีความสูงประมาณ 40 ซม. ก่อนย้ายปลูกควรลิดใบและราก การย้ายต้นไม้จากแปลงเพาะไปปลูกควรย้ายในขณะอากาศชุ่มชื้น แต่ไม่ควรย้ายขณะฝนตกหนัก เพาะดินอาจแฉะเกินไป ดินอาจแน่นอากาศถ่ายเทไม่ได้ สำหรับอัตราการเจริญเติบโตและการปรับปรุงพันธุ์ไม้สมอพิเภกนั้นยังไม่มีการ ศึกษาและบันทึกข้อมูลไว้ ส่วนใหญ่แล้วจะปลูกไว้เพื่อเป็นไม้ใช้สอย โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร

ชื่อวิทยาศาสตร์ Terminalia bellerica Roxb.
วงศ์ Combretaceae
ชื่ออื่น ชิบะดู่ ลัน สมอแหน สะคู้ แหน แหนขาว แหนต้น

ลักษณะ
ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 15-35 เมตร ลำต้นเปลาตรง โคนต้นมักเป็นพูพอน เปลือกสีเทาอมน้ำตาลหรือเป็นสีดำๆ ด่างๆ เป็นแห่งๆ ค่อนข้างเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็กๆ ไปตามยาวลำต้น เปลือกในสีเหลือง เรือนยอดกลมแผ่กว้างและค่อนข้างทึบ กิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนประปราย ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว ติดเวียนกันเป็นกลุ่มตามปลายๆ กิ่ง ทรงใบรูปรีแกมรูปไข่กลับ กว้าง 9-15 ซม. ยาว 13-19 ซม. โคนใบสอบมาสู่ก้านใบ ส่วนที่ค่อนไปทางปลายใบผายกว้าง ปลายสุดจะหยัดคอดเป็นติ่งแหลมสั้นๆ เส้นแขนงใบโค้งอ่อน มี 6-10 คู่ เส้นใบแบบเส้นร่างแหเห็นชัดทางด้านท้องใบ เนื้อใบค่อนข้างหนา หลังใบเขียวเข้มและมีขนสีน้ำตาลกระจายทั่วไป ท้องใบสีจางหรือสีเทามีขนนุ่มๆ คลุม แต่ทั้งสองด้านขนจะหลุดร่วงไปเมื่อใบแก่จัด ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 4-6 ซม. บริเวณกึ่งกลางก้านจะมีต่อมหรือตุ่มหูด หนึ่งคู่ ดอก เล็ก สีขาวอมเหลือง ออกเป็นช่อเดี่ยวๆ แบบหางกระรอก ที่ง่ามใบหรือรอยแผลใบตามกิ่ง ปลายช่อจะห้อยย้อยลง ช่อยาว 10-15 ซม. ดอกเพศผู้ส่วนใหญ่จะอยู่ตามปลายๆ ช่อ ส่วนดอกสมบูรณ์เพศจะอยู่ตามโคนช่อ กลีบฐานดอก มี 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วยเล็กๆ ทั้งหมดมีขนทั่วไป เกสรเพศผู้มี 10 อัน เรียงซ้อนกันอยู่สองแถว รังไข่ ค่อนข้างแป้น ภายในมีช่องเดียวและมีไข่อ่อน 2 หน่วย หลอดท่อรังไข่มีหลอดเดียว ผล กลมหรือกลมรีๆ แข็ง ผิวนอกปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลหนาแน่น ออกรวมกันเป็นพวงโตๆ

samorpipegtone samorpipegbai

การกระจายพันธุ์ มีการกระจายอยู่ทั่วไปในป่าผลัดใบ ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ที่ใกล้ระดับน้ำทะเลไปจนถึง 500 เมตร จะทิ้งใบในช่วงสั้น ๆ ในเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม และใบอ่อนจะขึ้นมาใหม่พร้อมกับตาดอกในเดือนมีนาคม-เมษายน

samorpipegtree

การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์สมอพิเภกสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การขยายพันธุ์โดยอาศัยเพศ โดยการเพาะเมล็ด และการขยายพันธุ์โดยวิธีไม่อาศัยเพศ โดยการปักชำและตอนกิ่ง ในการขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเมล็ด ควรเก็บประมาณช่วงเดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤษภาคม วิธีการเก็บเมล็ด ใช้วิธีเก็บผลที่ร่วงหล่นใหม่ ๆ ผลแก่จะมีสีน้ำตาลเข้ม คุณภาพของเมล็ด เมล็ดที่เก็บใหม่ ๆ จะมีอัตราการงอก 85% เมล็ดที่เก็บไว้นานจะมีเปอร์เซ็นต์การงอกลดลง

samorpipegkla

สภาพดินฟ้าอากาศ ไม้สมอพิเภกซึ่งเป็นไม้พื้นเมืองของประเทศไทย การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย สามารถขึ้นได้ในดินแถบทุกชนิด ดังนั้นในเรื่องพื้นที่ปลูกจึงไม่ค่อยมีปัญหาสำหรับไม้ชนิดนี้ การปลูกสมอพิเภกด้วยต้นกล้านั้น สามารถย้ายต้นกล้ามาปลูกได้โดยวิธีไม่มีดินหุ้มราก ขนาดของต้นกล้าที่เหมาะสมในการย้ายปลูกควรมีอายุ 6-7 เดือน มีความสูงประมาณ 40 ซม. ก่อนย้ายปลูกควรลิดใบและราก การย้ายต้นไม้จากแปลงเพาะไปปลูกควรย้ายในขณะอากาศชุ่มชื้น แต่ไม่ควรย้ายขณะฝนตกหนัก เพาะดินอาจแฉะเกินไป ดินอาจแน่นอากาศถ่ายเทไม่ได้ สำหรับอัตราการเจริญเติบโตและการปรับปรุงพันธุ์ไม้สมอพิเภกนั้นยังไม่มีการศึกษาและบันทึกข้อมูลไว้ ส่วนใหญ่แล้วจะปลูกไว้เพื่อเป็นไม้ใช้สอย โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร

การปลูก
นำเมล็ดที่เก็บได้มาเพาะลงในแปลงเพาะที่เตรียมไว้ ใช้ดินร่วนกลบหนาประมาณ 0.5 นิ้ว เมล็ดจะเริ่มงอกประมาณ 45 วัน หลังจากเพาะ การผสมพันธุ์แบบปักชำและตอนกิ่งทำกันน้อย เนื่องจากความต้องการกล้าไม้ชนิดนี้ยังมีไม่มากนัก

samorpipegton

ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี:
ปริมาณความชื้นไม่เกิน 11% w/w ปริมาณเถ้ารวมไม่เกิน 5% w/w ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรด ไม่เกิน 0.6% w/w ปริมาณสารสกัดเอทานอล ไม่น้อยกว่า 17% w/w ปริมาณสารสกัดเอทานอล(70%) ไม่น้อยกว่า 29% w/w สารสกัดน้ำ ไม่น้อยกว่า 24% w/w ปริมาณแทนนินไม่น้อยกว่า 16% w/w

สรรพคุณ:
ตำรายาไทย: ผลอ่อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ และไข้เจือลม เป็นยาระบาย ยาถ่าย ผลแก่ แก้เสมหะจุกคอ ทำให้ชุ่มคอ แก้โรคตา แก้ธาตุกำเริบ บำรุงธาตุ แก้ไข้ แก้ริดสีดวง แก้ท้องร่วงท้องเดิน รักษาโรคท้องมาน เมล็ดใน แก้บิด แก้บิดมูกเลือด
ประเทศพม่า: ใช้ผลแห้งรักษาอาการไอ และโรคตา ในอินโดจีนใช้เป็นยาฝาดสมาน และยาบำรุง ผลสดเป็นยาถ่าย
ตำรายาไทย สมอพิเภกจัดอยู่ใน พิกัดตรีผลา คือการจำกัดจำนวนผลไม้ 3 อย่าง มี ลูกสมอพิเภก ลูกสมอไทย ลูกมะขามป้อม สรรพคุณแก้ปิตตะ วาตะ เสมหะ ในกองธาตุ กองฤดู กองอายุ และกองสมุฎฐาน พิกัดตรีสมอ คือการจำกัดจำนวนสมอ 3 อย่างมี ลูกสมอพิเภก ลูกสมอไทย ลูกสมอเทศ สรรพคุณแก้เสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้ ผายธาตุ รู้ถ่ายรู้ปิดเอง

samorpipegpon
นอกจากนี้บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) ปรากฏการใช้สมอพิเภกในยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) มีส่วนประกอบของสมอพิเภกร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับยาหอมนวโกฐ มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในอก ในผู้สูงอายุ แก้ลมปลายไข้ (หลังจากฟื้นไข้แล้วยังมีอาการ เช่น คลื่นเหียน วิงเวียน เบื่ออาหาร ท้องอืด อ่อนเพลีย)

รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา

  1. ยาระบายถ่ายท้อง ใช้ผลอ่อน 2-3 ผล ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว ใส่เกลือเล็กน้อย รับประทานครั้งเดียว
  2. แก้ท้องร่วง ท้องเดิน ใช้ผลแก่ 2-3 ผล ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว ใส่เกลือเล็กน้อย เคี่ยวจนเหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทาน

องค์ประกอบทางเคมี
chebulagic acid, ellagic acid, gallic acid, chebulagic acid

การศึกษาทางเภสัชวิทยา
สารสกัดผลด้วยเอทานอลเพิ่มการขับน้ำดีในสุนัข ทำให้ความดันโลหิตลดลงจนอาจถึงตายได้ แต่สารสกัดด้วยน้ำมีผลน้อยต่อการขับน้ำดี และทำให้ความดันโลหิตลดลงเล็กน้อย

samorpipegpaung

การศึกษาทางพิษวิทยา
การทดสอบพิษเฉียบพลันของสารสกัดผลด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 1,515 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) ตรวจไม่พบอาการเป็นพิษ และเมื่อให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมพบว่าขนาดที่ทำให้สัตว์ทดลองตายครึ่งหนึ่ง (LD50) เท่ากับ 6.156 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ที่มา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล, ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ.สมุนไพรไม้พื้นบ้าน เล่ม 4.477-479 หน้า
ฐานข้อมูลเครื่องยาไทยอีสาน คณะ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ป้ายคำ :

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด ไม้ยืนต้น

แสดงความคิดเห็น